เลือกตั้งและการเมือง

กกต.รวม 4 คำร้อง ‘ทักษิณ’ ครอบงำพรรค ‘พิธา’ ชี้เพื่อไทยควรได้สิทธิ์ชี้แจง ไม่ควรถึงขั้นยุบพรรค

โดย petchpawee_k

7 ชั่วโมงที่แล้ว

8 views

กกต. รวม 4 คำร้อง “ทักษิณ” ครอบงำ “เพื่อไทย” เป็นสำนวนเดียว เหตุคำร้องทำนองเดียวกัน ประธาน กกต. ยัน ต้องเรียกคนถูกร้องมารับทราบตามกฎหมาย ย้ำ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

วานนี้ 31 ต.ค. 2567 ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของคำร้องให้ตรวจสอบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า เมื่อปรากฎเป็นข่าว ขณะนี้ คำร้องมีทั้งหมด 4 คำร้องในทำนองเดียวกันก็เลยรวมไว้เป็นสำนวนเดียวกัน ขั้นตอนก็คือในเบื้องต้นได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เห็นว่าเป็นคำร้องที่สามารถรับไว้พิจารณาได้ เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนก็รับเรื่องไว้ และส่งเรื่องให้คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานดำเนินการตามกระบวนการต่อไป


“กรอบเวลาการทำงานของคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน แต่หากมีข้อเท็จจริงเอกสารพยานหลักฐานที่ต้องทำเพิ่มก็ขอขยายได้อีก 30 วัน หลังจากนั้น ก็จะต้องรวบรวมความเห็นทั้งหมดเสนอ เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียน ซึ่งหากมีความเห็นอย่างไร ก็ต้องรอไปอีกระดับหนึ่ง ถ้าเห็นว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายอันนำไปสู่การยุบพรรค เลขาธิการ ในฐานะนายทะเบียนจะต้องเสนอเรื่องให้ กกต.พิจารณา”  


ประธาน กกต.ย้ำว่า กกต. จะมีความเห็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับรายงานเอกสารข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่จะได้รับจากนายทะเบียน


ส่วนจะมีการเรียกแต่ละฝ่ายเข้าให้ข้อมูลอย่างไร นายอิทธิพร กล่าวว่า อย่างที่ตนเรียนว่าเรื่องเข้าสู่กระบวนการอย่างเป็นทางการแล้ว เท่าที่ทราบมีผู้ร้องมาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและหลักฐานแล้ว


 “จริงๆแล้ว ผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง มันขึ้นอยู่กับกระบวนการนะครับ แต่ระเบียบรวมข้อเท็จจริงและหลักฐานข้อ 7 วรรค 2 บอกไว้ว่าจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องมารับทราบข้อเท็จจริง และมีโอกาสแสดงความคิดเห็นและเสนอเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาด้วย เพราะฉะนั้น มีขั้นตอนการดำเนินการอยู่ที่อาจจะต้องใช้เวลาบ้างก่อนที่เข้าจะรวบรวมและเสนอเลขาธิการ”

ประธาน กกต. ย้ำว่า ต้องดูข้อเท็จจริง เพราะเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนกรณีของพลเอกพิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีต สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จำเลยคดีตากใบ นายอิทธิพร ระบุว่า เข้าใจว่าลาออกแล้ว และมีการเลื่อน สส. บัญชีรายชื่อคนใหม่ขึ้นมาแทนแล้ว ไม่มีประเด็นคงค้าง

----------------------------------

“พิธา” ชี้ “เพื่อไทย” ควรได้สิทธิชี้แจงคำร้อง “ทักษิณ” ครอบงำ ยันบทลงโทษยุบพรรคควรได้สัดส่วน ไม่ควรมี 2 มาตรฐาน มองคนรัฐประหารโทษหนักกว่าครอบงำพรรค ยังไม่เคยถูกลงโทษ ย้ำไม่ควรผูดขาดอำนาจกับองค์อิสระ

 วานนี้ 31 ต.ค. 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำร้องยื่นยุบพรรคเพื่อไทย จากเหตุนายทักษิณ ชินวัตร ครอบงำพรรค ว่า ต้องดูกระบวนการร้องนั้น ต้องได้สัดส่วน ซึ่งไม่ควรนำมาใช้ในคำร้องการยื่นยุบพรรคการเมือง ส่วนที่ว่านายทักษิณ เรื่องครอบงำพรรคหรือไม่ ตนไม่เกี่ยว แต่ในภาพใหญ่ไม่ควรให้พรรคการเมืองที่มาจากประชาชนต้องตายโดยองค์กรอิสระได้ เพราะมันจะเกิดคำถามว่า องค์กรอิสระมีที่มาจากไหน ความโปร่งใสและความรับผิดชอบเป็นอย่างไร เรื่องนี้ต้องพิจารณาความเหมาะสมของสัดส่วนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับบทลงโทษ ถ้าถูกครอบงำจริง บทลงโทษก็ควรได้สัดส่วนตามระดับของความผิด ไม่ใช่ทุกเรื่องจะต้องถูกยุบพรรคหมด ตนคิดว่าไม่เป็นไปตามหลักการและสามัญสำนึก

ส่วนรายละเอียด ตนไม่สามารถตอบได้ทั้งหมดเพราะยังไม่ได้อ่านคำร้อง แต่บทลงโทษต้องเป็นไปตามสัดส่วนความผิด ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญหรือ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ปกปักษ์รัฐธรรมนูญ การเกิดรัฐประหาร โทษควรจะหนักกว่าการครอบงำพรรค ทำไมคนทำรัฐประหารไม่เห็นได้รับโทษเลย


ส่วนกรณีที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า กกต.มีระเบียบรวมข้อเท็จจริงและหลักฐานข้อ 7 วรรค 2 ระบุว่าจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องมารับทราบข้อเท็จจริง และมีโอกาสแสดงความคิดเห็นและเสนอเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณานั้น เมื่อย้อนไปเทียบเคียงการพิจารณาคำร้องยุบพรรคก้าวไกล มีความเหมือนหรือแตกต่างอย่างไร นายพิธา แสดงความเห็นว่า


“ในส่วนของพรรคก้าวไกลตอนนั้นมีข้อต่อสู้ ไม่มีโอกาสได้ชี้แจงตามระเบียบใหม่ที่เกิดขึ้นหลังยุบพรรคอนาคตใหม่ ตอนนี้ระเบียบดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้ว พรรคเพื่อไทยควรได้มีโอกาสชี้แจง เพราะถ้าได้ชี้แจง เรื่องจะจบที่ก.ก.ต. ไม่ถึงศาลรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยมีสิทธิ์ได้รับสิทธิ์ เพราะเป็นระเบียบที่ทุกพรรคการเมืองควรจะได้รับระเบียบนั้น อย่างที่ตนเคยอ่านถ้อยแถลงพรรคก้าวไกลว่า การพิจารณายุบพรรค ไม่ควรมี 2มาตรฐาน ไม่ควรมีการยุบพรรคแบบทางด่วน และไม่ควรมีการยุบพรรคแบบทางธรรมดา และการให้พรรคชี้แจงเป็นสิทธิ ไม่ไปผูกขาดอำนาจของ กกต.”


ส่วนสถานการณ์พรรคเพื่อไทยที่ถูกรุมเร้าด้วยปัญหา ทำให้มีวิเคราะห์ว่าพรรคเพื่อไทยอาจชิงยุบสภาก่อน นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีด้วย การเมืองย่อมเกิดขึ้นได้หมด ผมเคยคุยกับนักวิชาการต่างชาติว่าอายุรัฐบาลอยู่ได้ประมาณ 1ปีครึ่ง ถ้าไม่ใช่รัฐบาลเกิดจากการเผด็จการ และตอนนี้อยู่ในห้วงเวลาที่เกิดขึ้นได้ และคิดว่า ทุกพรรคการเมืองที่เชื่อมโยงกับประชาชนก็พร้อมที่จะเลือกตั้ง เพราะอุบัติเหตุทางการเมืองย่อมเกิดขึ้นได้



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/iNLUljyqtZU

คุณอาจสนใจ

Related News