เลือกตั้งและการเมือง

'วิษณุ' ปัดมีดีลเปลี่ยนไตฟรี ลั่นต้านมากก็ไม่อยู่ - คนเพื่อไทยแห่ชม เก่ง เป็นปราชญ์

5 มิ.ย. 2567

102 views

วิษณุ ไม่หวั่นคนเพื่อไทยต้าน ขู่ต้านมากก็ไม่อยู่ ปัดนั่งที่ปรึกษาของนายกฯ ดีลแลกเปลี่ยนไตฟรี รพ.พระราม 9 ขณะที่คนเพื่อไทยแห่ชม เก่ง เป็นปราชญ์


เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.67 นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปดูห้องทำงานที่ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือ สลค. โดยทันทีที่นายวิษณุเดินทางมาถึงได้เปรยกับผู้สื่อข่าวว่า "เหมือนกลับบ้าน"


พร้อมกับระบุว่า ตนเคยเข้าออกทำงานที่นี่มา 30 กว่าปีแล้ว ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ตื่นเต้นหรือโลดโผน ซึ่งเข้ามาทำหน้าที่ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และให้คำปรึกษาตามที่ได้รับมอบหมาย และอนุญาตให้เข้าประชุมครม.ได้ และมีประเด็นบางอย่างที่นายกรัฐมนตรีสั่งและเป็นที่ถกเถียงระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ และทำหน้าที่เช่นเดียวกับที่ นายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยทำก่อนเข้ารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี


เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตรวจคำชี้แจงต่อรัฐธรรมนูญ กรณี 40 สว.ยื่นคำร้องตรวจสอบหลังแต่งตั้งนายพิชิต เป็นรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายวิษณุ ยอมรับว่า หนีไม่พ้นจะต้องมีอยู่แน่นอน แต่คนที่ทำคือทีมวานของนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายพิชิต ก็เป็นหนึ่งในทีมงาน เพราะเป็นเรื่องของนายพิชิต ซึ่งงนายกรัฐมนตรีไม่ทราบ และทางสำงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ทำตามที่เสนอมา สลค.ก็ทกงานที่เสนอมา และนำมารวมกันคงจะให้ตนตรวจดูสักครั้งหนึ่ง และอาจให้คนอื่นตรวจอีกครั้ง ซึ่งเท่าที่ทราบมีการร่างฉบับแรกเสร็จและและจะให้ตนดูวันนี้ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงนาก่อนส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ทันตามกรอบเวลา และไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากอาจเสียรูปคดี ส่วนที่มีการวิเคราะหว่าผลของคดีอาจ 50 /50 นายวิษณุ กล่าวว่า "ไม่ทราบ ผมจะมายืนยันได้ไงว่าแพ้แหง ๆ"


ส่วนที่วิการวิเคราะหกันว่าการกลับครั้งนี้มีอะไรนอกเหนือ เนื่องจากผ่าวิกฤตด้านสุขภาพมา นายวิษณุ ยอมรับว่า คิดหนักอยู่แล้ว เหมือนคนไม่เจียมตัว แต่เห็นใจนายกฯที่อธิบายเหตุผลหลายอย่างให้ฟัง ก็คิดว่ามาช่วยท่านสักระยะไม่น่าทำให้ตัวเองเกิดอันตรายอะไร และไม่น่าเป็นผลเสียต่อประเทศชาติ ซึ่งไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เพรสะเป็นที่ปรึกษาธรรมดา และนายกรัฐมนตรีมีที่ปรึกษาทางการเมือง 5 ตำแหน่ง มีเงินเดือน ส่วนที่ปรึกษาลอย ๆ ไม่ใช่ที่ปรึกษาทางการเมือง และส่วนใหญ่ตนจะอยู่ที่บ้านมีเพียงวันอังคารที่จะเข้ามา ไม่มีห้องทำงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจปรึกษาหรือมอบให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีปรึกษา และยืนยันให้ท่านมั่นใจในบางเรื่อง


เมื่อถามว่าจะช่วยงานนายกรัฐมนตรีจนครบวาระรัฐบาล หรือเป็นไปตามภารกิจ นายวิษณุ กล่าวว่า อนาคตตนไม่ทราบแต่เท่าที่คุยกับนายกฯ เข้ามาช่วยเพียงบางภารกิจ ซึ่งในบางภารกิจหลายบางอาจจะมากขึ้น


เมื่อถามว่าการมารับตำแหน่งในขณะที่เงินและเกียรติยศก็มีแล้ว ยังต้องการอะไร นายวิษณุ ระบุว่า "ผมคิดว่าประเทศชาติน่าจะต้องการคนช่วยแก้ปัญหา คนเล็ก ๆ คนหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหารัฐบาลในบางเรื่องที่รัฐบาลมีข้อสงสัย สมัยที่คุณพิชิต หรือแม้ไม่ใช่คุณพิชิต ใครก็ตามที่อยู่เขาก็ช่วยได้ ผมก็มาทำหน้าที่แทน ไม่ได้ต้องการเงิน ไม่ได้ต้องการเกียรติยศ ลดเกียรติด้วยซ้ำเพราะเป็นรองนายกฯแล้วมานั่งเป็นที่ปรึกษา "


นายวิษณุ ระบุว่า การตัดสินใจมาทำหน้าที่เป็นการตัดสินใจต่อหน้านายกรัฐมนตรี และได้มีการพูดคุยว่าอะไรที่ตนทำได้ หรือไม่ควรทำ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับมอบหมายงานแต่อย่างใด และนายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีการขอคำปรึกษาเรื่องใดเป็นพิเศษ ส่วนเงื่อนไขการรับตำแหน่งมีเงื่อนไขเพียงเล็ก ๆ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับตน ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว


โดย นายวิษณุ ยืนยันว่า การกลับมาทำงานครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการลงเรือแป๊ะ เพราะแป๊ะขึ้นไปแล้ว แต่อันนี้เศรษฐีมาไม่ใช่แป๊ะ ส่วนจะเป็นเรื่ออะไรไม่ขอเปรียบเทียบเพราะตนไม่ได้อยู่ในรัฐบาลไม่เรียกว่าร่วมรัฐบาล


ส่วนรัฐบาลชุดก่อนมีการเตือนเปรียบเหมือนสนิมเหล็กเนื้อใน แล้วรัฐบาลนี้จะมีการเตือนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ต้องเตือนรัฐบาลนี้ เพราะฝ่ายการเมืองเขาเตือนกันเอง ส่วนกรณีที่มีการออกมาระบุว่ารัฐบาลชุดนี้มีแต่คนไม่รู้คุยกันกับคนไม่รู้ แล้วในครม.ทำไปแล้วบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีสื่อมวลชนเป็นคนวิจารณ์กันเองแต่ที่บอกว่าไม่รู้ ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เป็นการรู้เพียงเรื่องของตนเองไม่รู้เรื่องคนอื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่โต


นายวิษณุ ยืนยันว่า ตนมาร่วมประชุมครม.เฉพาะวันอังคาร เวลา 11.00-12.00 น. จะไปมีอำนาจอะไร ซึ่งหากทักท้วงอะไรก็สามารถทำได้ ซึ่งในแต่ละรัฐบาลไม่แปลกที่จะมีคนนอกมานั่ง แต่มานั่งเฉย ๆ ไม่ได้ท้วง แต่หากมีอะไรผิดพลาดก็สามารถโน๊ตเตือนได้ อย่างน้อยไม่ได้นั่งเพื่อมาท้วงแต่นั่งเพื่อวันหนึ่งหากเกิดคดีความก็จะช่วยจด ช่วยจำ เป็นพยาน เพราะบางคดีต้องการคนนอกไม่มีส่วนได้เสีย


ส่วนที่มีกระแสต้านจากคนในพรรคเพื่อไทย กรณีมารับตำแหน่ง นายวิษณุ กล่าวว่า "ก็ไม่เดือนร้อน ต้านมาก ๆ ผมก็ไม่อยู่ ไม่แปลก เพราะผมไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย ปกติถ้าวันอังคารผมอยู่บ้านนอน"


ส่วนการที่มาช่วยงานรัฐบาล จะการรันตีว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของผม และผมไม่ได้อยู่ในรัฐบาล


ส่วนจะเข้ามาดูเรื่องขอกฎหมายเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ในดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้


ต่อมา นายวิษณุ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายวิษณุรับมาช่วยงานรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขว่าจะได้รับการเปลี่ยนไต ที่โรงพยาบาลพระราม 9 นายวิษณุ ระบุว่า ไม่มี ไม่จริง เพราะตนไม่เปลี่ยนไต ตนบอกกับหมอแล้ว และหมอก็เห็นด้วยว่ายังไม่ควรจะเปลี่ยนไต เพราะการเปลี่ยนไตทำให้ต้องกินยากดภูมิต้านทาน


ซึ่งเมื่อสักครู่ตนได้พูดคุยกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าต้องกินยากดภูมิต้านทาน ซึ่งคนเราเมื่อภูมิต้านทานลดลง โรคอื่นก็แทรกได้ง่าย นอกจากนี้ การที่จะหาไตมาให้แมทไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในกรณีของนายภูมิธรรมนั้นได้ เพราะเป็นไตของลูก แต่ส่วนตนไม่อยากเอาไตลูก ทุกวันนี้ก็อยู่สบายปกติดี ตนก็ฟอกไตทุกวันเป็นระเบียบเรียบร้อยดี แต่อยากยุ่งนิดหน่อยตรงที่วันอังคารต้องตื่นเช้า เพราะปกติถ้าอยู่บ้านตนจะตื่นประมาณเที่ยง ๆ บ่าย ๆ


ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งนายวิษณุ เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จะสะท้อนถึงการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ว่า เป็นการสืบทอดอำนาจหรือไม่ตนไม่รู้ แต่มองว่านายวิษณุเป็นปราชญ์ เป็นผู้รู้ ตนเข้ามาทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้พบและรู้จักกับนายวิษณุก็มีการพูดคุยกันมาตลอด นายวิษณุไม่เคยให้ร้ายใครให้แต่องค์ความรู้ ในแต่ละยุคสมัย โดยตอนที่ตนเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวิษณุเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ล่าสุดตนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายวิษณุ


"ไม่มีอะไรที่ท่านให้ร้ายใคร ท่านพูดในองค์ความรู้ที่มีอยู่ ท่านเป็นปราชญ์ ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่เป็นเรื่องเสียหาย และการที่นายกรัฐมนตรีไปเชิญนายวิษณุมาเป็นที่ปรึกษาได้ ผมว่านายกรัฐมนตรีเขาอัจฉริยะนะครับ ผมถึงได้บอกว่าเราได้ผู้รู้ และผู้มีประสบการณ์แนะนำ รัฐบาลก็จะไปได้ดี"


ส่วนภาพลักษณ์แล้วแต่คนมอง ถ้าเรามองในเรื่องความปรองดอง ตนว่ามันจบเลย คนไม่อยากให้ปรองดองก็อาจจะมองดูว่าเป็นอย่างไร ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งที่มาวิพากษ์วิจารณ์เพราะไม่ได้รู้ซึ้ง ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าฟังแล้วเข้าใจจะเป็นเรื่องบวกมาก ๆ ทำให้ทุกอย่างเดินไปได้ด้วยดี ในความถูกต้องและมั่นใจ


ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยถูกมองว่าไม่มีมือกฎหมาย นายสมศักดิ์ บอกว่าไม่เป็นไร แล้วแต่คนจะพูด ตนฟังคำพูดผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง บางคนก็ชอบค้าความขัดแย้ง ก็ว่ากันไป ถ้าเราไม่มีความรู้อื่นใด เราก็ต้องใช้วาทะ โวหาร ค้าความขัดแย้ง ประเทศชาติเสียหาย


และเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การตอบลักษณะนี้เท่ากับยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีมือกฎหมายจริง ๆ ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ว่าผมว่าอาจารย์วิษณุเก่งที่สุด ก็หมายความว่าเก่งที่สุดแล้ว ผู้อื่นเขาก็รู้แบบในเรื่องประสบการณ์ ท่านดีที่สุด


ขณะที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ส่วนตัวก็ต้องขอแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี ที่ประสบความสำเร็จในการเชิญนายวิษณุเข้ามา เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โดยนายวิษณุก็เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 และก็เป็นเรื่อยมา รวมถึงในรัฐบาลที่แล้วก็เป็นรองนายกรัฐมนตรี


ส่วนตัวมองว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนายวิษณุ มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และมีลูกศิษย์อยู่เต็มบ้านเต็มเมือง และถือว่าเป็นครูทางด้านกฎหมาย โดยสิ่งเหล่านี้สามารถทำให้รัฐบาลมั่นใจ ในการที่จะทำตามรัฐธรรมนูญได้ เพื่อที่จะเสนอเรื่องต่าง ๆ


นอกจากนี้การที่เชิญนายวิษณุมาเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี เชื่อว่านายวิษณุก็จะสามารถเข้ามาช่วยได้อย่างดี ซึ่งที่ผ่านมาในฐานะที่ตนเคยร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีมาหลายสมัย ซึ่งเรื่องที่สำคัญหากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือ สลค. เสนอเรื่องเข้าที่ประชุมบางครั้งก็ไม่มีปัญหาเรื่องกฎหมาย แต่เมื่อเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ก็มีการอภิปรายลงลึก ในเรื่องของกฎหมาย ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งหากนายวิษณุอยู่ในที่ประชุม ก็จะสามารถชี้แจงเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี


นายสุริยะยังเชื่อว่ารัฐบาล จะมีนโยบายในการปฏิรูประบบราชการ เพราะการปฏิรูปครั้งสุดท้าย มีเมื่อปี 2545 ซึ่งก็ผ่านมา 26 ปีแล้ว จึงจำเป็นต้องปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งก็จะสามารถใช้ประสบการณ์ของนายวิษณุเข้ามาช่วยเรื่องนี้ได้


ส่วนข้อวิจารณ์ที่บอกว่าใช้บุคคลของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ นายสุริยะ กล่าวว่า ตนเองก็อยู่ในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ เพราะฉะนั้นตนคิดว่าต้องมองเรื่องของความปรองดอง เพราะถือว่าเป็นมิติที่สำคัญที่สุด ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเป็นประเด็น


ส่วน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าว สส.พรรคเพื่อไทย ไม่พอใจกรณีแต่งตั้งนายวิษณุ เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ตนพูดไปเยอะแล้ว จริง ๆ แล้วเรื่องวาทกรรมการเมือง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ไม่ได้หมายความว่าทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยจะไม่เก่ง


เชื่อว่าที่เราประสบปัญหาทั้งรัฐบาลและประชาชน รวมถึงปัญหาทั่วไปในประเทศ จริง ๆ แล้วเราต้องการคนเก่งเข้ามาช่วย ส่วนเรื่องสีเสื้อจะเป็นคนละขั้ว เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก คำนึงถึงการขับเคลื่อนนโยบายหลักของรัฐบาล ว่าทำอย่างไร จึงจะเป็นไปด้วยความรอบคอบ เชื่อว่าเพื่อน สส.ในพรรคเพื่อไทย น่าจะเข้าใจในส่วนนี้


เมื่อถามย้ำในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี ในส่วนของพรรคเพื่อไทยอยากให้เคารพการตัดสินใจ และหยุดพูดกันได้หรือไม่ เพราะนายวิษณุไม่ได้เพิ่งมาช่วยรัฐบาลนี้ แต่ช่วยมาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร นายเศรษฐา กล่าวว่า "ตนเชื่อว่าประวัติศาสตร์มันถูกเขียนไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ทราบจะอธิบายให้มันเยอะกว่านี้ได้อย่างไร ตนคิดว่ามาดูที่ผลงานและความตั้งใจของท่านดีกว่า ดูการทำงานร่วมกันในอนาคตดีกว่า ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์ดีของทุก ๆ ฝ่ายอยู่แล้ว ไม่อยากพูดย้ำไปย้ำมา เพราะทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว"


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/GY3QAwprvKQ

คุณอาจสนใจ

Related News