ศาลรธน.สั่ง 'พิธา' หยุดปฏิบัติหน้าที่สส. ปมถือหุ้นไอทีวี

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องคดีหุ้นไอทีวี จาก กกต.และมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ สส. จนกว่าจะมีคำวินิฉัย ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไม่แปลกใจที่ศาลรับคำร้อง หลังจากนี้เป็นหน้าที่ นายพิธา ต้องไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเอง



ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง รับคำร้องที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) หรือไม่ กรณีการถือหุ้นไอทีวี เข้าข่ายเป็นการถือหุ้นสื่อขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.โดยให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหา ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน



นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง มีคำสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย โดยให้เหตุผลว่าจะเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ของนายพิธา และอาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานสำคัญของที่ประชุมรัฐสภาและที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้



ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะผู้ร้องคดีหุ้นไอทีวีต่อ กกต.ให้สัมภาษณ์ที่อาคารรัฐสภา ไม่แปลกใจที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องและมีคำสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยุติปฏิบัติหน้าที่ หลังจากนี้นายพิธา ก็มีสิทธิ์ชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ และเห็นว่าชื่อนายพิธา ไม่สามารถเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีได้แล้ว และหากมีการลงคะแนนให้นายพิธา อีก ส.ส.ที่ลงคะแนนให้นายพิธา อาจต้องถูกยื่นร้องต่อ ปปช.



นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งรับตรวจคำร้องที่นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต ทนายความ ยื่นฟ้อง กกต. ทั้ง 7 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งและการส่งเรื่องคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยไม่กังวล เพราะการปฎิบัติหน้าที่หากมีใครไม่เห็นด้วยก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลได้ และหากเรื่องถึงศาลแล้ว ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาลในการพิจารณา



นายอิทธิพร เปิดเผยถึงกรณีมีข้อมูลว่า นายจักรกฤษณ์ ทองศรี สส.พรรคภูมิใจไทย ถือหุ้นไอทีวีจำนวน 40,000 หุ้น ทาง กกต.มีอำนาจตรวจสอบได้โดยตรง หลังปรากฏเป็นข่าว หากทางสำนักงาน กกต.เห็นว่าสมควรจะให้กกต.พิจารณาก็ดำเนินการพิจารณาบนพื้นฐานเดียวกันหมด