เลือกตั้งและการเมือง

สภาเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล "ชัยะวัช" ซัดนายกฯ ไร้ภาวะผู้นำ ขณะที่ "เศรษฐา" ถามใช้คำแรงไปไหม

โดย nutda_t

3 เม.ย. 2567

48 views

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระการประชุมอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เข้าร่วมชี้แจงอย่างพร้อมเพรียง


เวลา 09.30 น. นายชัยธวัช ตุลาธน ในฐานะผู้ยื่นญัตติขอเปิดการอภิปราย กล่าวว่า เราคาดหวังว่าจะได้ผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต่างจากผู้นำรัฐประหาร แต่ปรากฏว่าเรากลับได้นายกรัฐมนตรีที่ไร้ภาวะผู้นำ หลายคนสับสนว่าเป็นใคร มีอำนาจทำอะไรได้บ้าง แต่นายกรัฐมนตรีขาดความเป็นผู้นำ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและความชัดเจนของทิศทางรัฐบาล ซ้ำร้ายยังมีวิธีคิดในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแบบเดิมๆ ที่จัดสรรตามโควตาสมบัติผลัดกันชม แทนที่จะสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม ในการเข้ามาบริหารกระทรวงต่างๆ


“เห็นท่านรัฐมนตรีหลายท่าน หลังจากจัดตั้ง ครม. หลายคนสิ้นหวัง แล้วพอรัฐบาลชุดนี้ได้บริหารประเทศมากกว่าครึ่งปีแล้ว ประชาชนก็คาดหวังที่จะได้เห็นนโยบายในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ปากท้องดีขึ้น แต่สิ่งที่พี่น้องประชาชนกลับพบคือการดำเนินนโยบายที่สับสน คิดไปทำไป นโยบายเรือธงของรัฐบาล ขาดยุทธศาสตร์และแนวทางที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมตรงเป้าหมาย แทนที่ประชาชนจะได้เห็นการบริหารราชการแผ่นดินที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก อย่างเสมอภาค เท่าเทียม เป็นธรรม กลับเห็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่ผูกขาด หรือเอื้อประโยชน์ต่อทุนใหญ่เต็มไปหมด หลายนโยบายแอบอ้างประชาชนบางหน้า แต่เบื้องหลังเนื้อนาย กลับเต็มไปด้วยความฉ้อฉลเชิงนโยบาย เปิดทางให้รัฐมนตรีและพวกพ้อง แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบอย่างน่าละอาย” นายชัยธวัช กล่าว


นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ประชาชนคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลชุดใหม่ตอนเริ่มจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนก็อยากเห็นการจัดทำประชามติโดยเร็ว แต่ก็ยังวกไปวนมา พี่น้องประชาชนไม่แน่ใจว่าตกลงรัฐบาลจะเอาอย่างไรต่อการปฏิรูปการเมือง มิหนำซ้ำเมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วกลับพบว่าหากมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทัน เราก็อาจจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่แม้จะใหม่ แต่ไม่ไว้วางใจประชาชนเหมือนเดิม เมื่อเวลาผ่านไปกับพบว่ากระบวนการยุติสงครามยังดำเนินการต่อไป ไม่ต่างจากหลังรัฐประหาร สถานการณ์ปราบปรามประชาชนที่มีความเห็นต่างในนามกฎหมาย สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนเริ่มเห็นสัญญาณว่าถูกคุกคามแทรกแซง พี่น้องประชาชนคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เห็นการฟื้นฟูนิติธรรมนิติรัฐที่รัฐบาลแถลง

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง กลับเกิดวิกฤติศรัทธาอย่างที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เคยเป็นมาก่อนในตำรวจ รวมถึงระบบราชการยังเป็นเต็มไปด้วยระบบตั๋วระบบส่วย จนพี่น้องประชาชนไม่สามารถไว้วางใจกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน กระบวนการยุติธรรมถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ซ้ำเติมวิกฤติศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง หลังการรัฐประหาร

“ประชาชนคาดหวังระบบการเมืองที่เดินไปข้างหน้า แต่สิ่งที่เราเจอกลับเป็นประชาธิปไตยแบบไหลย้อนกลับ ที่ผู้นำทางการเมืองผู้มีอิทธิพลทางการเมืองลุแก่อำนาจ ได้คืบเอาศอก พยายามผูกขาดอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจให้อยู่ในมือของชนชั้นนำไม่กี่คน แทนที่เราจะเห็นการยกระดับทางการเมืองเดินไปข้างหน้า แทนที่จะ Disrupt การเมืองแบบเก่าเพื่อสร้างการเมืองแบบใหม่ เรากลับเจอกับการเมืองที่พยายามทำลายสิ่งใหม่เพื่อรักษาสิ่งเก่า” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช ทิ้งท้ายว่า สภาวะทั้งหมดที่ผ่านมา ทำให้เราตกอยู่ในสภาพการเมืองที่ไม่สามารถตอบสนองความคิดใหม่ๆของประชาชน ไม่สามารถตอบสนองความต้องการแบบใหม่ นี่คือสถานการณ์ที่พวกในสภาผู้แทนราษฎรจำเป็นที่จะต้อง วิเคราะห์วิจารณ์ตั้งคำถามเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี


ด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงทันทีหลังจากที่ผู้นำฝ่ายค้านได้เปิดญัตติอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 โดยกล่าวว่า วันนี้รู้สึกดี ที่ได้มารับฟังข้อคิดเห็นของทั้งสองฝ่าย ถือเป็นโอกาสดี หากมีข้อสงสัยหรือประเด็นไหนที่ไม่ชัดเจน เราก็พร้อมที่จะให้ความกระจ่าง หรือว่าท่านมีข้อเสนอแนะ ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีแน่นอน และบางอย่างก็จะนำไปปฏิบัติตามเป็นรูปธรรม

นายเศรษฐา​ กล่าวต่อว่า 2 วันที่พวกท่านจะได้มีการพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ จะทำให้พี่น้องประชาชนที่รับฟังอยู่ได้รับข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง

"เมื่อกี้ท่านก็เริ่มต้นมา ก็พูดแรงพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสิ้นหวังล้มเหลว ไม่โปร่งใส ไม่ปฏิรูป ถอยหลังวกวน ปิดบัง ทำลาย แต่ก็มีอีกด้านเหมือนกัน มีหวัง สำเร็จ สิทธิพัฒนาแทนการปฏิรูป ถอยหลังก้าวหน้า วกวนเราก็เดินหน้าไป ปิดบังเราก็มีความโปร่งใส ผมเชื่อว่าหลายๆอย่างที่รัฐบาลนี้ทำอยู่ ก็พยายามทำให้เป็นเรื่องบวกและเรื่องของอนาคต และแสงสว่างที่ประชาชนจะได้เห็น แต่ไม่เป็นไรหากยังมีข้อกังขาอยู่ เรื่องการปิดบังความไม่โปร่งใส ถดถอย ก็ขอให้บอกมา เพราะรัฐมนตรีทุกคน หลังจากที่เราทำงานมา 6 เดือน และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เพิ่งมีการอนุมัติงบประมาณปี 67 มั่นใจว่าเราทำงานด้วยความซื่อสัตย์โปร่งใส เอาประชาชนเป็นที่ตั้งและพร้อมให้กระจ่างกับสมาชิกที่ยังมีความไม่เข้าใจ"

นายเศรษฐา​ กล่าวต่อด้วยว่า ท่านก็พูดมาหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้สิน เราก็มีการตั้งคณะกรรมการมาดูแล นี่เกษตรกรก็มีการพักหนี้ ไม่ได้เป็นการเพิกเฉย หรือไม่ดูแลพี่น้องเกษตรกร เรื่องพลังงานก็มีการดูแลเรื่องราคาเบนซิน ค่าไฟค่าน้ำมันดีเซลด้วย ก็มีขั้นตอนที่จะต้องทำกันต่อไป ยืนยันไม่ได้เพิกเฉยหรือนิ่งนอนใจ และให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้น เราตระหนักดีถึงเรื่องนี้ ส่วนเรื่องยาเสพติด ก็มีการทำงานอย่างชัดเจน มีคณะทำงานที่ประกอบด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติกระทรวงสาธารณสุข กระบวนการยุติธรรมต่างๆ ไตรมาส 4 ปีที่แล้วก็มีการจับยาบ้า ได้มากกว่าปีก่อนหน้านั้นทั้งปี ก็เป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ ว่า เราได้ทำงานและกวดขันเรื่องนี้อย่างดี ขณะที่เรื่องของการท่องเที่ยว ก็ทำให้พี่น้องประชาชนมีเงินเข้ากระเป๋ามากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น เรื่อง วีซ่าฟรี ทั้ง 2 ประเทศระหว่างไทยจีน ทำให้ การค้าระหว่างประเทศ นักท่องเที่ยวเดินทางไปมาหาสู่ เพิ่งเห็นชัดเจนว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ส่วนประเทศอื่นๆก็จะมีการยกระดับต่อไป แล้วจะพยายามทำให้พาสปอร์ตไทยมีคุณค่ามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าทุกคนทราบดีว่าต้องใช้เวลา แต่การพัฒนาในเรื่องนี้ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ส่วนเรื่องรายได้ของเกษตรกร ซึ่งมีอยู่หลายสิบล้านคน ก็ตระหนักดี เรามี สส.อยู่ 314 เสียง เอาพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง รัฐบาลเองก็รับฟังข้อคิดเห็นจากสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกท่าน เกี่ยวกับเรื่องรายได้เกษตรกร ลองคิดดูว่าราคายางพารา จาก 30 - 40 บาท เพิ่มขึ้นเป็นกิโลละเกือบ 100 บาท ส่วนราคาข่าว พืชผลอื่นๆก็ดี ไม่มีการมาประท้วงหรือขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ เพราะมีการเปิดตลาดใหม่ๆ ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่กำกับดูแลเรื่องนี้อยู่ การเดินทางไปเปิดตลาดใหม่ที่ต่างประเทศ และเรียกประชุมพูดพาณิชย์ กำหนด KPI หรือตัวละวัดที่ชัดเจน ว่าต้องทำอะไรหรือขายของอะไรบ้าง ซึ่งไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนในอดีต และมีการบูรณากับทูตหลายประเทศ เพื่อสินค้าไทยไปขายที่ต่างประเทศ มีราคาดีขึ้น ซึ่งเป็นผลระยะสั้นที่รัฐบาลทำงาน

ขณะที่การแก้ไขปัญหา PM 2.5 ก็ได้มีการเสนอ พ.ร.บ.อากาศสะอาด แม้ว่าปีนี้เชียงใหม่จะมีคุณภาพอากาศติดอันดับโลก แต่ถ้าหากเทียบกับปีนี้ กับปีที่ผ่านมาจำนวนจุดความร้อนก็ลดลงไป แต่เราก็ไม่ยิ่งหย่อนในการทำงานเดินหน้าต่อ ให้ความสำคัญกับสิทธิพื้นฐานของประชาชน ส่วนการมีตัวตนบนเวทีโลก ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่าตนเดินทางไปต่างประเทศ แต่ขอชี้แจงว่าจากการเดินทางสัก 10 กว่าครั้ง ครึ่งหนึ่ง เป็นเรื่องที่เราควรจะต้องไป เช่นการประชุมอาเซียนหรือการประชุมที่ทุกปีมีอยู่แล้ว ซึ่งเราเองเป็นน้องใหม่เป็นผู้นำที่พึ่งเข้าสู่ตำแหน่ง ต้องมีการไปพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนนโยบายซึ่งกันและกัน เพื่อให้ประเทศไทยมีตัวตนบนเวทีโลก ขณะที่การเจรจาFTA ก็มีผลสัมฤทธิ์ไปแล้ว แต่หลายเรื่องต้องใช้เวลา

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่าหลายท่านทำงานหนัก รัฐมนตรีก็มีความหวังดีต่อพี่น้องประชาชน หากท่านมีข้อเสนอดีๆก็พร้อมรับฟัง แต่หากมีข้อกล่าวหาก็ขอหลักฐานและเหตุผลมา เรื่องกระบวนการยุติ ก็มีความก้าวหน้า ไปสู่ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง  อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

คุณอาจสนใจ

Related News