‘สุทิน’ โอดท่ามกระแสข่าวถูกปรับพ้น ครม. เผยถ้าเลือกได้ก็อยากทำงานตรงนี้ต่อ

“สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม เผยความในใจท่ามกลางกระแสข่าวถูกปรับพ้น ครม. บอก ถ้าเลือกได้ก็อยากทำงานตรงนี้ต่อ

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์รายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ  การแก้ พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม

โดยระบุว่า ก็ผ่านที่ประชุมสภากลาโหม เป็นวาระเพื่อทราบ หลังจากรับตำแหน่งเราก็มีนโยบายปฏิรูปกองทัพ ตนก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดยมีหนึ่งในนั้นเป้ฯการปฏิรูปกฎหมาย ขณะเดียวกันที่สภาก็เสนอ กม.กลาโหมหลายฉบับ  คณะทำงานของตนเลยเสนอให้ทราบ เขาก็มีหลายด้าน เช่นพระธรรมนูญศาลทหาร  ที่ยกเลิกศาลจังหวัด  เรื่องการตั้งนายพลก็ให้ดูด้านอื่นด้วยนอกจาก ยศ อายุ ก็ให้ดูคุณธรรม และการป้องกันรัฐประหารขึ้นมาด้วย

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการระบุให้อำนาจนายกฯ มีอำนาจในการสั่งพักราชการทันที เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า ข้าราชการทหารผู้ใด ใช้กำลังทหาร เพื่อยึดหรือควบคุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเพื่อก่อการกบฏ   นายสุทินกล่าวว่าก็หมายความว่าสกัดเหตุ เขาออกกฎหมายเพื่อสกัดเหตุ หากมีการเคลื่อนไหวที่จะก่อการก็จะสามารถสั่งพักงานหรือสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ของทหารเหล่านั้นได้เลย

เมื่อถามว่าเมื่อ ครม. อนุมัติย้ายทหารได้เลยใช่หรือไม่  นายสุทินกล่าวต่อว่า  ได้ในเฉพาะกรณีที่ว่า และยอมรับว่าหากมีการประเมินว่าส่อให้เกิดเหตุแบบนั้นก็สามารถยับยั้งได้เลย

ไม่ได้กลัวรัฐประหาร แต่เป็นการทำงานปกติ แต่เป็นการปรับปรุงกฎหมาย แต่ที่สำคัญคือ กฎหมายเหล่านี้จ่อที่สภาแล้วสามสี่ฉบับ ซึ่งเข้มแข็งรุนแรงกว่านี้เยอะ และตามปกติ หากมีการเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงใด กระทรวงนั้นก็จะเสนอกฎหมายประกบ ส่วนจะประกบยังไงก็ไปดู หากไปดูร่างอื่นจะออกมาเรื่องพวกนี้เหมือนกันและเข้มแข็งกว่านี้ รุนแรงกว่านี้เยอะ ของเราซอฟท์กว่าทุกฉบับ

นายสุทินกล่าวว่า การแก้รัฐประหารแก้ด้วยหลายแหตุและนี่เป็นวิธีหนึ่ง แต่ก็ต้องทำหลายเรื่อง แต่หากไม่มีเลย ปล่อยไว้ก็กระไรเลย เหมือนเราไม่ได้ป้องกันอะไรไว้

เมื่อถามว่าในอดีตที่ผ่านมาเกิดความระแวงแต่ทำอะไรไม่ได้ใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า หลายคนถามว่าทำไมไม่สั่งปลดเลย แต่ทำแค่พักราชการ ต้องบอกว่าระดับนายพลเป็นพระราชอำนาจ ในทางฝ่ายบริหารก็ทำได้ประมาณนี้สูงสุด  

การปฏิวัติสองครั้งหลังระแคะระคายไหม ก็ยอมรับว่าระแคะระคาย แต่ไม่เห็นพฤติกรรมที่เคลื่อนไหวชี้ชัด ก็ยอมรับว่าตามไม่ทันน่ะแหละที่ผ่านมา  

เมื่อถามต่อว่า หากเอาไปเทียบกับอดีตกฎหมายที่ออกมาจะแก้ได้หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เราก็ป้องปรามว่าเรามีกฎหมายแบบนี้นะ อำนาจนายกฯมีนะ การทำแบบนี้ไม่ง่าย และหากมีเหตุการณ์ การมีอำนาจเช่นนี้ก็ดีกว่าไม่มีไว้

เมื่อถามต่อว่าข้อเสนอของฝ่ายค้านเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก จะแก้หรือไม่  นายสุทินระบุว่ายังไม่มีเข้ามา แต่ร่างรวมเข้ามาอาจจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมเข้ามา

เมื่อถามว่านายทหารเห็นด้วยหรือไม่กับเรื่องอำนาจการกลั่นกรองนายทหารระดับนายพลว่าต้องไม่เคยมีพติกรรมเป็นผู้อิทธิพล หรือ เกี่ยวกับยาเสพติด นายสุทินกล่าวว่า ไม่มีการท้วงติง ซึ่งเรื่องนี้เขาจะภูมิใจว่าคนที่จะเป็นนายพล จะเป็นนายพลที่คนยอมรับ โดยตนเชื่อแบบนั้น เพราะดีกว่าการไปตั้งกับแบบหละหลวม

ขณะที่เรื่องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างสภากลาโหม นายสุทินกล่าวว่า ที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์มากว่าสภากลาโหมเป็นสภาอิสระรัฐอิสระที่ทหารทำกันเอง ไม่ยึดโยงฝ่ายอื่น ซึ่งต่างจากสภาวิชาชีพอื่น เรื่องนี้เป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ โดยคณะทำงานไปศึกษามาจึงไปเพิ่มบทนี้เข้ามา คือให้เพิ่มสัดส่วนของ รมว.กลาโหมจากสามคนเป็นห้าคน

เมื่อถามว่าพรรคฝ่ายค้านบอกบางไป ไม่แก้ถึงแก่น นายสุทินกล่าวติดตลกว่า หลายฝ่ายยังบอกว่าหนักไปเลย

นายสุทินกล่าวว่า แนวนโยบายของตนจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่วิธีที่ไปเปลี่ยนอะไรที่ฉับพลันทันด่วน

เมื่อถามถึงกระแสข่าวเรื่องการปรับ ครม. และหากไม่ได้ทำต่อจะเสียดายหรือไม่  นายสุทินกล่าวว่า ก็ธรรมดาเป็นนักการเมืองมาก็อยากทำงาน มีโอกาสทำงานก็ดี หากไม่ได้ทำก็เสียดาย ทำน้อยก็เสียดายอีกระดับ เราต้องยอมรับกฎกติกา และความเป็นไปของการเมืองบ้านเรา

เมื่อถามว่า ยอมรับและทำใจใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า  คนจะมองแบบนั้น ตนมองระบบพรรค ระบบรัฐบาลด้วย หากเราไปทำให้เกิดการกระเพื่อม การขัดแย้งหรือเดินต่อไม่ได้ เราก็ไม่อยากทำเราก็เสียสละได้ พูดง่ายๆคือต้องให้รัฐบาลไปได้  ตัวผมเองก็ไม่มีปัญหา หากถามก็อยากอยู่อยากทำทุกคนแหละ

เมื่อถามว่ามีการส่งสัญญาณแล้วใช่ไหม นายสุทินปฏิเสธว่ายังไม่มี  ยังไม่มีทั้งการบอกให้ไป หรือบอกให้อยู่

ลึกๆในใจคิดว่าอยู่ไหม นายสุทินกล่าวว่า ก็ไม่มั่นใจ เพราะการเมืองบ้านเราเป็นแบบนี้ เราก็ทำงานถึงที่สุด และไม่ได้ไปวิ่งเพราะไม่รู้จะไปวิ่งกับใคร

ทั้งนี้ก็แล้วแต่นายกฯ และตนก็ไม่ถามนายกฯ อยู่แล้ว

เมื่อถามว่าถ้าเลือกได้จะอยู่ตรงไหน  นายสุทินกล่าวว่า ถ้าเลือกได้ก็อยากทำงานตรงนี้ต่อไปสักหน่อย โดยระบุว่าตนอยากพิสูจน์ว่าพลเรือนก็เป็นรัฐมนตรีกลาโหมที่ดีได้ พลเรือนก็รับผิดชอบความมั่นคงได้ ถ้าผมได้พิสูจน์ก็จะเป็นผลดีกับนักการเมืองทุกคน