เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' ขีดเส้น 30 วัน จับตัวการใหญ่อาชญากรรมไซเบอร์ 'ผบช.ไซเบอร์' ลั่นพร้อมพิจารณาตัวเอง

โดย passamon_a

2 เม.ย. 2567

18 views

เศรษฐา มอบนโยบายตำรวจไซเบอร์ เผยสังคมเพ่งเล็งเป็นเหตุให้ต้องมา ยืนยันไม่ได้สร้างภาพ แต่มาเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ขีดเส้น 30 วัน ผบช.สอท.ต้องมีผลงานจับอาชญากรรมไซเบอร์รายใหญ่ ลั่นหากทำไม่ได้มีปัญหาแน่ ส่วนคดีความ 2 ตร.ชั้นผู้ใหญ่ ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม - ผบช.ไซเบอร์ ลั่นพร้อมพิจารณาตัวเอง หากไม่มีผลงานปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี


เมื่อวันที่ 1 เม.ย.67 เวลา 15.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับข้าราชการตำรวจและเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) ณ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. และพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) มารอต้อนรับ


เมื่อมาถึง นายเศรษฐา ได้มอบนโยบายให้กับข้าราชการตำรวจ ระบุว่า จริง ๆ แล้ว ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่นายกรัฐมนตรีและในฐานะที่เป็น ก.ตร. มาเยี่ยมชมและมอบนโยบายให้กับตำรวจไซเบอร์โดยเฉพาะ แต่ตนคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่ตนต้องมาที่นี่ เพราะเป็นที่ประจักษ์ดีว่า ตำรวจไซเบอร์เป็นหน่วยงานที่ถูกสังคมเพ่งเล็งเยอะมาก


ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กับการโยกย้ายข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เกิดกระบวนการยุติธรรมอย่างถูกต้อง ไม่มีการก้าวก่ายหรือก้าวล่วง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายนั้น ตนเชื่อว่า รรท.ผบ.ตร. ก็ทราบ เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เป็นเรื่องที่ถึงเวลาแล้วที่เราต้องจัดการให้หมดสิ้นไป


ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นเด็กของคนนั้นคนนี้ ตนเองก็คิดว่าไม่ยุติธรรมกับพลตำรวจโทวรวัฒน์ แต่ก็ไม่มีอะไรตอบสังคมได้ดีไปกว่าการปฏิบัติตัว ซึ่งหมายรวมไปถึงผู้บัญชาการของหน่วยงานต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่ทุกคน ต้องมีการพิสูจน์ตัวเองว่าจริง ๆ แล้วใครเป็นเจ้านายโดยแท้จริง โดยนายกฯ บอกว่า "ไม่ใช่ทั้งผมและไม่ใช่ทั้ง รรท.ผบ.ตร. แต่เป็นประชาชน"


นายกฯ กล่าวต่อว่า หน่วยงานที่ท่านดูแลอยู่ ไม่ว่าจะเรื่องหวยออนไลน์ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เว็บพนัน และเฟคนิวส์ทั้งหลายเหล่านี้ ตนเชื่อว่ากระทบความเป็นอยู่ของชีวิตพี่น้องประชาชน ซึ่งเราทุกคนในที่นี้ ต้องมีความรับผิดชอบที่ต้องให้พี่น้องประชาชนอยู่อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ตอนนี้เทคโนโลยีไปไกลมาก การที่ประชาชนถูกมอมเมา ถูกหลอกลวงและถูกต้มตุ๋น บางคนเก็บเงินมาทั้งชีวิต แต่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไป จนหมดตัวไม่ว่าจะเป็นจากการเก็บเงินเพื่อรักษาตัวเองและเก็บเงินไว้ส่งลูกไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก ไม่ใช่เป็นปัญหาที่เขาถูกหลอกลวง แต่เป็นปัญหาของความมั่นคงในประเทศ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เรามาพูดเล่น ๆ หรือสร้างภาพ ผมมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อสร้างภาพ แต่ต้องการให้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะในช่วงเวลาอันใกล้


นายกฯ บอกต่อว่า "ผมต้องการผลงานโดยเร็ว ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ในที่นี้ ท่านรู้อยู่แล้วว่าหน่วยงานของท่านใครที่ทำผิดกฎหมาย ท่านสามารถไปตามจับตามสืบมาได้"


นายกฯ ยังระบุว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ที่มาให้โอวาท และมาให้กำลังใจ มาบอกว่า ไม่มีใครใหญ่ไปกว่าพี่น้องประชาชน ซึ่งเราเองก็ต้องเดินหน้า ไม่มีเวลาที่เราต้องมาหาเหตุผลว่าทำไมถึงทำไม่ได้ ผมเชื่อว่าบริบทที่ทำไม่ได้มันไม่ใช่ มันต้องทำให้ได้และต้องจับให้ถึงรายใหญ่ ไม่อย่างนั้นสังคมเดินต่อลำบาก และเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ


ตอนนี้หน่วยงานของท่านถูกสังคมโจมตีอยู่ ยืนยันว่าตัวเองไม่ปกป้องและไม่นิ่งเฉย เราเป็นพวกเดียวกัน อยู่ฝ่ายเดียวกัน และผมเป็นประธาน ก.ตร. ด้วย ผมจึงอยากเป็นกำลังใจและให้นโยบายว่า จากนี้ขอให้ไม่ต้องกังวล ขอให้มั่นใจว่าไม่มีใครหรือนักการเมืองท่านใดมาครอบงำหรือบงการได้ ขอให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ทำผลงานของเราให้เป็นที่ประจักษ์ และขอให้เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ที่เราต้องมาดูแลพี่น้องประชาชน ดังนั้นผลงานของตำรวจไซเบอร์ต้องเป็นที่ประจักษ์ภายใน 30 วัน ไม่เช่นนั้นมีปัญหาแน่นอน


"ภายใน 30 วันนี้ มีการตรวจสอบและทราบผลการตรวจสอบที่ชัดเจนว่าจะจับใครให้ได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหวยออนไลน์ เว็บพนันเถื่อน ที่พี่น้องถูกมอมเมาอยู่ ซึ่งทุกวันนี้ยังคงมีอยู่ พร้อมย้ำว่า ขอเลยครับ ขอให้ทำงานอย่างชัดเจน"


นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า ในวันที่ 2 เม.ย.67 ตนจะได้พบกับคณะรัฐมนตรี จะสั่งการอย่างเด็ดขาดว่าให้ทำงานร่วมกัน อย่าโยนความผิดซึ่งกันและกัน อย่าบอกว่าคนนี้ไม่ให้ความร่วมมือ และตนเชื่อว่ารัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เช่น ดีอีเอส เองก็ต้องให้ความสำคัญ และอยากให้ตระหนักว่าประชาชนกำลังเดือดร้อน


นายเศรษฐา กล่าวว่า เหตุผลที่เรามาทำงานตรงนี้เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้คนผิดล่องลอยไปได้ ก่อนจะย้ำว่า เราต้องทำให้ได้ เพราะเรื่องเศรษฐกิจก็แย่อยู่แล้ว อย่าให้มาถูกซ้ำเติมจากตรงนี้เลยดีกว่า เมื่อเขาถูกหลอกและเงินหมดไปเขาก็จะเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากร หรืออาจจะผันตัวไปทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมก็ได้ เพราะถือเป็นสารตั้งต้นที่เราต้องกำจัดให้หมดไป


"ผมยืนยันเรื่องนี้เป็นเรื่องซีเรียส การตั้งผลวัดต้องได้ภายใน 30 ต้องได้ความชัดเจน ส่วนคดีความของ 2 ให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมเดินต่อไป ให้ความร่วมมือจากถูกต้องอย่าให้ใครมากล่าวโทษหรือกล่าวหาได้ว่าเป็นคนของใคร"


นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ผู้สื่อข่าวมักถามเสมอว่าจะทำอย่างไรต่อถึงขึ้นต้องเกิดการปฏิรูปวงการตำรวจเลยหรือไม่ "ผมคิดว่าเราอย่าไปนึกถึงเรื่องวาทกรรมดีกว่า แต่ควรทำวันนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรม และเชื่อว่าไม่มีใครใหญ่ไปกว่าพี่น้องประชาชน ให้ทุกคนทำงานตามที่พี่น้องประชาชนมีความคาดหวัง"


ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีได้กำชับมาแล้วก็จะต้องปฏิบัติให้เต็มที่ โดยมีผลงานเป็นรูปธรรมเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาโดยตลอด


ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้ระบุว่าต้องดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 30 วันนั้น เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้เห็นปัญหาความขัดแย้งในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นต้นเหตุ จึงได้มีการกำชับการปฏิบัติให้มีความเข้มมากขึ้น หากไม่สามารถปฏิบัติได้ก็จะต้องพิจารณาตัวเองว่าเราทำไม่ได้

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/rnHEfJmlRxE

แท็กที่เกี่ยวข้อง  เศรษฐาทวีสิน ,ตำรวจไซเบอร์

คุณอาจสนใจ

Related News