เลือกตั้งและการเมือง

'ก้าวไกล' แถลงชัด 'ไม่ยกมือโหวต' ให้รัฐบาลผสมข้ามขั้ว เหตุขัดต่อเจตจำนงประชาชน ไม่ได้ปิดสวิตช์ สว.

โดย nattachat_c

16 ส.ค. 2566

175 views

วานนี้ (15 ส.ค. 66) ที่อาคารไทยซัมมิท นายชัยธวัช ตุลาธน สส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวยืนยันมติพรรคก้าวไกล ระบุว่า ในที่ประชุม สส.ของพรรคก้าวไกล มีมติว่าจะไม่โหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้วที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เพราะพรรคก้าวไกลต้องการแสดงท่าทีว่า เราไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลในลักษณะที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ ...


ประการที่หนึ่ง

เราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดขึ้นอยู่นี้ เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ขัดต่อเจตนารมณ์ และขัดต่อเจตจำนงของพี่น้องประชาชน ที่ได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566


ประการที่สอง

การที่จะให้ สส.ของพรรคก้าวไกล โหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลที่กำลังจัดตั้งอยู่นี้ ไม่ใช่การปิดสวิตช์ สว. แต่เป็นการเดินตาม สว. เดินตามความต้องการของ สว. ที่ต้องการบิดเบือนผลการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า ที่ผ่านมา สว.จำนวนมาก และพรรคขั้วรัฐบาลเดิม ต้องการปิดสวิตช์ก้าวไกล ที่ชนะการเลือกตั้ง


ประการที่สาม

เราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ คือการจัดตั้งรัฐบาลที่เกรงใจผู้มีอำนาจทุกฝ่าย ยกเว้นการเกรงใจประชาชน จะไม่สามารถผลักดันวาระที่ก้าวหน้า และทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนได้อย่างแท้จริง

-------------

เมื่อถามว่า มติดังกล่าว เป็นเอกฉันท์หรือไม่

นายชัยธวัช ระบุว่า เป็นเอกฉันท์ ส่วน สส.ที่ไปสำรวจความเห็นสะท้อนว่าอย่างไรบ้างนั้น สส.เขตได้สะท้อนว่า ทางประชาชนทั้งในออนไลน์ และที่ไปพบปะในพื้นที่ ไปทางเดียวกันว่า ไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้


เมื่อถามว่า มีแกนนำ เช่น นายพิธา อาจไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน มีนัยยะอะไรหรือไม่

นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องดูว่าสถานการณ์การเลือกนายกรัฐมนตรี และการจัดตั้งรัฐบาล ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป อาจจะไม่ได้จบภายในครั้งเดียว


เมื่อถามว่า ยังมีความเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะโหวตไม่ผ่านในการโหวตครั้งหน้าใช่หรือไม่

นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่เราพิจารณากัน ประเด็นสำคัญคือเรากำลังพิจารณาวาระที่กำลังจะถึง คือการโหวตนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นคงเป็นเรื่องอนาคต ย้ำว่า เสียงในที่ประชุมเป็นไปในทิศทางเดียวกัน


เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย

นายชัยธวัช กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่เกรงใจทุกคนยกเว้นประชาชน จะไม่สามารถผลักดันวาระที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง


เมื่อถามว่า ใช้คำว่ารัฐบาลข้ามขั้ว หมายถึงจะไม่กลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว ใช่หรือไม่

นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นความเห็นในการจัดตั้งรัฐบาลตอนนี้ เรื่องข้ามขั้วหมายถึงพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้งอย่างชัดเจนแล้วว่าต้องการพลิกขั้วรัฐบาล พรรคที่ชนะอันดับ 1 และ 2 เป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้านเดิม เขาต้องการพรรคฝ่ายค้านเดิมมาบริหารประเทศแทน แต่ตอนนี้ มันไม่เป็นแบบนั้น ไม่เป็นไปตามเจตจำนง


เมื่อถามว่า ในฐานะคนนอก มองแนวคิดเรื่องการแบ่งกระทรวงก่อนโหวตนายกฯ อย่างไรบ้าง

นายชัยธวัช ระบุว่า เรามีการคุยกันอยู่เหมือนกันว่า ในความคลุมเครือที่ไม่ได้มีการประกาศชัดเจนว่า จะมีพรรคการเมืองไหนบ้างเข้าร่วมรัฐบาล อันนี้ยิ่งเพิ่มความไม่ไว้วางใจแก่ประชาชน


เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้ จะมีการเสนอแข่งกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่

นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นคนละประเด็น ตนคิดว่าเรื่องการเสนอชื่อซ้ำได้ เราเห็นด้วยอยู่แล้ว เพราะเป็นหลักการที่ควรเป็น ต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง พรรคก้าวไกลก็จะเสนอญัตติให้ทบทวนมติรัฐสภาเหมือนกัน “เราไม่เห็นด้วยที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญมาวินิจฉัย ว่ารัฐสภาทำอะไรได้ หรือไม่ได้”


เมื่อถามว่า จะมีการเสนอชิ่อนายพิธาแข่ง ในการโหวตนายกฯครั้งหน้าหรือไม่ เพราะญัตติได้เปลี่ยนไปแล้ว

นายชัยธวัช ยืนยันว่า จะไม่มีการเสนอชื่อแข่ง


เมื่อถามว่า ประเมินฉากทัศน์ไว้กี่แบบ

นายชัยธวัช ระบุว่า ก็คงมี 2 ทาง คือ ผ่านและไม่ผ่าน ส่วนจะเตรียมตัวอย่างไรนั้น เป็นเรื่องของพรรคจัดตั้งรัฐบาล


เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลปิดประตูต่อรอง เรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีกับพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่

นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่างที่ย้ำไป เหตุผลอย่างหนึ่งที่จะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย เพราะเราไม่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลในสภาพการณ์แบบนี้ จะสามารถผลักดันวาระของประชาชนที่ก้าวหน้าได้ ต่อให้มีการรับปากตกลงอะไรกัน ก็เชื่อว่าจะไม่มีผลอะไรในอนาคต ส่วนอะไรที่พรรคก้าวไกลเสนอไปแล้ว เราไปเป็นฝ่ายค้าน และพี่น้องประชาชนสนับสนุนอย่างชัดเจน เราเชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่ในสภาจะสนับสนุนด้วย ไม่จำเป็นต้องมีข้อตกลงอะไรกัน


เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะออกเสียงไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียง ในการโหวตนายกรัฐมนตรี

นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการคุยกัน แต่ที่ชัดเจนคือจะไม่โหวตให้ ส่วนจะลงคะแนนว่า ไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียง ต้องไปดู เพราะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล


เมื่อถามว่า มีการหารือเรื่องการรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่

นายชัยธวัช ระบุว่า ยังไม่มีการหารือเรื่องนี้ เป็นวาระที่จะพิจารณาหลังจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ รวมถึงเรื่องการจะให้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ด้วย


เมื่อถามว่า องค์ประกอบที่จะโหวตไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียง มีอะไรบ้าง

นายชัยธวัช ยกตัวอย่างว่า จะพิจารณาจากหน้าตาในการจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่าหากมี 2 ลุง สส.ส่วนใหญ่คงเสนอไม่เห็นชอบ แต่หากไม่มีก็อาจจะงดออกเสียง แต่วันนี้ยังไม่ลงรายละเอียด


เมื่อถามว่า อาจมีคำวิจารณ์ว่า ตอนพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ พรรคเพื่อไทยยังโหวตให้ทั้งหมด 

นายชัยธวัช มองว่า เป็นคนละเงื่อนไขกัน ตอนนั้นเรามีความชอบธรรมในการจับมือจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ตามเจตจำนงประชาชน คนละสภาพการณ์กัน แต่ตอนนี้เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่บิดเบือนเจตจำนงประชาชน ซึ่งถือเป็นหลักการใหญ่ อย่าลืมว่าข้อเสนอ เช่น ให้มีการปิดสวิตซ์ สว. เป็นข้อเสนอเพื่อให้เคารพผลการเลือกตั้ง ขอย้ำว่า ไม่ใช่การหักกันกับพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการยืนบนหลักการที่ถูกต้อง


เมื่อถามว่า หลังจากที่ นส.แพทองธาร นำแกนนำพรรคเพื่อไทย มาคุยกับพรรคก้าวไกล ได้มีการคุยกันหลังจากนั้นหรือไม่

นายชัยธวัช เผยว่า ไม่ได้คุยกันอีก เพราะพรรคเพื่อไทยเห็นว่าเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลในการโหวตนายกรัฐมนตรี


เมื่อถามว่า จะมีการคุยหลังจากนี้หรือไม่

นายชัยธวัช กล่าวว่า การพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติ หากสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลงอาจมีการพูดคุย หรือหากไม่เปลี่ยนและทำงานอยู่คนละฝั่ง การแสวงหาความร่วมมือกันก็ยังเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
-------------
วานนี้ เพจ พรรคก้าวไกล - Move Forward Party ได้โพสต์ข้อความว่า


พรรคก้าวไกลมีมติหลังประชุม สส. ว่าจะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลผสมข้ามขั้ว เพื่อแสดงจุดยืนว่าเราไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้:


1. รัฐบาลผสมข้ามขั้ว ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีการนำพรรครัฐบาลขั้วเดิมเกือบทั้งหมด มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย เท่ากับขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชน ที่แสดงออกอย่างชัดเจน ในวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ว่าต้องการพลิกขั้วรัฐบาล


2. การที่พรรคก้าวไกลจะโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐบาลผสมข้ามขั้วนี้ ไม่ใช่การปิดสวิตช์ สว. ตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่เป็นการเดินตาม สว. เพื่อปิดสวิตช์ก้าวไกล เพราะหากทุกพรรคการเมืองมีเจตนาที่จะปิดสวิตช์ สว. และเคารพเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริง ก็ต้องแสดงออกโดยการโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างมากที่จัดตั้งโดยก้าวไกลตั้งแต่แรก ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาลตามความต้องการของ สว. และอ้างว่าปิดสวิตช์ สว.


3. แม้ขณะนี้ จะยังไม่มีความชัดเจนเรื่ององค์ประกอบคณะรัฐมนตรี แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า หน้าตาคณะรัฐมนตรีจะไม่แตกต่างจากรัฐบาลเดิมมากนัก พรรคก้าวไกลไม่เชื่อว่า การจัดตั้งรัฐบาลโดยเกรงใจผู้มีอำนาจแต่ไม่เกรงใจประชาชน จะผลักดันวาระที่ก้าวหน้า และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริงได้


พรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่า การไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีผสมข้ามขั้วนั้น เราไม่ได้พิจารณาบนพื้นฐานของคุณสมบัติของตัวแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการตัดสินใจบนจุดยืนทางการเมืองและคำสัญญาที่พรรคก้าวไกลได้ให้ไว้กับประชาชนคือ “มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา” ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่สามารถตระบัดสัตย์ต่อประชาชนได้

-------------

วานนี้  นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เผยว่า ในการประชุมที่ประเทศอินโดนีเซีย ได้มีการพูดคุยกับผู้นำคนอื่นๆ ในการประชุม และมีเสียงสะท้อนมาบ้าง


นายเท่าพิภพ กล่าวว่า จากการที่ได้พูดคุยกับรองประธานสภาจากประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย ทั้งสองคนก็ได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย


ซึ่งตนก็ได้แค่เพียงอธิบายถึงระบบที่บิดเบี้ยวของประเทศไทยว่า สุดท้ายแล้วปัญหาจะค่อย ๆ ถูกแก้ไปเอง ซึ่งก็หวังว่าคงจะมีรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อที่จะได้เร่งแก้ไขปัญหา ทั้งสองประเทศนี้เขาจะมีการจับขั้วและตกลงกันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ไม่ใช่มาจับกันมั่วภายหลังการเลือกตั้ง


เราจึงได้เรียนรู้ว่า ประเทศไทยได้สูญเสียสิ่งที่เราเคยได้เป็นตัวอย่างการเป็นประชาธิปไตยให้กับประเทศอื่น ซึ่งในการประชุมครั้งหน้า ไม่อยากจะตอบคำถามลักษณะเดียวกันนี้อีก 


“ขอให้เอาพอประมาณนะผู้มีอำนาจ อย่าให้สูญเสียหลักการจนเราอยู่ไม่ได้” นายเท่าพิภพกล่าวทิ้งท้าย



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/IPMjS2EUT8A

คุณอาจสนใจ

Related News