เลือกตั้งและการเมือง
“พิธา” ร่ายยาวถึงว่าที่นายก อบจ. แก้ฝุ่น แนะจัดหาเครื่องจักรการเกษตรให้ชาวบ้านเช่า-ยืม
โดย chutikan_o
26 ม.ค. 2568
179 views
“พิธา” ฝากไว้ให้คิด ร่ายยาวถึงว่าที่นายก อบจ. ทั่วประเทศแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เชื่อท้องถิ่นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้ แนะลงทุนจัดหาเครื่องจักรการเกษตรให้ชาวบ้านเช่า-ยืม มองได้ผลประโยชน์อบรมความรู้-สร้างงานให้อาชีวะ
วันที่ 26 ม.ค. 2568 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า เช้าวันอาทิตย์ได้พักหน่อย ขอสื่อสารในฐานะที่ผมก็เป็นประชาชนคนนึงนะครับ
ย้อนไปช่วงเวลานี้เมื่อสองปีที่แล้วผมมีโอกาสได้ไปดูงานที่นครสวรรค์เป็นบริษัทขายเครื่องจักรการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตลดต้นทุนและลดการเผาวัสดุการเกษตรให้ชาวไร่อ้อย
วันนี้… กฏหมายอากาศสะอาดกำลังจะผ่าน นายก อบจ. จะเป็นประธานการแก้ไขฝุ่น PM 2.5 ในจังหวัด อบจ. เกือบทุกจังหวัดมีงบการเกษตรมีงบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว
ขณะที่กำลังการเลือกนายก อบจ. ในอีก 1 อาทิตย์ในวันอากาศแย่เพราะฝุ่น PM 2.5 ที่มาจากการเผาวัสดุการเกษตรจำนวนมาก ภาพในวันนั้นก็ย้อนกลับมาในหัว ผมยังคงเชื่อว่า อบจ. สามารถเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้ โดยการลงทุนจัดหาเครื่องจักรการเกษตรตั้งแต่ก่อนปลูก ระหว่างปลูก และหลังปลูก มาให้เกษตรกรในพื้นที่เช่าหรือยืมใช้งานในราคาที่เข้าถึงได้ เป็น “กองบริการเครื่องจักรการเกษตรเพื่อเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม”
แนวคิดนี้จะช่วยได้อย่างไร?
1. ก่อนปลูก
• ใช้รถไถปรับดินและผานยกร่องเพื่อเตรียมดินให้เหมาะสม
• ใช้เครื่องหยอดปุ๋ยช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยและเพิ่มความแม่นยำ
2. ระหว่างปลูก
• ใช้เครื่องปลูกอ้อย (Planter) ทำให้การปลูกอ้อยเร็วขึ้นและลดการใช้แรงงาน
• ใช้ระบบน้ำหยด (Drip Irrigation) เพื่อลดการสิ้นเปลืองน้ำและช่วยให้อ้อยเติบโตดีขึ้น
3. หลังปลูก
• รถตัดอ้อย (Harvester) ลดการเผาใบอ้อยก่อนเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของฝุ่น PM 2.5
• ใบอ้อยและเศษวัสดุสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานชีวมวลหรือทำปุ๋ยอินทรีย์
ทุกวันนี้ก็มึบริษัทเอกชนรับซื้อตันละพันอยู่ มากน้อยยังไง ก็เจรจากัน
เรียนรู้จากออสเตรเลีย ออสเตรเลียเป็นตัวอย่างที่ดีของการทำเกษตรกรรมยั่งยืน พวกเขาใช้ระบบ Green Harvesting หรือการเก็บเกี่ยวอ้อยสด โดยไม่เผาใบอ้อยเลย เศษใบอ้อยถูกนำไปใช้เป็นวัสดุคลุมดิน (Mulching) หรือนำไปผลิตพลังงานชีวมวล ผลผลิตต่อไร่ของออสเตรเลียอยู่ที่ 75-87 ตัน/ไร่ ในขณะที่ไทยผลิตได้เพียง 10-12 ตัน/ไร่ นั่นหมายความว่าพวกเขาทำได้มากกว่าเราถึง 6-7 เท่า!
ถ้า เอกชน รัฐ เกษตรกร ไม่คำนึงถึง สิ่งแวดลัอม คิดในแง่เศรษฐกิจ ในแง่ productivity ในแง่ต้นทุน ก็คุ้มนะครับ เอกชนหลายรายที่ผมก็ทราบว่ามีศูนย์วิศวกรรมการเกษตรที่ทันสมัยอยู่หลายบริษัทเพียงแต่ยังหาเจ้าภาพในระดับพื้นที่ระดับท้องถิ่นทำให้มันเป็นจริงไม่ได้
อบจ. ทำอะไรได้?
• ลงทุนจัดหาเครื่องจักรเหล่านี้ให้เกษตรกรในพื้นที่เช่าหรือยืมใช้งาน
• จัดอบรมและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการเผาและเพิ่มผลผลิต
• สร้างแรงจูงใจ เช่น ส่วนลดค่าเช่า หรือเงินอุดหนุนสำหรับผู้ที่เลิกเผา
. ดึงอาชีวะ ในพื้นที่ เข้าช่วย ซ่อมแซม พัฒนา เครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพ
เรามีทางเลือกที่ดีกว่า หากเราเริ่มเปลี่ยนวันนี้ ชาวไร่อ้อยจะมีโอกาสเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และช่วยลดมลพิษทางอากาศไปพร้อมกัน อนาคตของการเกษตรไทยอยู่ในมือของเรา และผมเชื่อว่า อบจ. สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้
ผมได้ต้นทุนการลงทุน สำหรับ 10,000 ไร่ 50,000 ไร่มาแล้วจาก ที่อื่นว่า CAPEX ใช้กี่ล้าน งบ อบจ.รายจังหวัดทำได้ครับ ฝากไว้ให้คิด เพื่อปีหน้า หลังท่านรับตำแหน่ง
นายพิธา ยังโพสต์อีกว่า ฝากไว้ให้คิดอีกเรื่องหนึ่งครับ ถึงท่านนายก อบจ. ภาคเหนือคนต่อไปครับ ผมอาจจะเลือกท่านไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ขอในฐานะนักท่องเที่ยวละกันครับ ก่อนจะกลับไปทำ หน้าที่ผู้ช่วยหาเสียงบ่ายนี้
จริงๆ ใกล้กลับไป Boston เร็วๆ นี้ แต่ช่วงที่ลูกปิดเทอม ตั้งใจจะพาลูกไปเดินป่าประจำปีที่ภาคเหนือสักหน่อยครับ
เลยมีคำถามและข้อสังเกตไว้ให้ท่านครับ:
ถ้าลองพิจารณาข้อมูลเร็วๆ นี้จากสถิติของหน่วยงานรัฐที่มีย้อนหลังไป 5 ปี จะเห็นได้ว่าช่วงพีคของฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ มักจะอยู่ในช่วง“อาทิตย์แรกของเดือนมีนาคม” ผมคิดแบบสมมติฐานเร็วๆ Peak ค่าเฉลี่ย อยู่ประมาณ 10-11 มีนาคมซึ่งหมายความว่า ถ้าการเลือกตั้งนายก อบจ. เกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประเด็นเรื่องฝุ่น PM 2.5 และไฟป่า ก็น่าจะเป็นวาระเร่งด่วนที่ท่านจะต้องจัดการเป็นอันดับแรก
ฝากไว้ให้คิดดังนี้ครับ กับ 4 ด้านสำคัญที่ นายก อบจ. คนใหม่จึงต้องมีวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุม 4 +1ด้านสำคัญ ได้แก่ 1) การประสานงาน (Cooperation), 2) กฎหมาย (Legal), 3) งบประมาณ (Financial), และ 4) เทคโนโลยี (Technological) พร้อมแผนฉุกเฉินรองรับ (Contingency plan)ในกรณีที่มาตรการป้องกันไม่เพียงพอ
1. ด้านการประสานงาน (Cooperation)
• พอกฎหมาย พรบ อากาศสะอาดผ่าน ไม่ช้าก็เร็วท่านต้องเป็นประธานการจัดการเรื่องฝุ่น นายก อบจ. จะร่วมมือกับหน่วยงานในท้องถิ่น เช่น กรมป่าไม้, กรมควบคุมมลพิษ, และอุตสาหกรรมจังหวัด เกษตรจังหวัด สิ่งแวดล้อมจังหวัด ในจังหวัดหอการค้าจังหวัดท่านอย่างไร เพื่อสร้างกลไกจัดการปัญหาฝุ่นในระดับพื้นที่?
• เอกชนอย่าง หอการค้า สภาอุต มูลนิธิ ใครที่ท่านต้องประสานบ้าง?
• ในระดับนานาชาติ กงสุล หรือแม้แต่กระทั่ง สถานทูต ผู้นำรัฐใกล้เคียงที่อาจเผาทุกปี อบจ ประสานงาน กระทรวงต่างประเทศได้ไหม หรือต้องรอ รัฐกลางอย่างเดียว?
2. ด้านกฎหมาย (Legal)
• หาก พ.ร.บ.อากาศสะอาด ยังไม่ผ่าน นายก อบจ. จะสามารถใช้กฎหมายปัจจุบัน เช่น พ.ร.บ.สาธารณสุข และ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม เพื่อควบคุมการเผาในพื้นที่การเกษตรและการจัดการไฟป่าได้หรือไม่?
• ท่านจะออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการลดการเผาวัสดุในพื้นที่ เช่น การห้ามเผาในเขตที่กำหนด หรือการสนับสนุนการใช้เครื่องจักรแทนการเผาอย่างไร?
• ในกรณีของการขนส่งสาธารณะ ท่านจะสามารถกำหนดมาตรการลดควันดำหรือสนับสนุนการเปลี่ยนเป็นระบบขนส่งพลังงานสะอาดได้หรือไม่?
3. ด้านงบประมาณ (Financial)
•ถ้าปีแรก งบไม่มี ท่านจะสามารถคิดนอกกรอบหางบจากเอกชน มูลนิธิ หรือ งบกลางได้ไหม ถึงป้องกันไม่ทัน แต่ผ่อนหนักเป็นเบาทั้งการจัดหา inventory หน้ากาก N95 เครื่องกรองฝุ่น สำหรับผู้เปราะบาง สำหรับศูนย์เด็กเล็กและโรงพยาบาล เคาะคิดเลขแล้วใช้งบเท่าไร เชื่อว่าถ้าท่านมีแผนงาน เป็นแผนงาน มีคนในพื้นที่ท่านพร้อมเข้าช่วย
• ระยะกลาง หากงบประมาณสำหรับการซื้อเครื่องจักร ลงทุนใน IoT หรือระบบน้ำหยดไม่เพียงพอ ท่านปรึกษา ฝ่ายกฎหมาย หาทุนเพิ่มเติมจากองค์กรนานาชาติ เช่น UNDP, ADB หรือ World Bank ที่มี grant ช่วย เรื่องสิ่งแวดล้อมและพร้อมจะทำงานกับรัฐบาลท้องถิ่น ได้หรือ
4. ด้านเทคโนโลยี (Technological)
• การใช้เทคโนโลยีโดรนและระบบระบุพิกัด (Geolocation) เพื่อตรวจจับจุดไฟป่าและจุดเผาวัสดุในพื้นที่ห่างไกล จะช่วยลดการเผาในพื้นที่ได้จริงหรือไม่?
• จะเริ่มโครงการนำร่องการใช้รถโดยสารไฟฟ้า (EV Bus) ในพื้นที่เขตเมืองหรือชุมชนใดก่อน?
. วิศวกรรมเครื่องจักรการเกษตรลดการเผาเพิ่มผลผลิต
. การติดตั้ง IoT ที่สามารถ รุกไฟ ก่อนไฟลุก
แผนฉุกเฉิน (Contingency Plan)
• หากมาตรการป้องกันไม่เพียงพอ ท่านมีแผนสองหรือไหม?
KPI คืออะไร ในปีแรก เทอมแรก เทอม 2 พอครบ 8 ปีแล้ว จะเพิ่ม Blue sky days ได้เป็นกี่วันต่อปี
ถ้าท่านพอที่จะมีคำตอบคร่าวๆ ได้เชื่อว่าประชาชนจะชื่นใจและจะเข้าใจถึงแม้ว่าท่านพยายามทำ สมมติซัก 10 อย่างทำสำเร็จสักครึ่งนึงประชาชนก็คงจะเข้าใจและรู้สึกดีกว่า คนบริหารเกียร์ว่างนะครับ
สุดท้ายนี้ก่อนผมกลับหาเสียงถ้ามีแคนดิเดตนายก อบจ.จังหวัดไหนจะเอาไปใช้ในการหาเสียงหนึ่งอาทิตย์สุดท้ายก่อนประชาชนชาวเหนือจะเข้าคูหา ผมก็ไม่ว่านะครับ เชื่อว่าชาวเหนือจะออกไปใช้สิทธ์และเทคะแนนให้คน คิดล่วงหน้าและมีพิมพ์เขียวแบบนี้คร่าวๆก็พอ เพราะดูพยากรณ์แล้วในระดับประเทศก็น่าจะยังมีฝุ่นไม่มากก็น้อยคละคละกันไปจนกระทั่งวัน ที่เข้าคูหาเรื่องนายก อบจ.เลยครับ
หวังว่าประเด็นนี้จะถูกหยิบยกมาพูดถึงและแก้ไขอย่างจริงจังครับ
ปล. ขอให้การบริหารงานประสบความสำเร็จ และภาคเหนือของเราน่าเที่ยวมากขึ้นนะครับ!
แท็กที่เกี่ยวข้อง พิธา ,พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ,นายก อบจ. ,แก้ฝุ่น