เลือกตั้งและการเมือง

“เลขา ป.ป.ช.” เผยคดีจริยธรรม 44 สส.อดีตก้าวไกล อยู่ระหว่างไต่สวน ตีเส้น 6 เดือน

16 ส.ค. 2567

94 views

วันที่ 16 ส.ค. 2567 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณี การพิจารณาคดี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกลที่ลงชื่อแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 และล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเสร็จสิ้นเเล้ว ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติสั่งไต่สวนแล้ว ผ่านกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ามีมูลเบื้องต้น ซึ่งในกระบวนการไต่สวนนั้น ได้รวบรวมข้อเท็จจริงและได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้าง และหลังจากที่เปิดโอกาสให้มีการชี้แจง จากนั้นจะมีการสรุปสำนวน เสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป

ส่วนกรอบเวลาในการพิจารณานั้น ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะทั้ง 44 สส.ท่านทุก ไม่ได้มีความพร้อมที่จะมาให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช. นอกจาก 44 สส. แล้ว ยังมีบุคคลท่านอื่นที่มีความเกี่ยวข้อง อาทิ บุคคลที่เป็นผู้แทนของรัฐสภาที่มีการเสนอ หรือที่รู้เห็น จะต้องสอบเพิ่มเติม เพื่อให้รู้ถึงเจตนารมณ์เพราะฉะนั้นผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 44 คน บางท่านไม่มีความพร้อมหรือบางท่านพร้อม ป.ป.ช. ซึ่งกฎหมายเปิดโอกาสให้ ขยายระยะเวลาให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้เเจงเหตุผลและความจำเป็น เช่น เจ็บป่วยมาไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่ หากหายแล้วก็ต้องมาให้ถ้อยคำ เพราะฉะนั้นเวลาที่ประมาณการจริงๆ ตนกำหนดไว้ประมาณคร่าวๆ 6 เดือน สอดคล้องกับในหลักการ ที่ให้ไต่สวนพยานหลักฐานภายใน 6 เดือน

ทั้งนี้ในเบื้องต้นอาจจะไม่ต้องมาทั้ง 44 คนหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า อาจจะต้องให้ชี้แจงทั้ง 44 คนก่อน แต่การชี้มูลว่าใครจะผิด เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงความเห็น แต่ผู้ที่จะพิจารณาวินิจฉัย คืออำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะเป็นผู้พิจารณาเอง ส่วนที่ขณะนี้มีนักวิชาการวิเคราะห์ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะยกเรื่องดังกล่าวให้ศาลพิจารณานั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า “คงไม่ทำเช่นนั้น เพราะกระบวนการยุติธรรม ต้นทางต้องยุติธรรม มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องมีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่งเรื่องไปให้ศาลตัดสินเลย โดยที่ไม่ต้องกลั่นกรองดังนั้นการที่มีพนักงานสอบสวน มีอัยการ และมีศาลเพื่อให้แต่ละหน่วยงานทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดนั่นคือการกลั่นกรอง ป.ป.ช. มีหน้าที่ไปแสวงหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ถูกต้อง เป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา และผู้ร้อง”

และเมื่อได้รับความเป็นธรรมแล้ว ก็ให้อัยการกรองอีกครั้งว่า สิ่งที่ป.ป.ชทำมาถูกต้องหรือไม่ มีข้อสังเกตอย่างไร หากมีข้อสังเกต ก็ตั้งคณะกรรมการร่วมกันและส่งไปยังศาล ซึ่ง ลำดับขั้นตอนของศาล ก็จะมีศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา เพื่อกลั่นกรอง เพราะฉะนั้น นี่ คือกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ขอให้มั่นใจว่าป.ป.ช.ทำเต็มที่ ไม่ทำชุ่ยๆ และส่งไปโดยใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว


ส่วนที่มีการชี้แจงว่า การแก้กฎหมายเป็นหน้าที่ของ สส. มีอำนาจเสนอได้ แค่เซ็นต์เอกสารและยังไม่ได้ดำเนินการนั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า นั่นคือข้อชี้แจง ตนไม่แน่ใจว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่มีการยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยด้วยหรือไม่ และศาลได้วินิจฉัยหรือไม่ และตนไม่แน่ใจว่าคณะกรรมการป.ป.ช.จะพิจารณาเป็นอื่นได้หรือไม่ ต่อคำวินิจฉัยนี้ ซึ่งนี่คือประเด็นตัวอย่าง แต่หาก ไม่มี ป.ป.ช.จะวินิจฉัยว่า สิ่งที่กล่าวอ้างมาโอเคหรือไม่หรือเห็นถึงเจตนาหรือไม่

นายนิวัติไชย กล่าวย้ำว่า ในมาตรฐานจริยธรรมของ ป.ป.ช. มีเรื่องการปกป้องความมั่นคง ระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็จะล่วงล้ำไม่ได้ หรือไม่เคารพไม่ได้

คุณอาจสนใจ

Related News