'บิ๊กโจ๊ก' เลี่ยงตอบ ปมหมายเรียกครั้งที่ 3 'ทีมทนาย' ขอความเป็นธรรม ชี้อำนาจอยู่ที่ ป.ป.ช.

บิ๊กโจ๊ก เลี่ยงตอบหลัง สน.เตาปูน ออกหมายเรียกคดีฟอกเงิน ครั้งที่ 3 ให้ทนายว่าไป ตัวเองขอทำงานก่อน ปัดตอบเข้ารายงานตัวตามหมายเรียกหรือไม่ ชิ่งสื่อไม่เข้าประชุมที่สำนักงาน ก.พ.ร. บอกประชุมที่ทำเนียบฯ แทน


ทีมทนายบิ๊กโจ๊ก ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม หลังมีการออกหมายเรียกครั้งที่ 3 ภายใน 10 วัน มองว่าผิดปกติ ที่ผ่านมาบิ๊กโจ๊กทำงานใช้ชีวิตเปิดเผยตลอด ไม่มีพฤติการณ์เลี่ยงไม่รับหมาย ระบุตำรวจไม่มีสิทธิ์ออกหมายเรียกหรือหมายจับ คดีต้องถูกส่งไปดำเนินการที่ ป.ป.ช. ก่อนยื่นหนังสือถึง รรท.ผบ.ตร. ขอให้ส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช.


จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนในคดี BNK Master เว็บพนันออนไลน์ มีมติดำเนินการออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นครั้งสุดท้าย โดยการออกหมายเรียกดังกล่าว จะต้องดำเนินการส่งหมายเรียกให้กับตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ด้วยตนเอง ซึ่งขณะนี้ในส่วนของหมายเรียกดังกล่าวมีการส่งไปถึงผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นที่เรียบร้อย


โดยหมายเรียกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ครั้งสุดท้ายแล้ว มีกำหนดเรียกเข้าพบในวันที่ 1 เม.ย.นี้ ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ซึ่งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดทำคดี รอจนถึงเวลา 16.30 น. ตามเวลาราชการ หากไม่มีการเดินทางเข้าตามนัดหมายของหมายเรียกครั้งที่ 3 คณะพนักงานสอบสวนจะมีการดำเนินการนำเสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป


ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น วันที่ 1 เม.ย. จากเดิมนัดหมายประชุมร่วมกับกลุ่มพีมูฟ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ในเวลา 10.00 น. ที่ ก.พ.ร. ก่อนจะเลื่อนเวลาการประชุมออกไปเป็นเวลา 15.30 น. เนื่องจากช่วงเช้าติดภารกิจประชุมอยู่ที่อื่น


ต่อมาผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามไปยัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ไม่ได้เดินทางเข้ามาที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) แล้ว เมื่อถามว่าประชุมอยู่ที่ตึกไหน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า “ไม่ขอระบุ อย่ารู้ตึกเลย เดี๋ยวก็แห่กันมาอีก โอ้โห้ มากันขนาดนี้” ส่วนประเด็นหมายเรียกรอบ 3 เจ้าตัวย้ำว่า “ไม่รู้ ๆ ยังไม่ตอบ ถามทนายดิ ก็ทนายไปที่ สน.เตาปูน แล้วไง ไปถามทนายเลย มอบหมายทนายไปแล้ว”


เวลา 15.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการประชุมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ที่ตึก ก.พ.หลังเก่า ถนนพิษณุโลก แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลาได้เปลี่ยนใช้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นที่ประชุม จากนั้นไม่นาน เวลา 15.46 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ออกจากห้องประชุม และกล่าวเพียงสั้น ๆ หลังผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีการออกหมายเรียกครั้งที่ 3 ว่า ไม่ตอบ ให้ทนายตอบไป วันนี้มาทำงานก่อน


ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แสดงว่ารับรู้หมายเรียกดังกล่าวแล้วใช่หรือไม่ แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามย้ำว่า อย่างนี้จะไปรายงานตัวหรือไม่ แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ยังไม่ตอบ ยิ้มและกล่าวเพียงว่า ขอทำงานก่อน เมื่อถามอีกว่ากังวลเรื่องหมายจับหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก็ให้ทนายเขาว่าไป


จากนั้นรถตู้ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถก็ขับมารับด้านหน้าอาคารสำนักปลัดฯ ก่อนที่จะขึ้นรถและปิดประตูขับออกไปจากสำนักปลัดฯ ทันที จากการสังเกตสีหน้าท่าทางก็ยิ้มแย้ม แต่ตลอดเวลาที่ผู้สื่อข่าวถาม เจ้าตัวก็พยายามยกมือปฏิเสธ ไม่ขอตอบ และให้ทนายเป็นคนตอบ


สำหรับในส่วนของหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในคดีนี้มีการออกหมายเรียกไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 3 ครั้ง โดยหมายเรียกครั้งที่ 1 คณะพนักงานสอบสวนได้มีการนำหมายเรียกไปส่งที่บ้านพักย่านซอยวิภาวดี 60 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม และมีกำหนดนัดหมายให้เข้าพบพนักงานสอบในวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงวันนัดหมาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่เดินทางเข้าพบตามวันและเวลาที่นัดหมาย จึงมีการดำเนินการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และมีกำหนดนัดหมายในวันที่ 26 มีนาคม แต่เมื่อถึงวันนัดหมายตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ไม่เดินทางเข้าพบเช่นเดียวกัน จึงเป็นสาเหตุให้ค่าพนักงานสอบสวนมีความจำเป็นต้องออกหมายเรียกครั้งที่ 3 ซึ่งมีกำหนดนัดหมายเมื่อวันที่ 1 เม.ย.


ขณะที่ นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ พร้อมทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายัง สน.เตาปูน เพื่อนำหนังสือเข้ายื่นกับผู้กำกับการ สน.เตาปูน ถึงข้อเท็จจริงที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้องการยื่นเพิ่มเติมจากที่เคยยื่นไปแล้วก่อนหน้านี้


นายณัฐวิชช์ กล่าวว่า กรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ถูกกล่าวหาที่ สน.เตาปูน เป็นการกล่าวหาว่ามีเส้นเงินไปถึงบุคคลใกล้ชิดและผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่มีเงินเส้นไหนไปถึงตนและภรรยาเลย ที่พนักงานสอบสวนเอามาดำเนินคดีคือเรื่องเดิม เป็นเรื่องของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ในบัญชีม้าที่ถือใช้ในคดีของมินนี่ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ แต่พนักงานสอบสวนนำกลับมาดำเนินคดีอีกที่ สน.เตาปูน โดยบอกว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีส่วนพัวพันถึงเส้นเงิน


ซึ่งทาง ป.ป.ช. มีมติรับไต่สวนแล้วเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ฉะนั้นอำนาจในการไต่สวนต้องอยู่ที่ ป.ป.ช. อีกทั้งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ตั้งพนักงานสอบสวนมาดำเนินคดีที่ สน.เตาปูน อีก โดยใช้เส้นเดิมมากล่าวหาอีก โดยตนขอย้ำว่าไม่เคยมีเส้นเงินเส้นไหนไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในกรณีของเว็บไซต์ BNK Master นั้น ธุรกรรมการเงินของ น.ส.พิมพ์วิไล มีเส้นเงินไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ยังไงก็มีความผิดตาม ม.157 ไม่อยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวน


ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นจนปัจจุบัน พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก หรือหมายจับตำรวจเหล่านี้หรือยัง ถ้ายัง ทำไมถึงไม่ดำเนินการ แต่ทำไมถึงดำเนินการแต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยัน ยังไม่เคยได้รับหมายเรียกสักครั้ง ซึ่งการออกหมายเรียกแต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างประมาณ 15 วัน ก่อนจะออกหมายเรียกอีก 1 ครั้ง แต่นี่มีการออกหมายเรียกแล้ว 3 ครั้ง นับรวมกันได้ 10 วัน ตนมองว่าผิดปกติ ซึ่งที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำงานและใช้ชีวิตโดยเปิดเผยตลอด ไม่มีพฤติการณ์เลี่ยงไม่รับหมาย


ตนสังเกตว่า สน.เตาปูน มีการกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แค่ฐานฟอกเงิน ซึ่งถ้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีความผิดฟอกเงิน ก็ต้องรู้ว่าเงินที่เกี่ยวข้องเป็นเงินที่มาจากความผิด มาจากเว็บพนัน ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ควรจะแจ้ง ม.157 ด้วย แต่ทำไมพนักงานสอบสวนถึงเลือกแจ้งความผิดเฉพาะฟอกเงิน เพราะอยากเอาคดีไว้กับตัวและดำเนินการเองหรือไม่


ตามกฎหมาย ป.ป.ช. หากเจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทำผิด อำนาจจะอยู่ที่ ป.ป.ช. ส่วนพนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้น และส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน ซึ่งมีการร้องทุกข์ตั้งแต่ 3 ธ.ค.66 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 120 วันแล้ว ยังไม่มีการส่งเรื่องยัง ป.ป.ช.เลย


ทั้งนี้ ที่ผ่านมา น.ส.พิมพ์วิไล ยังเคยระบุว่า มีตำรวจ PCT4 ไปเรียกรับเงินจากเขา และเขาก็จ่าย ตนจึงสงสัยว่า คนนั้นเป็นรองหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน หรือไม่ ซึ่งก่อนหน้าเคยมีการขอหมายจับ พล.อ.สุรเชษฐ์ แต่ขณะนั้นศาลยกคำร้อง ถือเป็นขบวนการ สกัด พล.ต.อสุรเชษฐ์ ในการขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือไม่


ส่วนกรณีที่เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เผยแพร่ข้อมูลคดีเว็บพนัน BNK Master เข้าเงื่อนไขของดีเอสไอ 2 ข้อ คือมีเงินหมุนเวียน 300 ล้านบาท และมีผู้ถูกกล่าวหาเป็นตำรวจระดับสูง DSI พิจารณาว่าเป็นข้อเท็จจริงเดียวกับคดีมินนี่ ที่ ป.ป.ช. รับเรื่องไว้แล้ว จึงมีมติส่งเรื่องให้กับ ป.ป.ช. พิจารณา ซึ่งอยู่ที่ ป.ป.ช.จะ รับไต่สวนตามอำนาจหรือไม่ หาก ป.ป.ช. ไม่รับคดีไว้พิจารณา DSI จะดำเนินการเอง นายณัฐวิชช์ ระบุว่า ส่วนตัวจะมองมิติไหน พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจเลยเพราะอำนาจอยู่ที่ ป.ป.ช. และดีเอสไอ


อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเวลา 08.50 น. วันที่ 1 เม.ย. พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ พร้อมนายไพโรจน์ กุจิรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน ได้เดินทางยัง สน.เตาปูน เพื่อแจ้งความเอาผิดผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ในฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ม.157 ด้วย โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ


จากนั้น นายณัฐกร โตสกุล ทีมทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รรท.ผบ.ตร.เพื่อขอให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 391/2566 ของ สน.เตาปูน ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาตามกฎหมาย โดยมี พ.ต.อ.ณัฏฐ์ บุรณศิริ รอง ผบก.พฐก. เวรอำนวยการเป็นผู้รับหนังสือ


นายณัฐกร กล่าวว่า ผมในฐานะทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับมอบหมายให้นำหนังสือมายื่นถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รรท.ผบ.ตร ในฐานะที่ท่านเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน สืบเนื่องจากคดีที่ สน.เตาปูน ที่มีการดำเนินคดีกันอยู่ในขณะนี้ มีการทำงานสืบสวนสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ 58/2567 และเป็นคดีอาญาที่ 391 ของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ได้ทำการสอบสวนไปโดยที่ไม่มีอำนาจเนื่องจากคดีหลักเดิม เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.


นายณัฐกร กล่าวต่อว่า การมายื่นหนังสือในวันนี้เพื่อแจ้งให้ท่านมีคำสั่งไปถึงพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้อยู่ให้ส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. โดยมีหลักฐานสนับสนุนอย่างหนึ่งคือเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้มีเอกสารเผยแพร่ข่าวออกมาว่าทางดีเอสไอมีความเห็นว่าคดีนี้น่าจะอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. จึงจะมีหนังสือโดยอธิบดีดีเอสไอส่งไปยัง ป.ป.ช. เพื่อสอบถามว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร โดยหนังสือดังกล่าว ระบุอีกว่า หาก ป.ป.ช. มีมติไม่รับและส่งเรื่องกลับมาที่ดีเอสไอ ทางดีเอสไอก็จะดำเนินการไปตามหน้าที่และอำนาจของดีเอสไอ

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/43QmEd7IBSc