ตำรวจส่งสำนวนฟ้อง 42 ผู้ต้องหา คดีปั่นหุ้น 'MORE' เสียหาย 4.5 พันล้านบาท

วันนี้ตำรวจสอบสวนกลาง สรุปสำนวนหนาร่วม 3 หมื่นแผ่นส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษ โดยส่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคนรวมทั้งหมด 42คนยังหลบหนี 1 คน ซึ่งมีส่วนร่วมปั่นหุ้นมอร์ รีเทิร์น สร้างความเสียหายมากเป็นประวัติการณ์ถึง 4500 ล้านบาท โดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม ซุปเปอร์คาร์ ถูกดำเนินคดีฐานปั่นหุ้นด้วย



10 พฤศจิกายน ปี 2565 เกิดความผิดปกติขึ้นในตลาดหุ้นเมื่อหุ้นมอร์ ที่มีราคาซื้อขายในตลาดหุ้นละ 2.9 บาท แต่ได้ร่วงลงมาจนแทบจะเป็นศูนย์บาท เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นมอร์ จนทำให้บริษัทหลักทรัพย์ ร่วม 10 ราย มาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายอภิมุข บำรุงวงศ์หรือปิงปอง หลังจากวันครบกำหนดชำระค่าสินทรัพย์ แต่กลับเงียบหายไม่มาจ่าย



กระทั่งวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 ตัวแทนตลาดหลักทรัพย์ได้ร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำมาซึ่งการสืบสวนคดีประวัติศาสตร์ เรื่อยมา รวมทั้ง ปปง ได้สั่งอายัดทรัพย์สินในบัญชีต้องสงสัย ไว้กว่า 5300 ล้านบาท ในเดือนกุมภาพันธ์ปี2566 กลต ได้กล่าวโทษนายอภิมุขและบุคคลที่เกี่ยวข้อง 18 ราย ที่สร้างราคาในการซื้อขายหลักทรัพย์อีกทั้งกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ได้ร้องทุกข์เพิ่มเติมให้ดำเนินคดีร่วมกันฉ้อโกงนายอภิมุขและบุคคลที่สร้างราคา ซื้อขายหุ้นรวม 33 ราย



ต่อมา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งตั้งตำรวจสอบสวนกลางเป็นคณะทำงานคดีพิเศษ เนื่องจากเห็นว่าสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศ โดยคดีนี้พบว่ากลุ่มผู้กระทำผิดได้รวมตัวกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งมีการประชุมรับก่อนวันที่หุ้นจะร่วงอย่างผิดสังเกต พบว่ามีขบวนการผู้อยู่เบื้องหลังได้ใช้นายอภิมุขหรือปิงปอง ไปขอวงเงินจากโบรกเกอร์ 10 บริษัทเพื่อ เข้าไปซื้อหุ้นคนเดียว 1500 หุ้น มูลค่า 4500 ล้านบาทและเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งรู้จักกันว่ากลุ่มซุปเปอร์คาร์ ตั้งขายหุ้นในราคาเท่ากับนายอภิมุขตั้งซื้อ โดยตำรวจสอบสวนกลาง ได้สอบปากคำกลุ่มที่ร่วมกันปั่นหุ้นกลุ่มนี้แต่ให้การปฏิเสธ แต่จากการสืบสวนเรื่อยมา พบว่ามีการวางแผนใช้นายอภิมุข เข้ามาซื้อหุ้นและหลบหนีไป



วันนี้ตำรวจสอบสวนกลางได้สรุปสำนวนมีความหนา 29,000หน้า ส่งฟ้องพนักงานอัยการคดีพิเศษ พร้อมผู้ต้องหา ทั้งหมด 42 รายโดยหนึ่งรายคือนายอภิมุขหลบหนี นับเป็นเวลากว่าหนึ่งปีที่สอบสวนกระทั่งได้หลักฐานว่ามีผู้กระทำผิดจำนวนมาก และสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล โดยอัยการได้รับสำนวนไว้แล้ว จะนัดผู้ต้องหาครั้งต่อไปวันที่ 12 มิถุนายนนี้