'บิ๊กโจ๊ก' ได้ประกันตัว เปิดใจไร้กังวล ต่อสู้ตามกระบวนการ ลั่นยังเป็นผู้บริสุทธิ์

บิ๊กโจ๊ก เผยไม่กังวลทั้งเรื่องกฎหมาย วินัย ตำแหน่ง หลังเข้ามอบตัวตามหมายจับคดีฟอกเงิน ก่อนพนักงานสอบสวนให้ประกันวงเงิน 1 แสนบาท ระบุเคารพการพิจารณาของศาล พร้อมต่อสู้ตามกระบวนการ


ก่อนเปิดใจอีกรอบที่สมาคมปักษ์ใต้ ย้ำชัดเป็นไม่หนักใจ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ลั่นทุกคนมีคดีติดตัวหมด ทั้งตัวเอง-ผบ.ตร.ต่อศักดิ์ บอกกฎหมายมีหลักเดียว ตราบใดถ้าศาลยังไม่พิพากษาถึงที่สุด ถือเป็นผู้บริสุทธิ์


เมื่อวันที่ 2 เม.ย.67 เวลา 16.45 น. ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อนุมัติหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9,10


ต่อมา เวลา 17.30 น. พบว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางเข้ามอบตัวที่ สน.เตาปูน ซึ่งเดินทางมาด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลฟาร์ด ทะเบียน งค 51 สงขลา โดยจอดอยู่ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจ เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางมาถึง ทีมตำรวจติดตามได้ย้ายรถไปจอดด้านหลัง สน.เตาปูน และขอความร่วมมืองดบันทึกภาพ ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขณะนั้นอยู่ระหว่างเข้าพบพนักงานสอบสวนอยู่บริเวณชั้น 1


ทั้งนี้ จากการสังเกตพบว่ามีนายตำรวจประมาณเกือบ 10 คน ยืนวางกำลังดูความเรียบร้อยบริเวณรอบห้องพนักงานสอบสวน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพแต่อย่างใด


ขณะเดียวกันในเวลา 18.20 น. พบว่าลูกน้องคนสนิทของบิ๊กโจ๊ก ประกอบด้วย พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย และ พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ เดินทางมายัง สน.เตาปูน โดยทั้งหมดมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่ตอบคำถามใดใดกับสื่อมวลชน


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหน้าห้องสอบสวน สน.เตาปูน พบว่ามีตำรวจลูกน้องคนสนิทของบิ๊กโจ๊ก เฝ้าอยู่หน้าห้องหลายคน โดยพบว่าบิ๊กโจ๊กเดินเข้าเดินออกห้องพนักงานสอบสวนเป็นระยะ บางช่วงเดินออกมาพูดคุยกับลูกน้องคนสนิทด้วยท่าทีปกติ ไม่ได้มีสีหน้ากังวลแต่อย่างใด


ต่อมาเวลา 20.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินออกจากห้องพนักงานสอบสวน หลังเข้ามอบตัว และพูดคุยกับพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งพนักงานสอบสวนให้ประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์เงินสด 100,000 บาท จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินออกมาประตูด้านข้างของ สน. นักข่าวต่างกรูเข้าไปสอบถาม


ก่อนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่า ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ตนประกันตัวตามปกติ ซึ่งวันนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการกล่าวหาตามหลักกระบวนการยุติธรรมไทย ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และก่อนหน้านี้ตนเองก็ถูกออกหมายเรียกมาหลายครั้ง เมื่อถูกศาลออกหมายจับก็ต้องยอมรับและต่อสู้ตามกระบวนการ ส่วนเรื่องพิมพ์ลายนิ้วมือก็ยืนยันว่าทำตามขั้นตอนปกติ ไม่ได้มีการปฏิเสธในเรื่องนี้


ส่วนการออกหมายจับครั้งนี้จะกระทบกับตำแหน่งตอนนี้หรือไม่ บิ๊กโจ๊ก ยืนยันว่าไม่กังวล ส่วนเรื่องทางวินัยก็ยืนยันว่าไม่กังวลเช่นกัน


ส่วนเรื่องนี้จะต้องรายงาน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามกระบวนการแล้ว ต้องรายงานตนตามขั้นตอน ยังไม่ระบุว่าวันไหน เดี๋ยวจะแจ้งอีกที เมื่อถามว่าการออกหมายจับครั้งนี้เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ บิ๊กโจ๊กยังไม่ขอตอบตรงนี้ ขอให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม และวันนี้เองก็ใช้สิทธิ์ประกันตัวออกมา


เมื่อถามว่า เมื่อวานนี้ปฏิเสธหรือรับทราบข้อกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า รายละเอียดในสำนวนขอยังไม่พูดถึง ก่อนจะขึ้นรถออกไปจาก สน.ทันที


ต่อมา เวลา 20.50 น. หลังจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ประกันและเปิดใจเบื้องต้นที่ สน.เตาปูน พบว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เดินทางไปยังสมาคมชาวปักษ์ใต้ ถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นภารกิจที่ต้องไปอยู่แล้ว ซึ่งเดิมทีหากยังไม่มีหมายจับ เจ้าตัวต้องไปในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งต้องเป็นประธาน ถวายพระพรกรมสมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี


ซึ่งตามกำหนดการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเปิดโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาประชาชนทางกฎหมาย สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปุัมภ์ โดยมีทนายความจิตอาสา เพื่อให้คำปรึกษา กฎหมายกับประชาชนทั่วไปที่ประสบปัญหาเรื่องกฎหมายหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งบิ๊กโจ๊กได้เดินทางไปหลังจากได้ประกันที่ สน.เตาปูน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ทันทีที่ไปถึงพบว่ามีเหล่าสมมาชิกของสมาคมฯ มาต้อนรับ ก่อนที่จะนำบิ๊กโจ๊กไปสักการะหลวงปู่ทวด ไหว้ศาลพระภูมิ ก่อนจะมีการนำถวายพระพรกรมสมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี


จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนอีกครั้ง ระบุว่า ในส่วนของเรื่องรับทราบข้อกล่าวหาในยืนยันว่าทำตามกติกา เดินทางไปมอบตัว เพื่อเเสดงความบริสุทธิ์ใจ ทั้งหมดตนให้การไปเเล้ว ไม่ขอลงรายละเอียดว่าสารภาพหรือปฏิเสธ ตอนนี้ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เเละจะต้องดำเนินการสอบสวน ทางคดีต่าง ๆ ต่อไป


ทั้งนี้ ตนใช้สิทธิ์ต่อสู้คดี ต้องเข้าใจว่าหลักกฎหมายของประเทศไทย เป็นระบบกล่าวหา ถ้าศาลไม่ตัดสินถือเป็นผู้บริสุทธิ์ นักกฎหมายทุกคนทราบดี ตอนนี้กระบวนการยุติธรรมเพิ่งจะเริ่มต้น ไม่ว่าจะผิดถูกยังไง ตนจะไปใช้พยานหลักฐานต่อสู้คดี ตอนนี้ไม่มีอะไรหนักใจเเละกังวล


ส่วนประเด็นที่ตนไปส่งหนังสือยื่นคัดค้านการออกหมายจับก็เป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย ส่วนประเด็นที่ศาลออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำตามคำสั่งศาล ซึ่งตนขอไม่กล่าวล่วงว่าเพราะเหตุใดศาลจึงอนุมัติออกหมายจับ ซึ่งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.67 ตนไปรับทราบข้อกล่าวหาเเละประกันตัว เเละออกมาตามปกติ ตนมั่นใจในตัวเอง เเละมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนเชื่อว่าสุดท้ายแล้วทุกเรื่องจะชัดเจนขึ้นด้วยตัวเอง


ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าว ที่มีเพจดังบางเพจ พยายามออกมากดดันให้นายกรัฐมนตรี หรือ รรท.ผบ.ตร. สั่งให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการไว้ก่อนนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ต้องเรียนว่าวันนี้ทุกคนมีคดีกันหมด ทั้งตนและ ผบ.ต่อศักดิ์ ก็มีคดีหมดทุกคน ไปดูแล้วกันว่าใครมีคดีบ้าง เพราะฉะนั้นในเรื่องผู้บังคับบัญชาไม่ขอก้าวล่วง ทุกคนมีติดตัวหมด ใครมีคดีอยู่ที่ ป.ป.ช.บ้าง และอย่างที่ตนบอกว่าตราบใดก็ตามถ้าศาลยังไม่พิพากษาถึงที่สุด ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เหมือนกับเราไปแจ้งข้อหาชาวบ้าน เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาก็ต้องสู้คดี เขาอาจจะมาต่อสู้คดีในชั้นอัยการ หรือในชั้นศาลก็เรื่องของเขา เหมือนที่ตนถูกแจ้งข้อกล่าวหาก้ต้องสู้คดีเอาพยานหลักฐานไป ต้องเข้าใจว่าหลักกฎหมายมีหลักเดียว


พร้อมกันนี้ ตนขอฝากสื่ออย่าให้เป็นประเด็น ตนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็ขอปล่อยไปตามสำนวนเเละกระบวนการยุติธรรม ขอให้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/_iKB8PD1UXY