เลือกตั้งและการเมือง

คนการเมืองตบเท้าแสดงความเห็น เหตุปะทะ 'ทะลุวัง-ศปปส.' ปมขบวนเสด็จ ลามนิรโทษกรรม ม.112

โดย passamon_a

12 ก.พ. 2567

43 views

นักการเมืองตบเท้าแสดงความคิดเห็น กรณีกลุ่มทะลุวัง และกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ปะทะกัน ที่บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสยาม ปมขบวนเสด็จ  


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรรก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ต่อกรณีที่มีกลุ่มบุคคลอ้างความจงรักภักดี แล้วไปทำร้ายผู้อื่นที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส การใช้ความรุนแรงทำร้ายผู้อื่น โดยอ้างว่าทำเพื่อปกป้องสถาบัน ทำเพราะจงรักภักดี เป็นพฤติกรรมที่อันตรายต่อสถาบันอย่างมาก


หากรัฐปล่อยให้กลุ่มคนกักขฬะป่าเถื่อนเหล่านี้ลอยนวล มีอำนาจบาตรใหญ่ สามารถอ้างสถาบันไปทำร้ายคนที่คิดต่างโดยที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้ หรือสมยอมเอาผิดเพียงลหุโทษพฤติกรรมที่ลุแก่อำนาจของกลุ่มคนเหล่านี้ ระยะสั้นอาจดูเหมือนความคลั่งไคล้ที่มีต่อสถาบัน แต่ระยะยาวมีแต่จะเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ทำให้ภาพลักษณ์ของคนที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นพวกนิยมความป่าเถื่อน และจะส่งผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สุด


ผมจึงมีความเห็นว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องบังคับใช้กฎหมายจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างจริงจัง ไม่ให้เหิมเกริมกล้านำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำร้ายผู้คนตามใจชอบ ได้อีกต่อไป


ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า เข้าใจถึงความไม่พอใจของกลุ่ม ศปปส. ที่ไม่เห็นด้วยกับการขับรถบีบแตรรบกวนขบวนเสด็จ และกิจกรรมทำโพล เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงตนก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน แต่การใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี ขอให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างความขัดแย้ง


ส่วนกลุ่มทะลุวังทุกคนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ ตามกระบวนการกฎหมาย คดีความอยู่ในชั้นศาลหลายคดีอยู่แล้ว และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ควรตักเตือนกลุ่มดังกล่าวให้หยุดก้าวล่วงสถาบัน หากจะดีกว่านั้น ควรพูดคุยกับเครือข่ายเยาวชนให้หันมาช่วยกันพัฒนาประเทศ และไม่ควรเหมารวมว่าเป็นคดีการเมืองที่จะเสนอสภาให้มีการนิรโทษกรรมได้


ขณะที่ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ฟังบทสัมภาษณ์ของนายพิธาแล้วรู้สึกไม่สบายใจที่นายพิธาพยายามใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่มาแบ่งแยกคนในสังคม เป็นเรื่องของคนที่ทำผิดกฎหมายและไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง เป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจคนไทย อยากบอกกับนายพิธาว่าขอให้เลิกใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่กับคนทุกรุ่นได้แล้ว เป็นเรื่องของคนที่ทำผิดกฎหมาย ไม่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ อย่าใช้วาทกรรมมาปลุกระดมคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วย และรังเกียจกับการกระทำของคนกลุ่มนี้ ขอให้นายพิธากลับไปทบทวน  


ส่วน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ทวีตข้อความผ่าน X ว่า ฝ่ายต่าง ๆ ออกมาประณามพฤติกรรมนี้ แม้กระทั่งกลุ่มที่ไปยุยงกันเองแต่ต้นก็แห่กันตัดหางประณามพฤติกรรมดังกล่าว เพราะค่านิยมการให้ร้าย ข่มขู่ ท้าทาย ไม่ให้เกียรติพระบรมวงศานุวงศ์นั้น เป็นการกระทำที่ด้อยค่าสังคม ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสื่อมถอย


ประเด็นคือ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลความปลอดภัยถวายการอารักขา ฝ่ายข่าว ส่วนล่วงหน้า ส่วนติดตามควรจะทบทวนแผนและแนวทางการปฏิบัติ (Protocol) ให้รัดกุมและเร่งรัดการนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว หากไม่แสดงท่าทีให้ชัดเจนจะเกิดแรงปะทะในหมู่ประชาชน ขยายรอยร้าวสร้างความแตกแยกโดยใช่เหตุ


วันที่ 13 ก.พ. จะนำประเด็นดังกล่าวเข้าที่ประชุมพรรคเพื่อขอมติให้ยื่นญัตติด่วนต่อสภาฯ และให้ สส.รทสช.เสนอเรื่องต่อกรรมาธิการฯทุกคณะที่เกี่ยวข้อง ทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยฯ รวมถึงแนวทางการป้องกันปราบปรามพฤติกรรม ข่มขู่ ท้าทาย ให้ร้าย ในลักษณะเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาเรื่องการนิรโทษกรรมเพื่อความปรองดอง ขณะเดียวกันมีพรรคการเมืองบางพรรคเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่สภาฯ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ การนิรโทษกรรมสามารถทำได้แม้แต่ในอดีตก็เคยมีการนิรโทษกรรมเกิดขึ้น แต่ประเด็นสำคัญคือถ้าจะมีการนิรโทษกรรมในอนาคต ควรครอบคลุม ความผิดในลักษณะใดบ้าง ตรงนั้นคือหัวใจสำคัญ


การนิรโทษกรรมต้องไม่รวมคดีทุจริตคอร์รัปชัน และความผิดในมาตรา 112 รวมทั้งคดีอาญาร้ายแรง เพราะอนาคตจะทำให้คนไม่เกรงกลัวกฎหมาย กลายเป็นการส่งเสริมการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวขยายสู่ความขัดแย้งแตกแยกมากกว่าสร้างความปรองดอง โดยเฉพาะเมื่อเกิดกรณีการป่วนขบวนเสด็จ ยิ่งตอกย้ำถึงการไม่สมควรนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 112


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/BipjIcWQRVA

คุณอาจสนใจ

Related News