'นิพิฏฐ์' อัดขายที่ดินให้ต่างชาติ 2 มาตรฐาน - 'วิษณุ' ยันทบทวนได้ เปิดรับความเห็นร่างกฎหมาย

นิพิฏฐ์ อัด ขายที่ดินให้ต่างชาติ 2 มาตรฐาน ครั้งหนึ่งบอกว่าคือ "ขายชาติ" มาตอนนี้ บอก "กระตุ้นเศรษฐกิจ" เตือนต่อไปอาจเจอป้าย "ซอยนี้คนไทยห้ามเข้า" ด้าน วิษณุยัน ทบทวนได้ พร้อมเปิดรับความเห็น ร่างกฎหมาย

เมื่อเช้าวานนี้ (31 ต.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นภาพแคปชั่นข้อความ "ซอยนี้คนไทยห้ามเข้า" โดยระบุเนื้อหา ว่า "ครั้งหนึ่ง มีคนกลุ่มหนึ่ง อ้างว่า การขายที่ดินให้ต่างชาติคือการ"ขายชาติ" ตอนนี้ คนกลุ่มนั้นอธิบายใหม่ว่า มิใช่ขายชาติหรอก แต่เป็นการ"กระตุ้นเศรษฐกิจ" ต่างหาก เรื่องเดียวกันแต่เราอธิบายต่างกัน เขาเรียก " 2 มาตรฐาน"

ต่อไป ในเมือง ในเทศบาล เตรียมรับตึกหรู บ้านหลังใหญ่ อลังการ เห็นคนจีน คนฝรั่ง ขับรถหรู เข้า-ออก /หากมีป้ายเขียนว่า"ซอยนี้คนไทยห้ามเข้า" ก็อย่าว่ากัน มันเป็นแผ่นดินของเขา เราค่อยไปนั่งขายขนมครกหน้าปากซอย หากมีการมั่วสุมยาเสพติดกันเต็มซอย ก็ถือว่า เป็นการกระตุ้นการบริโภค(ยาเสพติด) ก็แล้วกัน

นายนิพิฏฐ์ บอกว่า ฟังผู้รู้ที่ทำเรื่องเศรษฐกิจของประเทศมา อธิบายว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจ มีหลายวิธี สถานการณ์นี้ ไม่ควรทำอย่างนี้

ต่อมาเมื่อช่วงบ่าย นายนิพิฏฐ์ โพสต์เพิ่มเติมอีกครั้ง ระบุ "ยกเลิกขายที่ดินให้ต่างชาติเถอะครับ"

และบอกว่า "ผมใช้เวลาครึ่งวัน ปรึกษาผู้รู้ เรื่องการขายที่ดินให้ต่างชาติ จริงอยู่แม้เคยมีมาตรการนี้เมื่อ 2545 แต่หลังจากนั้น มีต่างชาติมาซื้อที่ดินเพียง 8 ราย แสดงว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายนี้ ไม่ได้ผล

ครั้น ปี 2565 รัฐบาลกลับไปลดเงื่อนไข ให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ง่ายขึ้น เช่น ลงทุนเพียง 3 ปี โดยรัฐบาลหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ผมเห็นว่ามาตรการนี้ มาผิดเวลา มาในขณะคนไทยลำบาก เศรษฐกิจไม่ดี หวังขายที่ดินเพื่อนำเงินจากต่างชาติเข้ามา ผมว่า กระทบหัวใจคนไทย ที่เห็นที่ดินถูกขายให้ต่างขาติ ในขณะที่เรายากจน

การซื้อที่ดิน 1 ไร่ ส่วนใหญ่ คือการฟอกเงิน คือพวกมาเฟียที่เดินทางออกนอกประเทศของตัวเอง คนเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ประเทศตัวเองไม่ได้ทั้งสิ้น จึงมาซื้อที่ดินในประเทศไทย แปลงสัญชาติเป็นคนไทย และบริจาคเงินให้นักการเมืองเพื่อคุ้มครองตัวเอง

การลงทุนซื้อพันธบัตร หรือ การลงทุนในตลาดทุน, มันไม่มีประโยชน์ เพราะตลาดทุนในเมืองไทย ไม่มีปัญหาจนต้องให้ต่างชาติมาลงทุน แลกกับแผ่นดินไทย

ผมหวังว่า พรรคร่วมรัฐบาล(บางพรรค)ที่เคยค้านนโยบายนี้ เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วจะได้สติ และขอให้คัดค้านนโยบายนี้ เหมือนที่เคยคัดค้านไว้ อย่าลดตัวไปขายที่ดินชาติเลยครับ

ก่อนจะลงท้ายว่า พรรคสร้างอนาคตไทยไม่เห็นด้วย กับแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการขายแผ่นดินให้ต่างชาติ

-------------------------------------------------

ด้าน พรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และนายนพดล มังกรชัย รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงขอให้รัฐบาลทบทวนมติ ครม.กรณีแก้ไขกฎกระทรวงว่าด้วยการถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ของชาวต่างชาติ เพื่อดึงดูดคนต่างชาติกลุ่มที่มีศักยภาพสูงตั้งแต่ 40 ล้านบาทมาลงทุนในประเทศไทย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากสังคมในวงกว้างว่าเป็นกฎหมายขายแผ่นดินหรือไม่

พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าหลักการในร่างกฎกระทรวงที่ผ่านการเห็นชอบมานั้น จะส่งผลเสียต่อประเทศชาติในระยะยาวมากกว่าการได้ประโยชน์เพียงน้อยนิดในระยะสั้น

--------------------------------------------------

เมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) คณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เดินทางเข้ายื่นหนังสือ "คัดค้านกฎหมายให้ต่างชาติครอบครองครองแผ่นดินไทย" ที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล

นายนิติธร อ่านแถลงการณ์ของคณะหลอมรอวมประชาชน ช่วงหนึ่งระบุว่า การสร้างแรงจูงใจให้ชาวต่างประเทศมาลงทุนหรืออยู่อาศัยในประเทศ เมื่อพิจารณาถึงบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหมวดที่ 5 หน้าที่ของรัฐ หมวดที่ 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ ไม่มีบทบัญญัติใดที่เขียนไว้ชัดให้ดำเนินการเช่นนั้นได้ กรณีดังกล่าวจึงมีเหตุสมควรจัดให้มีการออกเสียงประชามติว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่

รวมถึงการดำเนินการดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีการวิจัยเพื่อพิจารณาความคุ้มค่าหรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งแนวทางป้องกันความเสียหาย แนวทางแก้ไข การใช้อำนาจรัฐเพื่อออกมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวจึงถือเป็นอำนาจรัฐที่เป็นภัยคุกคามซ่อนรูปต่อความมั่นคงประเทศและประชาชนรูปแบบใหม่

ด้านนายจตุพร ตั้งคำถามว่า ถ้าเป็นเรื่องที่ดีทำไมไม่ออกมาตรการนี้มาตั้งแต่ปีแรกที่ดำรงตำแหน่ง แต่ปล่อยให้ผ่านมา 8 ปี วันนี้ต่างชาติครองแผ่นดินไทยมีการใช้นอมินีเต็มแผ่นดินไปหมด แต่ไม่มีท่าทีของรัฐบาลที่ออกมาแก้เรื่องนี้ นายกฯไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ของชาติเลย

ทั้งนี้วันที่ 2 พ.ย.จะนำเรื่องนี้ไปยื่นที่กองบัญชาการกองทัพไทย ว่ารู้สึกต่อเรื่องนี้อย่างไร และวันที่ 4 พ.ย.จะไปยื่นต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องถูกผิดทางกฎหมาย แต่เป็นเรื่องสามัญสำนึกในการรักแผ่นดิน

 ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ แน่จริงอย่ายกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ออกไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา และขอท้าทายประชาชนว่าจะปล่อยให้รัฐบาลขายชาติแผ่นดินต่อหรือไม่

-----------------------------------------------------

ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. .... ว่า แม้ครม. อนุมัติในหลักการ แต่ยังสามารถทบทวนร่างกฎกระทรวงดังกล่าวได้ จากนี้ครม.จะต้องส่งไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา และเมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วต้องส่งกลับมาที่ครม.อีกครั้ง การเสนอความคิดเห็นต่างๆ ก็สามารถทำได้ และเมื่อใดก็ตามที่มีการพูดถึงการให้คนต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินในประเทศไทย จะเป็นปัญหามาตลอด มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน ปี 31


ในปี 45 มีการร่างกฎกระทรวงออกมาในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร กำหนดให้คนต่างชาติที่มีเงินลงทุน 40 ล้านบาทขึ้นไปสามารถเข้ามาซื้อที่ดินได้คนละไม่เกิน 1 ไร่ เพื่ออยู่อาศัย รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ มาจนถึงปัจจุบัน แต่หลักเกณฑ์เดิมที่เคยมีบางเรื่องตึงเกินไป บางเรื่องก็หละหลวมเกินไป เราจึงอยากจำกัดหลักเกณฑ์ผู้ที่มาซื้อที่ดิน ในประเทศว่าไม่ใช่ให้ใครก็ได้เพียงแค่มีเงิน 40 ล้านบาท จึงได้กำหนดกลุ่มคนต่างชาติ 4 ประเภท เพื่อกำหนดคนผู้ได้รับสิทธิ์ให้วงแคบลง และมีการเพิ่มเงื่อนไข ปรับบางอย่างก็ได้ ส่วนคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นกันในขณะนี้ บางคนก็เสนอให้เติมเงื่อนไข รัฐบาลยินดีรับไว้พิจารณา อาทิข้อเสนอที่ห้ามมีการนำไปขายต่อ ห้ามมิให้ผู้ซื้อที่ดินนำมาต่อรวมกัน

เมื่อถามว่า บางฝ่ายเสนอให้ปรับหลักเกณฑ์ จาก 40 ล้านบาทให้เป็น 100 ล้านบาท นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาอีกครั้ง รัฐบาลหวังเพียงอยากให้มีคนที่มีศักยภาพเข้ามาลงทุน และคิดว่าข้อกำหนดเรื่องจำนวนเงิน 40 ล้านบาท ก็คิดว่าน่าจะมากพอหากเป็นเรื่องของการก่อสร้าง แต่ถ้าจะไปนับรวมที่ดินกับสิ่งปลูกสร้าง ก็อาจจะมีการกำหนดโดยแยกรายละเอียดอีกครั้ง ว่าแต่ละส่วนนั้นต้องมีมูลค่าเท่าไหร่อย่างไร 

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Ih1E1AGiDL4