อาชญากรรม
พี่มั่นใจ ‘มือฆ่าหมกคอนโด’ ไม่ใช่คู่ขาน้องชาย เชื่อประสงค์ต่อทรัพย์ – เปิดแชตคนร้ายสวมรอยผู้ตาย หลอกเอาเอกสาร
โดย petchpawee_k
1 มิ.ย. 2567
416 views
แม่โล่งใจจับคนร้ายฆ่าลูกชายหมกศพคอนโดฯ ลั่น! ขอให้รับกรรมกับสิ่งที่ทำไว้ พี่ชายระบุเลือดเย็นไม่ใช่มนุษย์ เชื่อประสงค์ต่อทรัพย์ ยันไม่ใช่คู่ขากัน ด้านหลานสาวเผยคนร้ายสวมรอยเป็นผู้ตายแชต บอกให้แกร็บส่งเอกสารสำคัญ-กระเป๋าเงินไปให้
วานนี้ (31 พ.ค.) นายฉัตรชัย ทองอ่อน อายุ 55 ปี พี่ชาย พร้อมครอบครัวของนายไพศาล ทองอ่อน หรือโต๊ส อายุ 54 ปี พ่อค้าออนไลน์ ที่ถูกฆ่าหมกศพไว้ในห้องพักคอนโดฯ หรู ย่านนนทบุรี เดินทางไปที่ สภ.เมืองนนทบุรี หลังทราบว่าตำรวจจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว เพื่อสอบถามรายละเอียด พร้อมเปิดเผยว่า ตนเองเชื่อมั่นในกระบวนการทำงานของตำรวจและกระบวนการยุติธรรม ยังไงก็จับคนร้ายได้ ซึ่งตำรวจบอกว่าภายใน 1-2 วัน ต้องได้รับข่าวดี แล้วก็ได้รับข่าวดีจริง ๆ
ส่วนที่คนร้ายอ้างมีปัญหาเรื่องเงินกัน เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ น้องชายไม่เคยมีปัญหาหนี้สิ้น ตนมองว่าคนร้ายจนมุมจึงหาข้ออ้างไปหักล้างในศาล จะมีปัญหาอะไรกันก็ไม่สมควรมาฆ่าคนตาย ทั้งนี้น้องชายของตนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยบอกข้อมูลอะไรให้ทราบว่ามีหนี้สินอะไรบ้าง หรือคบหากับใครบ้าง หรือทำธุรกิจกับใครบ้าง
ยืนยันน้องชายกับคนร้ายไม่ใช่คู่ขากันแน่นอน หากน้องชายของตนชอบแนวนี้ เขาคงไม่เลือกคนแบบนี้หรอก ส่วนพฤติกรรมของคนร้ายมันเกินไป เลือดเย็นไม่ใช่มนุษย์ ตนเองรับไม่ได้ ตนไม่กังวลว่าคนร้ายหลบหนีออกนอกประเทศ เชื่อมั่นว่าตำรวจต้องจับกุมได้ ส่วนตัวเชื่อว่าคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์สินโดยตรง อยากให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด ครอบครัวของตนไม่ให้อภัย
นอกจากนี้ ทางครอบครัวติดใจเรื่องการซื้อทอง คนร้ายได้นำโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไปสแกน QR Code ซื้อทองคำที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว ล้านกว่าบาทโดยคนร้ายได้สวมบัตรประชาชนของผู้ตายและอ้างกับเจ้าของร้านทั้ง 2 แห่ง ว่าไปศัลยกรรมมา จึงทำให้หน้าตาตัวจริงไม่เหมือนในบัตร ซึ่งมันเป็นกรณีตัวอย่างให้สังคมได้ กว่าที่จะจ่ายเงินหลักล้านได้ มันต้องมีขั้นตอนการยืนยันตัวตนหลายอย่างถึงจะสามารถซื้อทองได้
แต่กรณีนี้เห็นแก่การขายทองหรือไม่ เพราะเวลาอีกฝ่ายไปทำธุรกรรมการเงินก็สวมใส่เสื้อฮู้ดและปิดแมส ใส่แว่นดำปิดบังใบหน้าตลอดเวลา แต่ก็สามารถทำทุรกรรมได้ ในขณะที่แอปธนาคาร เวลาที่เราจะโอนเงินจำนวนมากยังต้องสแกนหน้าหรือทำทุกอย่างเพื่อยืนยันตัวตน แต่กรณีที่เกิดขึ้นเหมือนแหกกฎปล่อยปละหละหลวม และมองว่า นิติบุคคลของคอนโด เหตุเกิดแล้วทำไมถึงไม่แจ้งตำรวจและธนาคารด้วย ตนดำเนินการฟ้องอย่างแน่นอนเพราะหละหลวมเกินไป
ขณะที่นางบรรจง อายุ 77 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เผยทั้งน้ำตาว่า โล่งใจที่จับคนร้ายได้ ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่ ทีแรกกลัวว่าคนร้ายจะหนีออกไปต่างประเทศ ส่วนการกระทำของคนร้ายไม่มีความเป็นคนจิตใจเลวทราม แม่เชื่อว่าคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์ เพราะเขาเห็นลูกชายของตนมีเงิน ทั้งนี้ตนไม่เคยทราบว่าลูกชายกับคนร้ายรู้จักกันนานแค่ไหน ซึ่งลูกชายก็ไม่เคยพาคนร้ายมาที่บ้าน
แม่ของผู้เสียชีวิตยังพูดถึงคนร้ายว่า ขอให้รับกรรมกับสิ่งที่เขาทำไว้ ตั้งแต่ลูกชายเสียชีวิตแม่ร้องไห้แทบทุกวัน ได้แต่ภาวนาให้ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว สงสารลูกชายที่ต้องมาเสียชีวิตในสภาพนี้ แม่ไม่กล้าดูศพ ขอให้ลูกชายไปดี เขาเป็นคนดีเป็นเสาหลักของครอบครัวดูแลช่วยแม่ทุกอย่าง ปกติลูกชายจะไม่ค่อยคุยอะไรกับตน อีกฝ่ายจะพูดอะไรก็ได้ เพราะลูกตนตายไปแล้ว
ที่ผ่านมาลูกชายเป็นคนโกรธใครแล้วโกรธแรง เขาคงอยากได้รับความยุติธรรม เมื่อ 2 วันก่อน แม่เลยได้จุดธูปบอกลูกชายว่าขอให้สามารถจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว ตอนนี้จับได้แล้วคิดว่าวิญญาณลูกชายน่าจะสงบสุข อยากถามคนร้ายว่าทำไมถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ โดยวันนี้ (1 มิ.ย.) จะไปรับศพนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ด้าน น.ส.อิสริยา อายุ 24 ปี หลานสาวของผู้เสียชีวิต เล่าว่า หลังจากที่อา(ผู้ตาย) หายไป วันที่ 23 พ.ค. เวลา 22.51 น. คนร้ายได้สวมรอยเป็นอา ทักแชตมาหาตนถามว่า “แม่เป็นยังไงบ้างติดต่อไม่ได้” หลานสาวผู้ตายตอบว่า “ย่าสบายดีค่ะ เขาแค่งงว่าอาไปไหน” โดยคนร้ายที่สวมรอยเป็นนายไพศาล ตอบกลับ “มีปัญหาต้องตรวจสอบของนิดหน่อย เดี๋ยวต้องรีบปิดไปจีน” ว่างละฝากดูห้องอาหน่อย มีกระดาษขาว ๆ จั่วหัวภาษาจีนวางอยู่บนโต๊ะมั้ย”
ต่อมาเวลา 00.00 น.วันที่ 24 พ.ค. หลานสาวตอบกลับว่า “เดี๋ยวหนูกลับจากงานไปดูให้ค่ะ” จากนั้นตนจึงถ่ายเอกสารทั้งหมดให้กับคนร้ายดู เพราะเข้าใจว่าเป็นอาของตน วันที่ 26 พ.ค. คนร้ายที่สวมรอยเป็นนายไพศาล ทักหาหลานสาวผู้ตาย “พรุ่งนี้อยู่บ้านมั้ย” หลานสาวตอบ “อยู่ค่ะ” จากนั้นคนร้ายบอกให้แกร็บส่งเอกสารให้อาหน่อย หลานสาวถาม “ส่งไปที่ไหนคะ” คนร้ายตอบ ” สนามบินสุวรรณภูมิเลย เดี๋ยวอาบินแล้ว เป๋าตังค์ด้วยห่อมาดี ๆ”
หลังจากที่ไรเดอร์นำสิ่งของและถุงเอกสารส่งถึงมือคนร้ายแล้ว ไรเดอร์ได้ถ่ายเซลฟี่มาให้ตนดูว่าส่งเอกสารเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในรูปติดภาพคนร้ายที่สวมใส่เสื้อแขนยาวสีดำแบบมีฮู้ด ใส่แว่นตาดำ และหน้ากากอนามัยสีดำปกปิดใบหน้า ดูผิวเผินก็เหมือนอาของตน จากนั้นตนได้ส่งภาพดังกล่าวให้พี่สาวดู พี่สาวซูมดูภาพด้านหลังเป็นป้ายรถเมล์ ไม่น่าจะใช้สนามบินสุวรรณภูมิ แต่เป็นบริเวณห้างแห่งหนึ่งใกล้กับเซ็นทรัลลาดพร้าว ตนก็เริ่มเอะใจทำไมถึงนำเอกสารไปส่งที่นั่น จนกระทั่งมาทราบว่าอาถูกฆ่าเสียชีวิตและคนที่แชตมาหาตนก็คือคนร้าย
แท็กที่เกี่ยวข้อง ฆ่าหมกคอนโด