เลือกตั้งและการเมือง

'ภูมิธรรม' เตรียมลงเกาะกูด 9 พ.ย. สร้างความเชื่อมั่น ยัน MOU44 กลไกรักษาผลประโยชน์ประเทศ

โดย panwilai_c

7 พ.ย. 2567

53 views

ความคืบหน้ากรณีพื้นที่เกาะกูด จังหวัดตราด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมย้ำว่าเกาะกูดเป็นของไทยชัดเจน ส่วนเอ็มโอยู 44 เป็นกลไกรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และเตรียมลงพื้นที่ในวันเสาร์นี้



นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่ชายแดนที่ อ.เกาะกูด จ.ตราด ในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ มี 2 ประเด็นคือ 1.จะเดินทางไปไปยังหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด กองทัพเรือ เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ ดูแลทุกข์สุขกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด ที่อยู่เฝ้าชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเกาะกูด และ 2.เพื่อไปยืนยันให้ชัดเจนว่าประเทศไทยเป็นเจ้าของเกาะกูด และบนเกาะกูดเป็นเขตอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งมีหน่วยราชการและประชาชนอาศัยอยู่ด้วย เพื่อให้ประชาชนมีความสบายใจและมั่นใจขึ้น ทั้งนี้จะเดินทางไปพร้อมกับปลัดกระทรวงกลาโหม และเสนาธิการกองทัพเรือ



ส่วนความคืบหน้าเรื่องการเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค หรือ Joint Technical Committee หรือ JTC นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี พูดไปแล้วว่าน่าจะไม่เกิน 2 อาทิตย์ จะสามารถจัดตั้งได้ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศ ก็คงจะต้องดูตรงนี้ให้เหมาะสม แต่ว่าดำเนินการอยู่แล้ว



โดยกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพ ในการดึงเอาคณะกรรมการมาทบทวน เพื่อเสนอให้ ครม.พิจารณาอีกครั้ง ส่วนใหญ่ตามโครงสร้างเดิมให้รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานคณะกรรมการ และประกอบไปด้วย ตัวแทนกระทรวงกลาโหม กระทรวงพลังงาน กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง รวมถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งจะดึงเข้ามาทั้งหมด



และจะต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการอีก 2 ชุด ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการจัดสรรพื้นที่ทางทะเล หรือคณะกรรมการที่จะเจรจาในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งกรมสนธิสัญญาและกฎหมายและกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพในการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมครม. ก็ต้องมารอดูตรงนั้นอีกทีเรื่ององค์ประกอบว่าครม. จะเห็นว่าใครเหมาะสม ซึ่งหากเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็แล้วแต่ มติครม.



นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนมองความพยายามของรัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการชี้แจงข้อเท็จจริงครั้งนี้ จะช่วยลดความสับสนลงไปได้บ้างเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกุข่าว เป็นการพูดที่เลื่อนลอย โดยไม่ได้อยู่บนฐานของความเป็นจริง เกาะกูดเป็นของไทยมานานแล้ว ไม่เคยมีคำถาม คนไทยก็ใช้ชีวิตที่ตรงนั้นอย่างเต็มที่ หน่วยราชการไทยก็ตั้งอยู่ที่ตรงนั้น เพราะฉะนั้นตรงนี้ไม่เคยเป็นปัญหา เพียงแต่หยิบยกขึ้นมาเพื่อมาใช้สร้างประเด็นทางการเมือง ซึ่งพอไล่ดูไปทั้งหมดมีความชัดเจน ก็จะเห็นว่าเกาะกูดเป็นของไทยมาตลอด รัฐบาลต่างๆ ก็พยายามสนับสนุนให้มีเอ็มโอยู 44 ได้ดำเนินการต่อไป เพราะถือว่าเป็นกลไก และเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ที่สุด ในการที่เราจะเจรจาเรื่องผลประโยชน์ทางทะเล เป็นการประกาศไหล่ทวีปในขอบเขตของน่านน้ำเท่านั้นเอง ซึ่งต่างคนต่างประกาศ จึงจะต้องใช้เอ็มโอยู 44 มาเจรจากันในเรื่องที่ยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน



สิ่งสำคัญทุกสุดตรงนี้ก็เป็นเรื่องการจัดสรรผลประโยชน์ทางทะเล ซึ่งจะต้องคุยกัน ซึ่งข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ที่สุดคืออยู่บนความพึงพอใจใน 2 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยยืนยันว่าจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยและรักษาทุกๆอย่างที่คิดว่าจะอำนวยประโยชน์ให้กับคนไทยให้ได้มากที่สุด

คุณอาจสนใจ

Related News