เลือกตั้งและการเมือง

ราชทัณฑ์ส่งตัว 'แบม-ตะวัน' รักษา รพ.ธรรมศาสตร์ฯ หลังอ่อนเพลีย คลื่นไส้ จากการอดอาหารวันที่ 7

โดย petchpawee_k

25 ม.ค. 2566

411 views

เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกประจำกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ตามที่นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และนางสาวอรวรรณ ภู่พงศ์ หรือแบม ผู้ต้องหาคดี ม.112 ได้งดน้ำและอาหาร ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 18 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา และถูกส่งตัวไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ซึ่งทั้งคู่ยืนยันปฏิเสธการรักษา และแจ้งความประสงค์ที่จะรับการรักษาจากโรงพยาบาลภายนอก นั้น


อาการล่าสุดเมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) นายสิทธิ ได้รับรายงานจากนายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ว่า น.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรวรรณ มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ปากแห้ง คลื่นไส้ ปัสสาวะได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งอาการทั้งหมดเกิดจากการอดน้ำและอาหารต่อเนื่องถึงปัจจุบันเป็นวันที่ 7 และยังคงปฏิเสธยาและสารน้ำทางหลอดเลือด


ซึ่ง น.ส.อรวรรณ และนางสาวทานตะวัน ได้แจ้งว่ารู้สึกไม่ไหว แต่ยังคงยืนยันที่จะอดอาหารและน้ำ และปฏิเสธรับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ดังนั้น เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์จึงได้จัดเตรียมเอกสาร เตรียมความพร้อมในการส่งตัวเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลภายนอก


ต่อมาในเวลา 17.41 น. ได้รับการตอบรับจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ที่จะรับตัว น.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมส่งตัวทั้งสองไปรับการรักษาต่อ


นายสิทธิ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของผู้ป่วยเป็นสำคัญ จึงได้ควบคุม ดูแล โดยจัดทีมแพทย์ พยาบาลและอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) คอยดูแลใกล้ชิด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการควบคุมผู้ต้องขังที่อดอาหาร (Standard Operating Procedure for fasting Prisoners Measures : SOPs)


ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.12 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยคำชี้แจงทนายความเข้าเยี่ยม “ตะวัน – แบม” วันที่ 24 มกราคม 2566 เนื้อหาบอกเล่าอาการของทั้งคู่ ว่าตัวร้อน อยากอาเจียนตลอดเวลา รวมถึงข้อความจากผู้ปกครองของเยาวชนทั้ง 2 ราย


ทนายความได้เข้าเยี่ยมตะวันและแบม ตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น. โดยในช่วงแรกมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายประกันและผู้กำกับดูแลของตะวัน เข้าเยี่ยมด้วยพร้อมกัน


จากการสอบถามอาการได้ความว่า ทั้งคู่มีอาการหน้าแดง รู้สึกตัวร้อน และทรมานจากความรู้สึกไม่สบายตัว สืบเนื่องมาจากสาเหตุใดไม่ทราบ โดยทั้งสองคนได้พยายามล้างหน้าและอาบน้ำ แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการทรมานได้ทั้งหมด จึงไม่สามารถนอนหลับได้ตลอดคืนและหลับได้เป็นระยะๆ มีความรู้สึกอยากอาเจียนอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีสิ่งใดออกมาจากร่างกายอีก ทั้งยังเวียนหัวตลอดเวลา พะอืดพะอืม เรอ และรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติอยู่ตลอดเวลา โดยตลอดการเข้าพบกับทนายความ ทั้งคู่มีอาการจะอาเจียนตลอดเวลา แต่ไม่มีสิ่งใดออกมาจากร่างกาย


 ในเวลาเช้าของวันนี้ (24 ม.ค.) ก่อนที่จะมีการเข้าเยี่ยม ตะวันและแบมแจ้งว่าได้มีบุคคลที่แจ้งว่าตนเป็นผู้อำนวยการ นำบันทึกข้อความมาเพื่อให้ทั้งคู่มอบความยินยอมที่จะนำพาตนไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น โดยบุคคลดังกล่าวได้พูดคุยกับทั้งคู่เป็นอย่างดี และมีเจ้าหน้าที่แจ้งประกอบว่า  ให้เห็นใจพวกตนที่ต้องเฝ้าตะวันและแบมด้วย ตะวันและแบมจึงเกิดความเกรงใจและให้ความยินยอมด้วยการเขียนบันทึกข้อความดังกล่าว ซึ่งไม่มีการระบุว่าเป็นโรงพยาบาลแห่งใด


ต่อมาเมื่อทราบว่าทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์แจ้งว่าจะส่งทั้งคู่ไปโรงพยาบาลตำรวจ ตะวันและแบมจึงได้ทำการแจ้งว่า ขอเดินทางไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เพราะมั่นใจว่าโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของกรมราชทัณฑ์


ทั้งนี้ ทั้งคู่ยังยืนว่าจะอดน้ำและอาหารต่อไป การเดินทางไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ หากทางแพทย์ต้องการประสงค์จะดำเนินการไปด้วยการใด จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและความยินยอมของตะวันและแบมเท่านั้น


ทนายความได้แจ้งความประสงค์ของตะวันและแบมต่อโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นหนังสือ พร้อมทั้งให้ทั้งคู่แจ้งความจำนงถึงความต้องการที่จะเดินทางไปโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน


ในวันนี้ (24 ม.ค.) ทั้งคู่ได้แจ้งความประสงค์ฝากข้อความถึงพ่อกับแม่ ซึ่งทนายความได้แจ้งแก่แบมว่าพ่อของแบมได้โทรมาหา และฝากข้อความมาว่า “พ่ออยู่ข้างแบมนะ” ซึ่งทำให้แบมร้องไห้ออกมา พร้อมฝากข้อความว่า ในวันที่ตนเดินทางออกจากบ้านมานั้น พ่อได้ตะโกนบอกแบมว่า “ต้องกลับมาหาพ่อให้ได้” และแบมได้สัญญาไว้แล้วว่าจะกลับไป


ด้านตะวัน แจ้งความประสงค์ให้ฝากข้อความถึงพ่อกับแม่ของตนว่า “หนูรู้ว่าพ่อแม่เข้มแข็งมาก หนูไม่ยอมแพ้หรอก หนูยังสู้อยู่นะ อยากให้พ่อแม่รู้ว่าหนูเองก็ยังสู้อยู่ทุกวินาที พ่อแม่ก็รู้ว่าหนูไม่เคยยอมแพ้ไม่ว่ากับเรื่องอะไร เรื่องนี้หนูก็จะไม่ยอมแพ้มันอีกเช่นกัน” พร้อมทั้งร้องไห้เช่นกัน


อนึ่ง ทั้งคู่ได้รับทราบว่าหากไม่มีการส่งตัวทั้งสองไปยังโรงพยาบาลแห่งอื่น ทั้งสองเข้าใจว่าจะมีอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ยังคงยืนยันเช่นเดิม


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/0FkTeUfNRVs


คุณอาจสนใจ

Related News