เลือกตั้งและการเมือง
‘ส.ว.อำพล’ พูดชัด ประชาธิปไตยในการเลือกตั้งถ้าไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ แล้วจะเลือกตั้งไปทำไม
โดย JitrarutP
10 ก.ค. 2566
215 views
“ส.ว.อำพล” ประกาศชัด ยึดหลักประชาธิปไตย เคารพเสียงส่วนใหญ่จากการเลือกตั้ง ระบุ เมื่อพรรคจากเสียงข้างมากรวมกันได้เกินครึ่ง หาก ส.ว. ไม่เคารพเสียงประชาชน แล้วจะจัดการเลือกตั้งไปทำไม
นพ.อำพล จินดาวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์รายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ โดยระบุว่า จุดยืนในการโหวตนายกฯ เมื่อมีหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่ต่อ และเลือกเหมือนเหตุผลที่ใช้ตอนปี 2562 เมื่อพรรคการเมืองรวมตัวกันเกินครึ่งเสนอ เราก็เลือกท่านนั้น และไม่ใช่หน้าที่เราจะไปหาเหตุผลว่าเขาเป็นอย่างไร เพราะผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ส่วนเรื่องอื่นไม่ใช่ประเด็นที่ต้องหยิบยกขึ้นมา ผมจะไม่ตั้งตนเป็นใหญ่หาเหตุผลมาขวางประชาชน
นพ.อำพล กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่าพรรคใด เมื่อเขารวมกันได้เกินครึ่งหนึ่งเราก็ต้องเคารพตรงนั้น เขาชนะเลือกตั้งมาเราก็ต้องเคารพ การมาพูดเรื่อง มาตรา 112 เป็นคนละเรื่องกับการเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ การทำกฎหมายก็ต้องไปว่ากันตามระบบ คนละเรื่องกับการเอาไปผูกโยงการเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ ไม่งั้นจะมีเรื่องมาเรื่อยๆ
.
“ตอนเลือก พล.อ. ประยุทธ์ เรายังไม่ได้ไปแคะเหตุผลกันมามากมายเลย หากเราไปทำจะเป็นสองมาตรฐานแล้วล่ะ” นพ.อำพล กล่าว
.
เมื่อถามว่าไม่ห่วงเหมือนที่ ส.ว.คนอื่นห่วงหรือ นพ.อำพลกล่าวว่า นั่นไม่ใช่ประเด็นไม่งั้นอ้างได้หมด เหมือนตอนท่านประยุทธ์ ทำไมไม่ห่วงละ เป็น คสช.มา ต้องถูกตรวจสอบ เราต้องไม่ตั้งตนเป็นใหญ่ และไม่หาเหตุผลใดมาอ้าง หากพยายามหา มันจะสะท้อนว่าเรามีอะไรในใจหรือเปล่า
.
“ผมคิดตรงไปตรงมาเมื่อประชาธิปไตยเขาเลือกตั้ง และรวมได้เกินครึ่งคือเสียงส่วนใหญ่ ถ้าเราไม่เคารพตรงนี้เราจะมีการเลือกตั้งไปทำไมล่ะ” นพ.อำพล กล่าว...
นพ.อำพลกล่าวว่า ถ้าหลักประชาธิปไตยจริงต้องไม่มีอำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ ก็เป็นเรื่องของ ส.ว.ฐานคือ 500 คน หากได้เกินครึ่งเขาก็ได้บริหารประเทศ ในอดีตเราก็เป็นอย่างนั้นมาตลอด จน รธน. ปี 2560 มีการกำหนดบทเฉพาะกาลให้ ส.ว.มาร่วมเลือกที่เรียกกันว่าอำนาจพิเศษ ฐานการเลือกเป็น 750 นะ นี่คือเปิดสวิตช์อยู่และเราใช้มาเมื่อปี 2562 หลายคนก็พยายามขอแก้ด้วยการปิดสวิตช์ พอมีการเข้าสู่การพิจารณา ก็บอกว่าแก้ได้ต้องได้เกินกึ่งหนึ่งของ750 และมีเสียง ส.ว.เกิน 1 ใน 3 และพอแก้ก็ไม่ผ่าน เพราะ ส.ว. ส่วนหนึ่งอยากมีอำนาจนี้อยู่ มีเพียง 20 กว่าคนบอกว่าควรแก้ ตอนนี้เมื่อสวิตช์เปิดอยู่ฐานจึงเป็น 750 ถ้าบอกว่าตนเคยปิดสวิตช์ก็จะปิดสวิตช์ไปเรื่อยแบบนี้ตะแบงแล้ว เพราะเอาผมเป็นฐานด้วยหากจะปิดสวิตช์ต้องเหลือฐาน 500
“ท่านที่เห็นด้วยให้เปิด หากใช้เหตุผล แต่วันนั้นท่านก็ไม่เห็นชอบให้เขาไปเลือกกันเอง ท่านจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยเป็นเอกสิทธิ แต่หากบอกว่าให้ปิดสวิตช์ แล้วปิดเลย ไม่ได้ครับ วันนี้เราเป็นฐาน ยังมีหน้าที่มีอำนาจ มันไม่ใช่เวลาปิดสวิตช์ มันไม่ใช่โหวตเพื่อปิดหรือไม่ปิด เป็นการอ้างเพื่อตะแบง และขัดขาคนที่เขาจะเสนอชื่อ” นพ.อำพลกล่าว
นพ. อำพล กล่าวว่า ตนก้าวข้ามบุคคลและพรรคการเมือง ต้องว่ากันด้วยหลัก ถ้าจะงดออกเสียงก็อย่ามาอ้างว่าปิดสวิตช์ อาจจะทำให้เหมือนดูดี อาจจะสบายใจ