เลือกตั้งและการเมือง

'พิธา' บอกทำงานอยู่กับปัจจุบัน หลังอภิปรายคล้ายทิ้งทวน - 'ชัยธวัช' ปลุกใจสมาชิกพรรค พร้อมเดินหน้า 3 ภารกิจ สานต่อปฏิรูปพรรคต่อเนื่อง

โดย weerawit_c

6 เม.ย. 2567

30 views

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และสส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี2567วันนี้ ถึงการอภิปรายทั่วไปตาม ม.152 ที่ผ่านมา ซึ่งตัวเองอภิปายระบุว่าอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตการทำงานในสภาฯ รวมถึงก็มีสส.ในพรรคต่างโพสต์ข้อความในลักษณะเดียวกันนั้น ว่า ไม่เลยครับ อย่างที่ตนบอก ว่าเป็นการทำงานที่อยู่กับปัจจุบัน มาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด วันนั้นเป็นการอภิปรายที่เกี่ยวกับ ม.152 ที่บอกว่ามันเสียดาย ประชาชนเสียดายโอกาสของประเทศ ที่จริงๆแล้วมันสามารถทำอะไรได้เยอะมาก กับใน 7 เดือนที่ผ่านมา และก็มีการสะสางข้อเท็จจริง และข้อมูลที่ได้เสนอแนะไปแล้ว ว่ามันน่าจะถึงเวลาที่จะต้องปรับครม.ตอนนี้ เพื่อจะได้นำคนที่ไม่มีประสิทธิภาพออกเพื่อให้คนที่มีประสิทธิเข้าไป ยืนยันว่าสมรรถภาพมันตามความท้าทายของประเทศได้ทัน ไม่ว่าเป็นเรื่องไฟป่าที่ยังไม่หยุด หรือเรื่อง PM 2.5 ที่ยังไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่โตช้าที่สุดในอาเซียนรองจากเมียนมา ตามที่ world bank เพิ่งพูดมา มันก็ต้องปรับทั้งหมด รวมถึงเรื่องการศึกษาก็เป็นเรื่องสำคัญ


แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีทั้ง สิ่งที่เห็นด้วยอย่าง สส.รังสิมันต์ โรม ที่เห็นด้วยกับรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นต้น มันก็ตามเนื้อผ้าตรงไปตรงมาเท่านั้น เพียงแต่ว่าของเราก็ทำงานตามหน้าที่ยังตรงไปตรงมาอย่างเต็มที่


"อย่างที่หัวหน้าพรรคพูดว่ารายละเอียดมันเยอะ มันคนละมาตรา คนละกฎหมาย เราคงจะต้องดูรายละเอียด และดูว่าเราต้องใช้สิทธิ์ในการขอขยายเวลา และขอสิทธิ์ในการไต่สวน กว่าจะได้ต่อสู้ทางคดีอย่างเหมาะสม เพราะเรื่องนี้โทษหนักกว่าคราวที่แล้วเยอะ คราวที่แล้วมีเอาไว้เพียงแค่ปรามป้องกัน อันนั้นเรายังมีสิทธิ์ได้แต่สวนเลย แต่คราวนี้มันถึงกระทั่งยุบพรรค ประหารชีวิตการเมืองทั้งหลาย มันก็ควรที่จะให้สิทธิ์ในการขยายในรายละเอียดและก็ให้ต้องสู้อย่างเต็มที่ มันจะได้หมดข้อครหา แล้วเมื่อดูในรายละเอียดหากหัวหน้าเห็นด้วย ก็คงใช้สิทธิ์ในการขยายเวลาและก็ขอสิทธิ์ในการไต่สวน ในการสู้คดีเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน จะมาคิดว่าเหมือนคดีเดิมก็คงเป็นไปไม่ได้ " นายพิธากล่าว


เมื่อถามว่า คำวินิจฉัยที่ใช้คำว่าเซาะกร่อนบ่อนทำลาย จะเป็นสารตั้งต้นนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ ว่ากฎหมายนั้นมีหลายมาตรา ซึ่งจะต้องดูว่าในมาตรานั้นมีเจตนารมณ์อย่างไร หากป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำ ก็จะมีสัดส่วนหนึ่ง ถ้าเป็นเรื่องถึงขั้นประหารทางการเมือง โดยเฉพาะการทำลายพรรคฝ่ายค้านอันดับหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแค่กระทบต่อพรรคก้าวไกลแต่จะกระทบต่อระบบประชาธิปไตย ซึ่งฝ่ายค้านก็เป็นส่วนสำคัญ จึงต้องใช้ดุลยพินิจคนละรูปแบบกัน หรือหมายถึงมีคำวินิจฉัยแบบเดิมมา ก็ไม่ได้หมายถึงน้ำหนักของโทษจะต้องเท่ากัน จึงต้องใช้เวลาในการทำคำชี้แจงต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป พร้อมยืนยันว่าในส่วนของก้าวไกลไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไร หรือไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอะไร แต่คำตอบที่ดีที่สุดคือการทำให้ประชาชนและสมาชิกพรรคมีความมั่นใจ หากว่าจิตใจทุรนทุรายก็จะไม่สามารถอภิปรายตามมาตรา 152 อย่าง 2 วันที่ผ่านมาได้ ยืนยันว่าสส. ทุกคนอภิปรายยังเต็มที่ ชกสุดหมัด


นายพิธา กล่าวต่อว่า จากการฟังความเห็นของทุกพรรคการเมือง ซึ่งต่างก็ไม่เห็นด้วยกับโทษยุบพรรค จึงฝากสื่อไปถามนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการยุบพรรคเพื่อทำลายล้างทางการเมือง ที่ผ่านมาแล้ว 20 ปีการยุบพรรคการเมือง หากเป็นครั้งนี้ก็ถือว่าครั้งที่ 4-5 แล้ว ซึ่งต้องดูว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของพรรคก้าวไกลพรรคเดียวแต่เป็นเรื่องของระบบประชาธิปไตย จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายกลับมาต่อสู้ในระบบ ชนะก็คือชนะแพ้ก็คือแพ้ และส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าผู้ที่มีอำนาจ ในการยุบพรรค ได้ถามตัวเองหรือไม่ว่ายุบพรรคไปจะได้อะไร ซึ่งในระยะสั้นอาจจะทำให้พรรคที่ถูกยุบอ่อนแรงลง ทำให้ฝ่ายค้านอันดับหนึ่งอ่อนแอลง แต่ในระยะยาวขณะเดียวกันมันก็เป็นการติดเทอร์โบ ทำให้พรรคที่ถูกยุบได้แต้มต่อทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกล จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ที่โรงแรมเมเปิล เขตบางนา กทม. โดยมีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค รวมถึง สส.ของพรรค และสมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง


โดยนายชัยธวัช กล่าวเปิดการประชุมว่า นับเป็นการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง ปีนี้นับตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เปลี่ยนมาเป็นพรรคก้าวไกล เรามีความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยสำคัญมากๆ สิ่งที่ถือว่า พวกเราได้ช่วยกันร่วมแรงร่วมใจกันทุกองคาพยพในการทำงานอย่างหนักตั้งแต่ระดับพื้นที่ไปจนถึงระดับชาติ และสามารถพิสูจน์ตนเองให้กับพี่น้องประชาชนได้ เป็นผลสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จที่สุดในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความสำเร็จของพวกเราทุกคน ตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคต้องขอบคุณทุกคนอีกครั้ง ที่สำคัญหลังการเลือกตั้ง ทุกการสำรวจความนิยมของพรรคการเมืองเกี่ยวกับตำแหน่งผู้นำประเทศที่ผู้คนอยากเห็น พวกเราได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีแผ่ว จนวันนี้นักวิเคราะห์การเมืองมีความเห็นว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกล เราจะเป็นพรรคที่ครองความนิยมอันดับหนึ่งอีกแน่นอนในการเลือกตั้งครั้งหน้า


นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ประเด็นสำคัญคือ ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ประกอบกับผลสำรวจความเห็นประชาชน สะท้อนว่า การเมืองแบบอนาคตใหม่ การเมืองแบบก้าวไกลนี่แหละ คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ การเมืองแบบก้าวไกลที่ก่อนหน้านี้สังคมไทยไม่เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จเป็นจริงได้ สังคมไทยไม่เชื่อว่า การเมืองที่ไม่ใช่อำนาจ อิทธิพล ระบบอุปถัมภ์ เงินทองในการซื้อเสียง จะสามารถชนะในการเลือกตั้งอันดับหนึ่งได้ในประเทศนี้ แต่ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้ทำลายเพดานความคิดนี้ไปแล้ว วันนี้สังคมไทยเชื่อแล้วว่า การเมืองแบบก้าวไกล ที่ให้ความสำคัญกับการทำงานความคิด การนำเสนอนโยบาย การเมืองที่ทำงานแบบตรงไปตรงมา เน้นคุณภาพ การเมืองที่เกิดจากพรรคการเมืองที่ประชาชนอย่างพวกเราช่วยกันสร้าง ประสบความสำเร็จได้จริงๆในการเมืองของไทย การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการเมืองไทยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และเมื่อความคิด ความเชื่อ ความเป็นจริงได้เปลี่ยนแปลงแล้ว หมายความว่า วันนี้ประชาชนเห็นและเชื่อมั่น มีความหวังว่า เราสามารถร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างที่เคยฝันไว้ในอดีตได้ ผ่านการเมืองระบบรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดของความสำเร็จที่ได้ทำร่วมกันในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา


ดังนั้น ในสถานการณ์ที่พวกเราปฏิเสธไม่ได้ว่า กำลังเผชิญพายุใหญ่ในทางการเมือง ในสถานการณ์นี้ หลายคนอาจจะหวั่นไหว ประชาชนถามไถ่ทุกวันพร้อมมีความกังวลกับพรรคก้าวไกล แต่หากเราย้อนคิดในสิ่งที่ตนเองได้พูดไป จะเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงมันมาไกลมากเกินกว่าที่การเมืองแบบก้าวไกลจะถอยหลังหรือพ่ายแพ้แล้ว ดังนั้น ยืนยันว่า พวกเราไม่มีอะไรต้องหวั่นไหว เพราะคนที่หวั่นไหว คือคนที่อยากจะทำลายพรรคก้าวไกล คนที่หวั่นไหว ไม่ใช่เรา แต่คือคนที่อยากจะทำลายพรรคการเมืองที่ประชาชนต้องการ แต่ส่วนตัวยืนยันว่า มาถึงวันนี้ ไม่มีใครสามารถทำลายความคิด ความเชื่อและความหวังของประชาชนได้อีกแล้ว ไม่มีใครสามารถทำลายและหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยได้อีก


นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ภารกิจของพรรคก้าวไกลหลังจากนี้ ไม่ใช่หวั่นไหว มีแต่เดินหน้าเต็มร้อย มั่นคง แน่วแน่ในเป้าหมายและอุดมการณ์ ทำพรรคก้าวไกลให้แข็งแรงมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของประชาชนมากขึ้น ด้วยเป้าหมายภารกิจ 3 ประการคือ 1.ช่วยกันสานต่อปฏิรูปพรรคอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้จากปัญหาและความผิดพลาดภายในพรรค คิดค้นแนวทางการทำงานใหม่ๆ เพื่อฝ่าฟันปัญหาและความท้าทาย เพื่อให้พรรคก้าวไกลเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน ให้สมาชิกและประชาชนมีส่วนร่วม เป็นเจ้าของ ร่วมขับเคลื่อน เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง 2.เดินหน้าเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ให้ประชาชนเห็น แม้จะเป็นฝ่ายค้านที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร แต่ฝ่ายค้านเชิงรุกเป้าหมายของเรา คือ เตรียมพร้อมเป็นพรรคการเมือง เป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ดังนั้น ระหว่างเป็นฝ่ายค้าน ต้องใช้ทุกกลไก ทุกพื้นที่ ผลักดันวาระที่ก้าวหน้าเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน เตรียมแนวทางในการนำเสนอสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชน และ 3.พวกเราทุกองคาพยพต้องช่วยกันทำงานอย่างสุดความสามารถ พิสูจน์ด้วยการทำงานจริง ปฏิบัติจริง ให้ผู้มีอำนาจประจักษ์ว่า พรรคก้าวไกลไม่ใช่ภัยคุกคามของสังคมไทย เราไม่ใช่ภัยคุกคามของใคร แต่พรรคก้าวไกลจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของสังคมไทย พรรคก้าวไกลจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสังคมไทยในอดีต เพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคต เราจะเป็นคนที่เชื่อมอดีตที่มีข้อจำกัดที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง เดินหน้าสู่อนาคตให้พวกเราเท่าเทียมกัน เท่าทันโลก เราเท่านั้นเป็นคำตอบสุดท้าย


“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้พวกเราไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรต้องกังวล มีแต่แสงสว่างอยู่ข้างหน้า” นายชัยธวัช กล่าว


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/pgOmC2zhTI8

คุณอาจสนใจ

Related News