เลือกตั้งและการเมือง

กกต.มีมติไม่รับ 3 คำร้อง 'พิธา' ถือหุ้นไอทีวี แต่ยังรับพิจารณา ม.151

โดย panwilai_c

9 มิ.ย. 2566

192 views

ความเคลื่อนไหวล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่าน ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นไอทีวี แต่รับคำร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ม.151 เพื่อสืบสวนไต่สวนต่อไป ว่านายพิธาเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากมีลักษณะต้องห้าม แต่สมัครรับเลือกตั้ง



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกกล่าวหา มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการสมัครรับเลือกตั้ง เหตุการถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น เนื่องจากคำร้องที่ยื่นมาของทั้ง 3 คำร้องเป็นคำร้องเรื่องคุณสมบัติที่ยื่นมาก่อนวันเลือกตั้งคาบเกี่ยวกับวันเลือกตั้ง ทำให้ กกต. เกินระยะเวลาที่ จะรับคำร้องไว้พิจารณา



แต่เนื่องจากกรณีคำร้องดังกล่าวมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์และมีหลักฐานพอสมควร และมีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนต่อไปว่านายพิธาเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามแต่ได้สมัครรับเลือกตั้ง อันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 42(3) และคดีอาญาตามมาตรา 151 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.



จึงเห็นควรพิจารณาสั่งให้ดำเนินการไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏ โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนที่ได้รับแต่งตั้งจะดำเนินการไต่สวนตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในระเบียบต่อไป



ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กรรมการ กกต. แสดงความเห็นว่าการพิจารณากรณีนี้ กกต. อาจใช้สิทธิ์ความปรากฏที่ กกต.เห็นเอง และดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 151 ได้ทันที ซึ่งมาตรา 151 เป็นคดีที่มีโทษจำคุก 1-10 ปี ตัดสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ซึ่งต่างจากคดีปกติ ที่ กกต. จะต้องดำเนินการยื่นศาลรัฐธรรมนูญก่อน เพื่อพิจารณาคดีคุณสมบัติให้เสร็จสิ้น และค่อยดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 151 ตามลำดับ แต่การดำเนินการของ กกต. ครั้งนี้ เหมือนสลับกระบวนการหยิบคดีอาญามาก่อน และจะสร้างเงื่อนไขให้ ส.ว. ไม่โหวตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้



ส่วนการนับคะแนนใหม่ทั้ง 47 หน่วย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กล่าวว่าเป็นมติของ กกต.ที่ได้มีการประชุม โดยเห็นว่ามีบัตรกับผู้มาใช้สิทธิ์เท่ากัน แต่คะแนนไม่ตรงกัน อาจจะผิดพลาดในการขีดคะแนน จึงได้มีการให้นับคะแนนใหม่ และส่งกลับมาให้ กกต.อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังมีบางหน่วยที่ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ อาจจะมีการนับคะแนนใหม่ได้เพิ่มเติม ทั้งนี้การนับคะแนนใหม่ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อ การเปลี่ยนแปลงว่าที่ ส.ส. เนื่องจากการนับเพียงแค่ 47 หน่วย หากเปรียบเทียบกับหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด กว่า 95,000 หน่วย

คุณอาจสนใจ

Related News