'ชัชชาติ' ลุยสำรวจปัญหาชาวกทม.ต่อเนื่อง ปชช.ร้องทุกข์เพียบ

ผ่านมาเกือบครบ 1 สัปดาห์เต็ม หลังนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชนะเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และแม้กกต.ยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่นายชัชชาติและทีมงาน ก็ยังคงลงพื้นที่สำรวจและรับฟังปัญหาของประชาชนในชุมชนต่างๆมาต่อเนื่อง โดยวันนี้ก็ไปหลายที่โดยมีประชาชน ต้อนรับคับคั่ง มาขอถ่ายภาพและร้องเรียนปัญหา



นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงพื้นที่แยกท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ พร้อมสำรวจปัญหาการก่อสร้างที่มีความล่าช้า และติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาอื่นๆ ต่อเนื่องจากการลงพื้นที่เมื่อ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา เช่น ปัญหาถนนและทางเท้าชำรุดเสียหาย ปัญหาคลองระบายน้ำถูกตัดจากการก่อสร้างอุโมงค์ทางแยก ปัญหาการจัดเก็บขยะ และปัญหาคนไร้บ้าน โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นภารกิจส่วนตัว ตลอดการลงพื้นที่มีประชาชนต่อแถวรอแจ้งปัญหาชัชชาติจำนวนมาก



นายชัชชาติ กล่าวว่า ได้ทราบข่าวเรื่องที่ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยออกมาจับจองพื้นที่ค้าขายเป็นจำนวนมาก ย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. อย่างเป็นทางการ ทำให้นโยบายเกี่ยวกับการค้าขายริมทางยังไม่เปลี่ยนแปลง ต้องมีการดูแลกวดขันไม่ให้การรบกวนผู้สัญจรทางเท้า



อย่างไรก็ตาม ทางเทศกิจก็ต้องเข้มงวดกวดขัน และทำงานเต็มที่เหมือนช่วงเวลาปกติ ส่วนอนาคตหากมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการค้าขายริมทาง ก็ต้องมีการกำหนดกฎระเบียบและวิธีปฏิบัติให้เรียบร้อย และขอให้ผู้ค้าติดตามมาตรการในอนาคตต่อไป



นายชัชชาติได้เดินสำรวจบริเวณทางเท้าที่เคยมีแผ่นเหล็กวางกีดขวาง ซึ่งได้รับการแก้ไข หลังจากการลงพื้นที่ท่าพระ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ ทางเท้าเป็นทางเรียบและไม่มีแผ่นเหล็กกีดขวาง นายชัชชาติกล่าวว่า ต้องขอบคุณผู้รับเหมา และเจ้าหน้าที่ที่ออกมาแก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน พร้อมย้ำว่าทุกโครงการต้องทำแบบนี้ โดยเฉพาะทั้ง 14 โครงการของ กทม. ขอให้ผู้รับเหมาลงมาเดินสำรวจพื้นที่ก่อสร้างว่าสร้างปัญหากับประชาชนหรือไม่



ในช่วงเย็นไปที่ตลาดนัดจตุจักร โดยมีนายสุธน สุวรรณภานนท์ ผู้อำนวยการตลาดนัดจตุจักร มาต้อนรับ นายชัชชาติ กล่าวว่า ตั้งใจมาเก็บข้อมูล เพราะที่นี่ถือเป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ที่กทม.เป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งหมดมี 9,300 แผง ซึ่งได้รับผลกระทบหนักตั้งแต่การแพร่ระบาดเชื้อโควิด จากที่เคยมีคนเดินจาก 3 แสนคนต่อวัน ลดลงเหลือ 2 หมื่นคนต่อวัน และผลที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ผู้ค้า แต่ยังกระทบฐานเศรษฐกิจใหญ่ เพราะผู้ผลิตจำนวนมากส่งของมาขายที่นี่ ดังนั้นปัญหาที่เห็นเป็นแค่ภูเขาน้ำแข็ง



นายชัชชาติ มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจาก 2 มิติ คือคนยังไม่กลับมาเพราะสถานการณ์โควิด กับคนอาจเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนั้นอนาคตตลาดจตุจักรจึงเป็นความท้าทายจะบริหารแบบราชการไม่ได้แล้ว คงต้องเอามืออาชีพ เข้าใจการตลาด อาจต้องเป็นการขายแบบออมนิชาแนล (Omni Channel) ทั้งออนไลน์และการขายหน้าร้านพร้อมกัน ซึ่งกทม.อาจต้องมีแพลตฟอร์มรวมของตลาดมาช่วยกระจายไปทั่วโลก ฉะนั้นวิธีคิดต้องเปลี่ยน และปัญหาของตลาดจตุจักรจะเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะดูแลปากท้องประชาชน