เลือกตั้งและการเมือง
'ธรรมนัส' ลั่นเตือนแล้วนะ มีเบ็ดรอบก.เกษตรฯ - 'บิ๊กเต่า' เผยกำลังรวมหลักฐานรวบ 'ปลาใหญ่'
โดย nattachat_c
30 ม.ค. 2567
11 views
ความคืบหน้ากรณีที่ตำรวจ 4 ป. บุกรวบนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน หลังร่วมกับ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรค รทสช. ข่มขู่อธิบดีกรมการข้าวโดยเรียกเงิน 3 ล้านบาท ก่อนเจรจาต่อรองเหลือ 1.5 ล้านบาท แลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการปลูกข้าว และโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว โดยอ้างว่าพบข้อพิรุธที่ส่อไปในทางทุจริต
ล่าสุดวานนี้ (29 ม.ค.67) ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ได้หลักฐานเพิ่มเติมจากทนายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล ที่ปรึกษากฎหมายนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ซึ่งทนายดนุเดช ได้เปิดคลิปเสียงและอนุญาตให้เผยแพร่
คลิปเสียงการสนทนานี้ เป็นคลิปเสียงระหว่าง ภรรยาอธิบดีกรมการข้าว และ นาย จ. ด้วยนาย จ. มีการอ้างร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าทราบเรื่องรีดทรัพย์ทั้งหมด
คลิปนี้ ภรรยาอธิบดีกรมการข้าว ถามกับ นาย จ. ว่า “แล้วแบบนี้เจ้านายเขาว่ายังไงบ้าง” // นาย จ. ถามกลับว่า “หมายถึงผู้กองเหรอ” // ภรรยาอธิบดีกรมการข้าว จึงตอบว่า “ใช่ค่ะ หมายถึงผู้กองธรรมนัส”
นาย จ. จึงตอบว่า “เจ้านายเขาว่า เอาตามที่พี่ ศ.ว่า ให้มันจบๆไปเสีย จะได้ไม่มีเรื่องมัวหมอง ท่านก็บอกว่า เอาตามนั้นละ ให้มันจบๆไป
ภรรยาอธิบดีกรมการข้าว จึงถามว่า แล้วเรื่องนี้ท่านรู้ด้วยหรอคะ? // นาย จ. ตอบว่า “ทำไมจะไม่รู้ ระดับผู้กองมีหรือจะไม่รู้ // ผู้กองก็รู้ว่า ศ. คือ ศรีสุวรรณ ซึ่งผู้กองก็ถามว่า “พี่เจ๋ง ถามหน่อสิว่า พี่ศรีสุวรรณ เขาจะเอาไง ตนก็ตอบกลับว่า เดี๋ยวผมไปถามให้ๆ
พอไปถามแล้วก็ได้ความว่า “เขาขอ 3 ขอ 3” ผมก็เลยมาแจ้งกับผู้กองเมื่อวันอังคาร ว่า “ผมขอ 3 นะ” // ผู้กองจึงบอกว่า “ไม่รู้อ่ะ ไปว่ากันเอาเอง จัดการให้เรียบร้อยก็แล้วกัน”
จากนั้น นาย จ. เล่าต่อว่า ได้โทรเคลียอีกรอบแล้วว่าเหลือ 1.5 ก็เอาให้จบๆไป เป็นพวกกัน เพราะอธิบดีกรมการข้าวก็น้องผม
ภรรยาอธิบดีกรมการข้าว จึงถามต่อว่า แล้ว 1.5 ผู้กองรู้หรือไม่ // นาย จ. บอกว่า ไม่รู้ เรื่องแบบนี้ ผู้กองเขาไม่รู้ เขาไม่รับรู้ เพียงแต่ว่าให้จบเรื่องเท่านั้น ให้เคลียร์กันให้จบระหว่างศรีสุวรรณกับทางนี้ ขอแค่ว่าเคลียร์ให้จบ แต่ไม่เกี่ยวด้วยว่าจะเท่าไหร่ เขาต้องการให้หนังมันจบ จะได้ไม่ต้องปวดหัว // เพราะผู้กองอยากให้เรื่องจบ ไม่อยากให้เรื่องถึงกระทรวงเกษตรฯ เขาถึงสั่งให้เคลียร์ เพราะทุกคนมีซุ้มกันทั้งนั้น โดยเฉพาะอธิบดีเองก็ลูกน้องของผู้กอง และมีพวกเยอะแยะ ผมก็เห็นเป็นพวกอีกคนหนึ่ง แล้วถ้าเป็นพวกกับตนแล้วก็ต้องป้องให้เต็มที่ ถ้าคนไหนเป็นพวกผมป้องตาย ผมสู้ยิบตา ผมจะเป็นคนกันหนังหน้าไฟให้เอง ไม่ต้องกลัว ถ้าผมรับหน้าเสื่อมาแบบนี้แล้ว คุณนายสบายใจได้เลย รับรองว่าจบ ไม่ต้องห่วงเพราะถือว่าโจ (ชื่อเล่น อธิบดีกรมการข้าว) เป็นน้องผมแล้ว
-----------
วานนี้ (29 ม.ค.67) ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นายยศวริช ชูกล่อมหรือ เจ๋ง ดอกจิกและ อดีตผู้สมัครพรรครวมไทยสร้างชาติ ถูกกล่าวหาร่วมกันตบทรัพย์ร่วมอธิบดีกรมการข้าว ว่า ผู้ร้องเรียนร้องมายังกระทรวงแล้วถึงโครงการต่างๆ ซึ่งอยู่ในปีงบประมาณ 2565-2566 ซึ่งไม่เกี่ยวกับปีงบประมาณ 2567 ซึ่งตนกำลังบริหารจัดการอยู่ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องเก่าๆที่เรากำลังจะไปทำความสะอาดบ้านและตนทำมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามที่ร้องขึ้นมา ตนจะทำหนังสือไปถึงปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นหัวหน้าของข้าราชการ ที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าส่อในทางทุจริต ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนแต่ละเรื่อง ส่วนเรื่องของบุคคลภายนอกผมยืนยันเหมือนเดิมว่าจะต้องตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหา ซึ่งในเวลานี้มีจำนวน 3 คน ซึ่งตนได้สั่งการให้ปลัดฯตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับข้าราชการหรือไม่ และให้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
ส่วนกรณีที่เป็นประเด็นสังคมตนได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทั้ง 2 คนที่กำกับดูแลกรมดังกล่าวลงไปดูด้วยตัวเองและให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดอย่างปลัดฯ รับผิดชอบในเรื่องนี้
โดยร้อยเอกธรรมนัส กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน คือผู้ถูกร้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องให้ปลัดเป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากนั้นให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ส่วนผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ตรวจสอบ
ส่วนกรอบระยะเวลาในการดำเนินการจะเป็นเมื่อใดนั้น ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า เนื่องจากเป็นเรื่องประเด็นสำคัญที่ประชาชนและสังคมให้ความสนใจ จะต้องเร่งตรวจสอบให้ได้ และจะมานำเสนอต่อประชาชนต่อไป และไม่ว่าตนจะทำเรื่องอะไรก็ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีและนายภูมิธรรมเวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงรับทราบ
ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าผู้ถูกกล่าวหาไปพบรัฐมนตรีช่วยท่านใด เนื่องจากเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องดำเนินการตรวจสอบก่อน
เมื่อถามว่านอกจากกรมการข้าวแล้ว ยังมีกรมอื่นหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า จากการ รับข้อมูลจากตำรวจ ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงเกษตรฯเท่านั้น พร้อมกับระบุอีกว่า ตนมีฝ่ายกฎหมายกว่า 20 คน ทั้งแต่งตั้งและไม่แต่งตั้ง
"ตนเตือนแล้ว ตั้งแต่ยุคที่แล้ว จะทำอะไรต้องพึงระวัง เพราะตนมีฝ่ายกฎหมายที่มีประสบการณ์ ทั้งที่แต่งตั้งแล้วไม่แต่งตั้ง ยอมรับว่ามีหลายกลุ่ม แต่ยังไม่เป็นประเด็น"
ส่วนคลิปเสียงที่ออกมามีการพาดพิงถึง กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้ไปตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงข้อกฎหมาย ต้องยอมรับว่ากระทรวงเกษตรฯมีหน่วยงานเยอะที่สุดมี ถึง 14 กรม เป็นการบริหารงานคนเกือบแสนคน แต่ละคนที่มีปัญหาจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และกล่าวย้ำว่าตนไม่ยอม ให้มีเรื่องแบบนี้ในยุคผมก็ไม่มีเด็ดขาด
ส่วนที่นายเจ๋ง ดอกจิก อ้างว่า มีผู้ใหญ่ให้มาเคลียร์ โดยเฉพาะที่ปรึกษา ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า คลิปที่ตนได้รับมาเยอะกว่านี้ และกำลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ที่มีการพาดพิงถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ตนจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าผู้ที่ถูกถูกพาดพิงเกี่ยวข้องอย่างไรแต่ตรวจสอบเบื้องต้นน่าจะเป็นเรื่องของราคาคุยมากกว่า พร้อมกับกล่าวว่า ตนฝากว่าต้องการเป็นนักสะท้อนสังคมขอให้พึงระวัง ว่าจะคุยอะไรกับนักกฎหมายต้องระวัง นักกฎหมายไม่โง่
ส่วนห่วงหรือไม่ว่าจะกระทบต่อกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นประเด็นตลอด จะถูกปรับครม. ร้อยเอกธรรมนัส ถามกลับว่า เรื่องอะไรที่เสียหายที่เกิดในยุคของตน ยืนยัน ทุกเรื่องในยุคนี้ต้องโปร่งใส สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเก่าๆทั้งนั้น จำเป็นต้องปัดกวาดทั้งกระทรวง
โดยก่อนเดินทางกลับร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวย้ำอีกว่า กรอบเวลาการตรวจสอบจะดำเนินการโดยเร็วที่สุดโดยให้ปลัดกระทรวงเป็นผู้ดำเนินการ ก่อนที่จะกล่าวว่าฝากไปบอกด้วยนะ กระทรวงเกษตรมีเบ็ดอยู่รอบกระทรวงเลยนะ ใครจะเดินเข้าไป ระวังติดเบ็ด ตรรกะง่ายๆถ้าอธิบดีกรมการข้าวเขาผิดจริง เขาคงไม่เปิดตัวแบบนี้พยานหลักฐานที่เขามีอยู่ในมือค่อนข้างแน่น และยังกล่าวถึงท้ายว่าไม่อยากพูดมีเบื้องหลังอีกเยอะ และยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการตลบหลังนายศรีสุวรรณ เขาน่าจะถูกข่มขู่ ฟังอะไรต้องฟังให้หมด แต่ทุกวันนี้ถูกตัดออกมาเป็นท่อนๆ ต้องเปิดฉบับเต็มไปเลย
--------------
วานนี้ (29 ม.ค.67) พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมชุดสืบสวน ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พร้อมด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเป็นคณะทำงานเพื่อคลี่คลายคดีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวกรวม 3 ราย ได้ร่วมกันข่มขู่เรียกเงินอธิบดีกรมการข้าวจำนวน 3 ล้านบาท แลกกับการไม่ร้องเรียนโครงการทุจริต
โดยก่อนเข้าประชุม พลตำรวจตรีจรูญเกียรติได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า จะมีการพูดคุยกับคณะทำงานในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดี รวมทั้งมีการพิจารณาว่าคดีดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงินหรือไม่ โดยได้มีการเชิญ ปปง.ในฐานะคณะทำงานมาร่วมพิจารณาข้อกฎหมายด้วย โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีในทุกข้อหาที่เกี่ยวข้อง และจะเดินหน้าสืบสวนสอบสวนในทุกมิติเพื่อคลี่คลายคดีอย่างเต็มที่ พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ต่อมา พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมชุดสืบสวนนัดแรกกว่า 2 ชั่วโมงในคดีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวกรวม 3 ราย ได้ร่วมกันข่มขู่เรียกเงินอธิบดีกรมการข้าวจำนวน 3 ล้านบาท แลกกับการไม่ร้องเรียนโครงการทุจริต
โดยกล่าวว่า การสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยเฉพาะคำให้การของอธิบดีกรมการข้าวที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก และยังมีพยานหลักฐานอื่น ๆ อีกหลายส่วน ซึ่งสามารถระบุถึงพฤติการณ์ของขบวนการดังกล่าวได้ชัดเจนว่ามีการวางแผนทำเป็นขั้นตอน ทั้งคนชี้เป้า คนเคลียร์ คนรับเงิน และยังพบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกหลายคน ซึ่งจะต้องเรียกเข้ามาสอบปากคำ
โดยมีคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นคนให้ข้อมูลกับระดับ ’ผู้สั่งการ’ ในขบวนการดังกล่าวให้ร้องเรียนในที่ต่างๆ และยังมีข้อมูลว่ามีหน่วยงานอื่นที่ถูกเรียกรับทรัพย์จากกลุ่มดังกล่าวในระดับร้อยล้านบาท แต่ยังไม่มีการจ่ายเงิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานดังกล่าวว่าจะเข้ามาให้ข้อมูลหรือไม่
ทั้งนี้ ตำรวจเชื่อว่า น่าจะมีผู้สั่งการในระดับที่สูงขึ้นไปอีกนอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ยืนยันว่า ตำรวจยังต้องการตัว ’ปลาใหญ่’ กว่านี้ แต่ไม่ขอระบุเป็นนักการเมืองหรือไม่ ส่วนกรณีของอธิบดีกรมฝนหลวงที่อาจจะถูกกลุ่มนี้เรียกรับเงินนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีมูล ซึ่งหากตำรวจพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงกรณีอื่นก็จะเปิดเผยให้รับทราบ
ส่วนความคืบหน้าในการตรวจสอบวงจรปิดบริเวณรอบบ้านนายศรีสุวรรณ รวมถึงโทรศัพท์ของผู้เสียหายนั้น อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบทุกขั้นตอน คาดว่าจะแล้วเสร็จวานนี้ (29 ม.ค.67) แต่จะเข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงินหรือไม่นั้นยังต้องตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับ การรับผลประโยชน์ในคดีก่อนหน้านี้อย่างไรบ้าง // ทั้งนี้ ยืนยันว่าชุดพนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองมา แต่อย่างใดและ ยังไม่มีใครติดต่อมา หากมีก็รับมาตรา 157 ไปก่อน
ส่วนกรณีที่ในคลิปเสียงสนทนามีการกล่าวอ้างถึงบุคคลอื่นในขบวนการ เช่น นักข่าว หรือตำรวจก็อาจต้องเรียกมาชี้แจง แต่ผู้ต้องหาก็สามารถการกล่าวอ้าง หรือมีสิทธิ์พูดอย่างไรก็ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับฟัง แต่จะดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ
พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยังกล่าวถึงพฤติการณ์ของบุคคลเหล่านี้ว่า มีการกระทำกันจนย่ามใจ ไม่รู้ว่าขอบเขตของกฎหมายเป็นอย่างไรและบางคนในทรัพย์สินร่ำรวย มีบ้าน 10 หลัง มีที่นาเป็น 100 ไร่ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องตรวจสอบต่อไป
-----------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/seSGQmRPhGk