เลือกตั้งและการเมือง

'ชูวิทย์' ชี้มีแผน 2 จับขั้วรัฐบาล ด้าน 8 พรรคร่วมปฏิเสธเสียงแข็ง 'ชลน่าน' ยันครั้งที่ 501 หนุน 'พิธา' เป็นนายกฯ

โดย nattachat_c

23 พ.ค. 2566

2.7K views

วานนี้ (22 พ.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า 


"MOU จัดตั้งรัฐบาล แผนซ้อนแผน"


วันนี้มีการแถลงข่าว “ร่วมจัดตั้งรัฐบาล“ ที่โรงแรมคอนราด เป็นสถานที่ “โชว์สื่อ” เพื่อสื่อสารไปยังสังคมให้เห็นภาพของการตกลงจับขั้วรัฐบาล 


แต่ที่จะสำเร็จเป็น “รัฐบาล” ทำงานได้จริง มีนายกฯ ชื่อพิธา มันต้องมี “อำนาจพิเศษ” ที่ยอมให้ “พรรคก้าวไกล” ทำงานได้ แม้ว่าประชาชนเลือกมาล้นหลาม 


ณ เวลานี้ “อำนาจเก่า” สุมหัววางแผนใช้ “หุ้นสื่อ” ที่พิธาถือ สกัดแคนดิเดตนายกฯ โดยไม่ต้องไปยืมมือ ส.ว. บรรดา ส.ว. เริ่มสงบปากเรื่องคัดค้าน อ้างเคารพเสียงส่วนใหญ่ที่ประชาชนเลือกมา ทำทีเปิดทางให้จัดตั้งรัฐบาลแล้วตลบหลังเรื่อง “หุ้นสื่อ” เป็นข้ออ้างไม่โหวต


เพื่อไทยรอรับ “ส้มหล่น” เพราะมีแคนดิเดตนายกฯ ถึง 3 คน “แผนสอง” รองรับ ตกไปถึงมือพรรคเพื่อไทย เป็น “ไฟท์บังคับ” หลัง ส.ว. “โหวตแล้วโหวตเล่า” ไม่ผ่าน ขึ้นอยู่กับ “ก้าวไกล” ว่าจะทนต่อไปไหวไหม? หากหมดโอกาส ก้าวไกลเสนอชื่อนายกฯ ถึงทางตัน


ตัวแปรเพื่อไทยที่คะแนนตกเป็นอันดับสองในรอบ 20 ปี กลายเป็น “แลนด์ไถล” แทน “แลนด์สไลด์“ แค่พูดไม่ทันคำว่า “มีลุง ไม่มีเรา” หงายไพ่ใบสุดท้าย “ได้กลับมาเลี้ยงหลาน”


อำนาจเก่าเลือกเจรจา “พรรคเพื่อไทย“ มากกว่า “พรรคก้าวไกล” จำใจให้ทั้งหนูทั้งแมลงสาบมาร่วมวงไพบูลย์เพื่อชาติ เดินเกม “อันตราย” พลิกจากแพ้คะแนน แต่กลับมาจับขั้วใหม่ตั้งรัฐบาล ได้ ส.ว. ยกมือพรึบพรับไร้ข้อกังขา


แผนซ้อนแผนต้องทัน “เกมอำนาจ” “สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง” เริ่มไหลล่องลอย รอวัดใจ “ประชาชน” จะทนไหวด้วยไหม?

------------
วานนี้ (22 พ.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และนักเคลื่อนไหว  เดินทางมาร่วมฟังการแถลงข่าวและลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาลผสม 8 พรรคร่วม


โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนมาสังเกตการณ์ ยืนยันไม่ได้มาหาแสง แต่เป็นการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ด้วยความเป็นห่วงและกังวลมาว่า จะมีแผนสองสำหรับจัดตั้งรัฐบาล ไปกินเป็ดย่างและคุยกันที่ฮ่องกง อย่าอ้างว่าไปแค่ไหว้เจ้า นายชูวิทย์ยังยืนยันว่า ที่ฮ่องมีการพูดคุยกันดีลกัน 280 เสียง ส่วนเรื่อง ส.ว.ตอนนี้เงียบแล้ว พร้อมสนับสนุน


นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า แผนสองจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการที่อยากกลับบ้านหรือไม่ ส่วนประเด็นหุ้นสื่อของนายพิธาจะเป็นหัวใจปัญหาสำคัญ เรื่องนี้จะทำให้พรรคก้าวไกลที่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่เพียงคนเดียว จะตกอยู่ที่พรรคเพื่อไทย ตัวแปรสำคัญคือพรรคเพื่อไทย ซึ่งวานนี้ที่มีการคุยกัน ตนอยากให้สำเร็จ ที่สำคัญคือเรื่อง ม.112 มีหรือไม่มี พูดให้ชัด ถ้าพูดไม่ชัด อำนาจเก่าไม่มีทางยอมง่ายๆ


ทั้งนี้ นายชูวิทย์ระบุว่า ตนไม่ได้พูดชื่อใคร แต่ขอเปิดเผยว่ามีแผนสอง และเรื่องหุ้นสื่อเป็นเดิมพัน และพรรคเพื่อไทยตีจิบน้ำชารอ เพราะเขามี 3 คน ส่วนจะมีคนที่อยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ถ้าอย่างนั้น พลิกขั้วใหม่ให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านกับรวมไทยสร้างชาติ ได้ 280 เสียง นี่คือแผนสอง ตนจำเป็นต้องพูดไว้ก่อน และอย่าคิดว่า ส.ว.จะไม่ยกมือ สิ่งที่ตนกลัวคนเขาไม่ยกมือ ก็จะมีคนเดินเท้า คนเดินเท้ามันไม่น้อย


ระหว่างนั้น พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ ได้ทักทายกันกับนายชูวิทย์เล็กน้อย ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเรื่องแผนสองสำหรับจัดตั้งรัฐบาล 

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์  โบ้ยให้ไปถามนายชูวิทย์


ระหว่างนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เดินทางมาถึง ได้ทักทายกับนายชูวิทย์  ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเรื่องแผนสองสำหรับจัดตั้งรัฐบาล

ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ก็โบ้ยให้ถามนายชูวิทย์เช่นกัน ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “อยากกินเป็ดบ้าง”


จากนั้น ปรากฏว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางมาถึงโรงแรมคอนราด และได้เจอกับนายชูวิทย์ที่กำลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สื่อจึงได้ถามแกนนำพรรคเพื่อไทยเรื่องแผนสองที่นายชูวิทย์ออกมาตั้งข้อสังเกต ว่ามีการดีลตั้งรัฐบาลที่ฮ่องกงคือเรื่องจริงหรือไม่


โดย นพ.ชลน่าน  พร้อมด้วยนายประเสริฐ และนายภูมิธรรม ประสานเสียงปฏิเสธหนักแน่นว่า “ไม่มี ไม่มีครับ”  พร้อมยืนยันว่า อยู่ข้างพรรคก้าวไกลเหมือนเดิม


หลังจากที่นายชูวิทย์ได้ฟังคำตอบ แล้วดูมีที่ท่าอ่อนลง พร้อมกล่าวต่อว่าสิ่งที่ตนบอก คือ ว่าทางนี้หมายถึงพรรคก้าวไกลแน่นอนอยู่แล้ว แต่แน่นอนไม่แน่นอน ตนก็บอกอยู่แล้วว่า อยู่ที่ ส.ว. และอยู่ที่พรรคก้าวไกล ไม่แตะ ม.112 / และจะไปที่หุ้นสื่อที่เป็นเดิมพัน สุดท้ายก็อยู่ที่ ส.ว.จะยกมือ และก็มีข้ออ้างเรื่องหุ้นสื่อ ตนจึงต้องมาพูดออกตัวไว้ก่อนว่าจะมีลักษณะแบบนี้

-------------

วานนี้ (22 พ.ค.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวในฐานะที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกรณีที่สื่อมวลชนถามว่า ตอนนี้มีการวิเคราะห์ทางการเมือง ยุบพรรคพลังประชารัฐเพื่อเอาเสียงมารวมกับเพื่อไทย ทำให้พรรคเพื่อไทยได้เสีย 182 เสียง และเป็นเสียงกันมากในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีการวิเคราะห์ว่าเกิดขึ้นจริง 3,000,000 % ว่า


เราทำงานด้วยกันมา 4 ปี และเริ่มทำงานด้วยกันมา 1 สัปดาห์ มีความหนักแน่น ไม่ว่าจะมีข่าวลือทำให้ดูสั่นคลอน อยากจะบอกว่าทุกพรรคทำงานด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน ยืนยันไม่มีความกังวลแต่อย่างใด


โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยไม่เคยรับทราบเลย และตนเพิ่งได้ยินจากการวิเคราะห์ ทั้งนี้ ขอปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะรวมกับพรรคพลังประชารัฐหลังจากยุบพรรค ตนขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้


“ยืนยันครั้งที่ 501 ว่าเรายังยึดมั่นดังเจตนารมณ์ที่เราประกาศว่าจะสนับสนุนคุณพิธา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และร่วมมือกับก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลให้ได้” นพ.ชลน่าน กล่าว


เมื่อถามถึงกระแสดีลลับจัดตั้งรัฐบาลที่ฮ่องกง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “ตอบเป็นครั้งที่ 502 ว่า ยืนยันในเวทนี้ว่าเพื่อไทยยึดมั่นในเจตนารมย์ของประชาชน และชัดเจนว่าจะสนับสนุนพรรคก้าวไกล และจะจับมือไปกับพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่ เรายังคงยืนยันครับ

-------------

วานนี้ (22 พ.ค. 66) ช่วงหนึ่งระหว่าง การแถลงข่าวลงนาม MOU จัดตั้งรัฐบาล น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ลุกขึ้นยืนกล่าวว่า ประชาชนทั่วประเทศได้กลิ่นความเจริญ เชื่อว่า ประชาชนให้โอกาสทุกท่านตั้งแต่วันหย่อนบัตร เรามีความกังวลในรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว


นั่นคือ รัฐธรรมนูญปี 2560 โดยเฉพาะบทเฉพาะกาลที่ระบุให้ ส.ว.ที่แต่งตั้งโดย คสช.เลือกนายกรัฐมนตรีได้ใน 5 ปีแรก ทำให้กระบวนการประชาธิปไตยถูกบิดเบือนและผิดเพี้ยนไป


ขณะนี้ เราถูกดึงไปเล่นในเกมของผู้ก่อการรัฐประหาร แม้จะรวมเสียงกันได้ 300 กว่าเสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังถือว่าอยู่ในเกมของเขา ประชาชนอยากให้มี Advance MOU ที่ยกระดับของประชาธิปไตยให้เข้มข้นขึ้น เป็นการเซ็น MOU ร่วมกันระหว่างพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย


จากนั้นนายพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ตอบว่า Advance MOU ต้องทำให้เป็นระบบ ตัดตอนผลพวงการรัฐประหาร คืนความเป็นปกติให้การเมืองไทย


ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ให้ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบาย พรรคก้าวไกล ไปศึกษา โดยกระบวนการทำสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จะมีระยะเวลาใกล้เคียงกันกับอายุของรัฐบาลในช่วง 4 ปี คงจะต้องให้ทีมงานไปศึกษาเพิ่มเติมเรื่องรัฐธรรมนูญใหม่ กับการดำรงอยู่ของรัฐบาลใหม่


ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า สิ่งที่เรายึดมั่นคือ เราเชื่อมั่นว่าเราเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ได้รับเสียงบ่งชัดว่าเป็นผู้ต้องการประชาธิปไตย อะไรที่บิดเบี้ยวและผิดเพี้ยนในรัฐธรรมนูญจะพยายามทำให้ดีที่สุด


โดย ส.ว.ชุดนี้ ตามบทเฉพาะการจะหมดอายุในเดือนพฤษภาคม 2567 หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทัน ก็อยู่ในบทบัญญัติในการแก้ไข คงจะเป็นการทำรัฐธรรมนูญให้เป็นของพี่น้องประชาชน เป็นรัฐธรรมนูญสมดุลที่คำนึงถึงการมีส่วนร่วม และเป็นของประชาชน

-------------

วานนี้ (22 พ.ค. 66) ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพมหานคร ช่วงตอบคำถามหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล (MOU) ถึงการครบรอบ 9 ปี รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557


โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวระหว่างการแถลงการลงนาม MOU ร่วมรัฐบาล กรณีการ รัฐประหารยึดอำนาจมา 9 ปีที่แล้ว


โดยระบุว่า เรามั่นใจว่าเราคือรัฐบาลของประชาชน รัฐบาลที่มาจากประชาชน เป็นของประชาชน ย่อมไม่สร้างเงื่อนไขที่จะเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจเข้ามายึดอำนาจเราได้ เงื่อนไขที่เราพูดถึง แม้ไม่ได้ระบุใน MOU แต่เรามั่นใจว่าเราจะทำหน้าที่ของเรา โดยไม่สร้างเงื่อนไขให้บุคคลอื่นเข้ามาใช้อำนาจแฝง ไม่ว่าจะเป็นการแอบอ้างว่าไม่จงรักภักดี ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ก่อความวุ่นวาย เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นจากรัฐบาลของพวกเรา


และมั่นใจว่า สิ่งที่ทำจะบอกไปถึงพี่น้องประชาชนเองว่า พวกเราเองก็จะไม่สร้างเงื่อนไขให้เข้ามายึดอำนาจกับพวกเรา ทุกครั้งที่เขายึดอำนาจได้ เพราะพี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งยอมให้เข้ามาใช้อำนาจ เพราะฉะนั้น เรามาสร้างเงื่อนไขแบบนี้ไปด้วยกัน

-------------



คุณอาจสนใจ

Related News