เลือกตั้งและการเมือง
'พิธา' ร่วมกิจกรรม "PARK RUN ปันรัก เพื่อลมชัก รักษาได้" เผยวัยเด็กเคยป่วยลมชัก
13 ก.พ. 2565
853 views
“พิธา” ร่วม กิจกรรม "PARK RUN ปันรัก เพื่อลมชัก รักษาได้" แชร์ประสบการณ์เคยป่วย โรคลมชักวัยเด็ก แนะสังคมตระหนักให้คนป่วยได้ใช้ชีวิตปกติมากที่สุด

ที่สวนวชิรเบญจทัศ เช้านี้ (13 ก.พ.65) มีการจัดกิจกรรม "PARK RUN ปันรัก เพื่อลมชัก รักษาได้" เนื่องในวันโรคลมชักสากล 14 ก.พ. ( International Epilepsy Day) โดย นพ.ชลภิวัฒน์ ตรีพงษ์ นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันประสาทวิทย เพื่อสร้างโอกาส และความเข้าใจให้กับผู้ป่วยโรคลมชักในประเทศไทย กว่า 7 แสนคน และผู้ป่วยโรคลมชักทั่วโลกกว่า 50 ล้านคน ให้หันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของตัวเอง

โดยกิจกรรมมีการวิ่งออกกำลังกาย และแชร์ประสบการณ์ ของผู้ที่เคยป่วยด้วยโรคลมชักซึ่งส่วนหนึ่งของผู้ที่เคยป่วยเป็นโรคลมชักและมาเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ด้วย คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
โดยนายพิธา กล่าวว่าตนเอง เคยเป็นผู้ป่วยเป็นโรคลมชักครั้งแรกเมื่อ อายุ 14 ปี ต้องทานยาถึงอายุ24 ยอมรับว่าชีวิตในช่วงนั้นเปลี่ยนไปเยอะแต่ร่างกายก็จะปรับไปเรื่อยๆ เปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ แม้ไม่สามารถเล่นกีฬาประเภทหนักๆ แต่ก็ยังสามารถเล่นประเภทเบาๆได้
สิ่งสำคัญคือคนรอบข้าง หากคนที่อยู่ร่วมหรือทำงานด้วยไม่เข้าใจมันจะยิ่งบั่นทอนจิตใจ หากคนรอบข้างเข้าใจ โรคลมชักก็จะเป็นเพียงโรคกาย แต่สภาพจิตใจเราจะเข้มแข็ง ซึ่งจากประสบการณ์ของตนเอง ที่เคยไปรักษาในสหรัฐอเมริกา แพทย์ได้แนะนำให้พยายามใช้ชีวิตให้ปกติมากที่สุด แต่จะต้องไม่ฝืนจนเกินไป
นายพิธายังกล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยลมชัก ประมาณ 700,000 คน แต่ไม่ได้กระทบแค่ผู้ป่วย เพราะ ยังมีครอบครัว ผู้ปกครองด้วย ทำให้จะมีผู้ได้รับผลกระทบ 2 ล้านคนทั่วประเทศเป็นอย่างต่ำ ดังนั้นตนในฐานะอดีตผู้ป่วยโรคลมชักคนนึง ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างการรับรู้ในกลุ่มคนที่ไม่ป่วย และ ให้กำลังใจคนที่ป่วย
สำหรับกลุ่มคนที่ไม่ได้ป่วย หากสังคมรับรู้ที่ อาการ วิธีรักษา จะสร้างความตื่นรู้ ความเห็นอกเห็นใจ ในผู้ป่วยและครอบครัว ไม่ใช่แค่เวลาที่อาการกำเริบ แต่เวลาทั่วไปที่เวลากินยาแล้วอาจจะมีอาการง่วงในบางช่วง แต่เมื่อร่างกายปรับได้แล้วก็จะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง
ส่วนผู้ที่ป่วยอยู่ ก็ขอให้กำลังใจและลดความกังวลกับทุกท่านว่าชีวิตไปต่อได้ ซึ่งสถาบันประสาทวิทยา บอกว่า 70% รับประทานยาแล้วหาย หรือถ้าต้องผ่าตัด อาจจะต้องใช้งบประมาณ 2 - 7 แสนต่อราย ถึงแม้
งบบัตรทอง ประกันสังคม จะพอเบิกได้ แต่ก็เข้าใจว่ายังไม่เพียงพอในฐานะอดีตผู้ป่วยและ ส.ส ในปัจจุบันจะเป็นกระบอกเสียงและช่วยผลักดันเรื่องนี้ในสภาให้ต่อไป
ด้าน นพ.ชลภิวัฒน์ กล่าวว่าการเชิญนายพิธาเข้าร่วมในวันนี้ เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับคนรุ่นใหม่ในฐานะเป็น ส.ส. ที่เคยป่วยเป็นโรคลมชัก เนื่องจากปัจจุบันผู้ป่วยโรคลมชักกำลังประสบปัญหา ที่คนในสังคมอาจไม่เข้าใจ เช่นเยาวชน เด็กวัยเรียน ที่เป็นโรคลมชัก บางรายถูกปฏิเสธการเข้าเรียนในสถานศึกษา
เพราะความกังวลของโรงเรียนที่ไม่สามารถดูแลนักเรียนที่ป่วยเป็นโรคลมชักได้ ทั้งที่ ผู้ที่ป่วยโรคนี้จะมีอาการเพียงชั่วครู่เท่านั้น แต่ในช่วงเวลาอื่นๆ ยังมีความสามารถ เหมือนคนทั่วไปปกติ สามารถเรียนหนังสือได้
ที่ผ่านมาตนเองก็มีคนไข้ที่เป็นโรคลมชัก มาแล้วหลากหลายกลุ่มอาชีพ แม้แต่อาชีพหมอก็ ยังมีคนที่ป่วยเป็นโรคลมชัก จำเป็นที่เราจะต้องให้โอกาสกับคนเหล่านี้ เพราะหากไม่ให้โอกาสก็จะขาดกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศได้
นพ.ชลภิวัฒน์ กล่าวด้วยว่าการ จัดกิจกรรมในวันนี้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยโรคลมชักได้หันมาออกกำลังกาย และให้ผู้คนทั่วไปได้รับรู้ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้ป่วยโรคลมชักได้ยืนยันว่า ผู้ป่วยโรคลมชักยังสามารถ ออกกำลังกายได้ ในประเภทที่ไม่หนักจนเกินไป
และหากเจอผู้ป่วยที่กำลังเป็นลมชัก ขอให้ไม่ต้องตกใจ และไม่ควรไม่ใช้อุปกรณ์ใดๆ ใส่เข้าไปในปากตามที่หลายคนเข้าใจผิด แต่ควรช่วยเหลือ ด้วยการ ไม่งัด ไม่ง้าง
ไม่ถ่าง ไม่กด ไม่ทั้งหมด เพราะชักหยุดเองได้ แต่ถ้าชักนานมากกว่า 5 นาที ให้รีบโทร. 1669 ขอความช่วยเหลือจากศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน
พร้อมย้ำว่าปัจจุบันโรคลมชัก สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นในระหว่างที่ ผู้ป่วยอยู่ระหว่างรักษา ควรที่จะได้เข้าถึงโอกาส ในการใช้ชีวิตอย่างปกติ เพราะเมื่อรักษาหายแล้ว จะได้มีโอกาส ทำงานเลี้ยงชีพได้ปกติ
แท็กที่เกี่ยวข้อง พิธา ,โรคลมชัก ,PARK RUN ปันรัก เพื่อลมชัก รักษาได้