สังคม

'บิ๊กต่อ' ถอนฟ้อง 'ทนายตั้ม' เปิดทางสอบเส้นเงินเว็บพนัน - ทนายตั้มแฉอีก เปิดคลิปเสียงเก็บส่วย

โดย passamon_a

31 มี.ค. 2567

153 views

บิ๊กต่อ ถอนฟ้อง ทนายตั้ม เปิดทางให้ตรวจสอบเส้นเงินส่วย เว็บพนัน - ทนายตั้มแฉอีก เปิดคลิปเสียงเก็บส่วย ร้านคาราโอเกะแถวลาดพร้าว ส่งตำรวจ ปคม. และคอมมานโด ระบุชื่อ หมวดธงชัย ดูแล  


จากปมกรณีร้อนในวงการสีกากี ที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ออกมาเปิดโปงการรับส่วย และเว็บพนัน โดยมีการระบุว่า มีเส้นเงินไปถึง พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และภรรยา รวมทั้งคนใกล้ชิดอีก 2 คน จากนั้นพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ได้มอบหมายให้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นตัวแทนไปฟ้องทนายตั้ม ฐานหมิ่นประมาทกล่าวหาว่ามีเส้นเงินเว็บพนันโยงถึงบุคคลใกล้ชิดของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ โดยฟ้องทั้งคดีอาญา และฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท


ซึ่งในช่วงเช้า ทนายตั้ม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า พบเส้นเงินเชื่อมโยงกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และเตรียมจะนำหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สน.เตาปูน ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ แต่พอช่วงบ่าย นายอัจฉริยะได้นัดสื่อมวลชนแถลงข่าวถอนฟ้องทนายตั้ม ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง


เมื่อวันที่ 30 มี.ค.67 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจจากพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังจากทนายตั้ม เดินทางไปที่วัดนครอินทร์ ได้ประกาศเจตจำนงอย่างชัดเจน ว่าที่จะร้องทุกข์กล่าวโทษกับพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ภรรยา และบัญชีม้าอีกสองคน กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ในวันจันทร์ที่ 1 เมษายนนี้ ในฐานกระทำความผิดฐานฟอกเงิน


จึงทำให้ทีมทนายความของชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้มีมติในที่ประชุมร่วมกันว่า เห็นควรถอนฟ้องทนายตั้ม ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ผบ.ตร. เห็นด้วยกับมติในที่ประชุม จึงได้ดำเนินการถอนฟ้องทนายตั้ม ทั้งคดีทางแพ่งและอาญา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 12.37 น. วันที่ 30 มี.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้


นายอัจฉริยะ เปิดเผยถึงสาเหตุของการถอนฟ้องในครั้งนี้ว่า เพื่อให้ทนายตั้ม ทำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เข้าสู่ขบวนการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเต็มที่ อีกทั้งทำให้พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สามารถเข้าชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด เพื่อลดข้อครหาว่าเป็นการฟ้องปิดปากทนายตั้มด้วย เพื่อความโปร่งใสยุติธรรม โดยมีการยืนยันว่าหากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ก็พร้อมที่จะเดินทางไปให้ปากคำทันที เนื่องจากเงื่อนไขของพนักงานสอบสวน มีกรอบระยะเวลารวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกไม่เกิน 30 วัน ในฐานความผิดที่เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ฟอกเงิน เมื่อพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแล้วสำนวนจะถูกส่งไปที่ ป.ป.ช.


"ถือว่าทนายตั้มดำเนินการได้ตามกฎหมาย ทางชมรมจึงมีมติเสนอให้พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ให้ถอนฟ้องทนายตั้ม โดยที่พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ก็เห็นชอบ เพราะยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทุกมิติ ยินดีให้ตรวจสอบได้ตามอำนาจหน้าที่ เปิดโอกาสให้ทนายตั้มได้มีการฟ้องและดำเนินการอย่างเต็มที่ทุกมิติ เปิดโปงได้อย่างเต็มที่" นายอัจฉริยะ กล่าว


นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า แต่ถ้าหากวันที่ 1 เมษายนนี้ ทนายตั้ม ไม่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษตามที่กล่าวอ้าง ก็จะต้องตอบสังคมให้ได้ว่าเพราะอะไร โดยทางชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมที่จะสนับสนุนให้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ และเห็นด้วยที่พยายามนำเรื่องเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม เนื่องจากเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าทางทีมทนายและพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ไม่ได้ฟ้องปิดปากในเรื่องของขัดขวางการดำเนินคดี และทำให้ตำรวจได้มีโอกาสทำงานอย่างเต็มที่ในการสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐาน


ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ถอนฟ้องนั้นเพราะเจอหลักฐานอะไรบางอย่างหรือไม่ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า หลักฐานที่นำมาเปิดเผยไม่มีอะไร ที่ผ่านมาพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ บอกมาตลอดว่าไม่มีหลักฐานอะไรมาถึงตัว ส่วนหลักฐานที่ทนายตั้มมีอยู่นั้น ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรบ่งชี้อย่างชัดเจน เรื่องเส้นเงินก็ยังไม่มีที่มาที่ไป จึงนำไปให้ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบ และเมื่อทนายตั้ม แจ้งความจึงนำข้อมูลทั้งหมด เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ สู่ศาลพิจารณาโดยให้ทางทนายตั้มฟ้อง และพลตำรวจเอกต่อศักดิ์จะเป็นผู้ตอบคำถาม ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง


เมื่อถามว่า นายอัจฉริยะเองจะยืนยันได้หรือไม่ พลตำรวยเอกต่อศักดิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบัญขีม้า หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ทนายตั้มได้ออกมาเปิดเผย นายอัจฉริยะ ไม่ได้ตอบตรง ๆ แต่บอกว่า พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ยืนยันกับตนมาเสมอว่า ไม่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีของภรรยาพลตำรวจต่อศักดิ์ มองว่าไม่สามาถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ที่มีรายชื่อเข้าถึงเส้นเงินได้


เมื่อถามว่าแล้วแบบนี้จะถูกมองว่า เป็นการแก้เกมหรือไม่ ให้เรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการของพนักงานสืบสวน ที่อาจจะดูยากในการสอบสวนพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ นายอัจฉริยะ ยืนยันว่า ไม่ยาก เพราะตัวของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์เอง ยินดีหากมีการเรียกสอบสวนจากพนักงานสอบสวน ไม่ได้ขัดข้องอะไร และยืนยันว่า หากวันจันทร์นี้ ทนายตั้มมีหลักฐานชัดเจนที่พบว่า พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ มีความผิดจริง ก็พร้อมสนับสนุนให้มีการดำเนินการทางกฎหมาย


"เบื้องต้นพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ยืนยันว่าไม่มีเส้นเงินจากบัญชีม้ามาถึงตัวเองอย่างแน่นอน แต่ส่วนบุคคลอื่นเป็นหน้าที่ของทนายตั้มต้องพิสูจน์ให้ได้ ถ้ามีการกระทำความผิดจริงหรือไม่ หากพบมีความผิดก็ต้องถูกดำเนินการโดยไม่มีการละเว้น" นายอัจฉริยะ กล่าว


ส่วนสาเหตุที่ถอนฟ้องก่อนที่ทนายตั้มจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เนื่องจากเปิดโอกาสให้ทนายตั้ม ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษอย่างเต็มที่ ถ้าถอนฟ้องหลังทนายตั้ม ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ในวันจันทร์ก็เหมือนจะไปยอมรับว่าสิ่งที่ทนายตั้ม นำข้อมูลออกมาเปิดโปงเป็นเรื่องจริง และอาจจะนำข้อมูลไปให้ข่าวหรือโพสต์บิดเบือนข้อเท็จจริง วันนี้จึงเป็นเหมือนการเปิดทางให้นายษิทรา เข้าสู่ขบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ แต่หากระบวนการยุติธรรมสามารถพิสูจน์ได้ว่าพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ไม่มีการกระทำความผิดนายษิทรา ก็ต้องรับผลที่เกิดขึ้น


"และฝากถึงทนายตั้มว่า พูดแล้วไปทำตามที่พูดด้วย เดี๋ยวจะบอกว่าเห็นตนเองถอนฟ้องแล้วจะเป็นลักษณะซูเอี๋ยกันอีก และยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ไม่ใช่สงครามตัวแทน แม้ส่วนตัวตนและทนายตั้มจะเคยมีปัญหากันมาก่อน และถ้าเกิดทนายตั้มเปลี่ยนใจ ไม่ดำเนินการแล้ว ก็ต้องตอบคำถามสังคม แต่ตอนนี้เราเปิด โอกาสให้กับทนายตั้มก็สนับสนุนให้ทนายตั้มทำได้เลย" นายอัจฉริยะ กล่าว


ส่วนที่หลายคนสงสัย ทำไมพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ จึงมอบหมายใน ตนเป็นตัวแทน นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนพูดกับพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ว่า ถ้าพี่ต่อโปร่งใส กล้ามอบอำนาจให้ตนเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ก็ยินยอม และมอบอำนาจให้ตนดำเนินการตามกฎหมาย


ต่อมาเวลา 17.30 น. วันที่ 30 มี.ค. ทนายตั้ม โพสต์ผ่านเพจ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ระบุว่า "ถึงจะถอนฟ้อง แต่ขอแฉต่อ ทุ่มครึ่งคืนนี้ เตรียมเปิดหลักฐาน คลิปเสียงส่วยตำรวจหลายหน่วย แบ่งเค้กกันปากมันเลยนะพี่นะ!"


จากนั้นในเวลา 19.30 น. ทนายตั้มไม่ได้ไลฟ์สด แต่เป็นการโพสต์คลิปการสนทนา ของชายสองคนซึ่งคาดว่าเป็นตำรวจ เพราะในคลิปเป็นเงาชายสองคนสวมหมวกคล้ายกับตำรวจ มีข้อความระบุว่า "ขอเปิดหลักฐานเพิ่มเติมนะครับ เป็นเสียงการสั่งเก็บส่วยคาราโอเกะย่านลาดพร้าวแบ่งเค้กกันอร่อย ทั้ง ปคม. ทั้งคอมมานโด สงสารประเทศไทย และประชาชนตาดำ ๆ เศรษฐกิจก็แย่ ต้องจ่ายตำรวจเลวพวกนี้อีก ขอเป็นปากเสียงให้พี่น้องประชาชน ที่โดนตำรวจพวกนี้เก็บส่วย แต่กลืนไม่เข้า คายไม่ออกทุกคน"


โดยในคลิปสนทนายังไม่มีการยืนยันว่าเป็นตำรวจหรือไม่ ทั้งสองคนสนทนา เรื่องการไปเก็บส่วยของร้านคาราโอเกะย่านลาดพร้าว จำนวน 3 ร้าน โดยทั้ง 3 ร้าน ต้องจ่ายทั้งตำรวจคอมมานโด และตำรวจ ปคม. ในการสนทนานั้นยังมีประโยคหนึ่งที่พูดว่าได้ 500 ก็เอา ซึ่งส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก รวมไปถึงมีการเอ่ยชื่อของนายตำรวจชื่อว่าหมวดธงชัย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นตำรวจสังกัดใด และเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงหรือไม่ แต่ในคลิปเสียงนี้พอจะระบุได้ว่าตำรวจมีการเก็บส่วย


นายเอ : ทำไร

นายบี : ซื้อของดีไอวาย

นายเอ : กูส่งเบอร์ไปชื่อชาญ

นายบี : อะห๊ะ

นายเอ : เป็นคาราโอเกะอยู่หน้าบิ๊กซีลาดพร้าว มันมีทั้งหมด คาราโอเกะ ตอนนี้มันมีทั้งหมด 3 ร้านนะ 3 ร้าน

นายบี : เออ

นายเอ : 3 ร้าน นี่เป็นตั๋วของ ปคม ชุดละ 1000 รวม 3000

นายบี : ตั๋วเก่ามี 3000 ใช่ไหม ที่ว่ายังไม่ได้ว 6.

นายเอ : ฟังกูสิ ฟังกูสิ เออเบี้ยมันได้แล้ว 3000 แต่เราต้องไปเก็บเอง คราวนี้ให้คุยตั๋วคอมมานโดขึ้นมาด้วย 500 ก็เอา อีก 3 ร้านอะ มึงบอกเขาว่าผมดูสองชุดนะพี่ เป็นคอมมานโดด้วยอีกชุดหนึ่ง

นายบี : ครับ

นายเอ : เออคุยกับเขาดี ๆ แล้วรายงานผลด้วย

นายบี : เออ ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อใคร

นายเอ : ไม่มี ไม่มี เออ เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะ ชื่อพี่ละ พี่ยะ เออชื่อ ธงชัย หมวดธงชัย เค้าโทรไปหายะแล้วแหละไม่มีปัญหาเค้าประสานมาละ

นายบี : โอเค

นายเอ : คราวนี้มึงต้องคุยตั๋วคอมมานโดมาอีกนะ เอาให้มันได้ ได้เท่ากันก็ดี

นายบี : อ่า เดี๋ยวกลับไปห้องเดี๋ยวประสานงานแล้วจะโทรแจ้ง

นายบี : อ่า คือของเค้าเป็นเจ้าของเดียวกันทั้ง 3 ร้านเลยใช่ไหม

นายเอ : ไอ้นี่น่าจะเป็นคนรวบมั้ง เดี๋ยวกูคุยกับมันก่อน

นายบี : มารวมให้นะ โอเค


จบการสนทนา


https://youtu.be/yf5MAuwswYI

แท็กที่เกี่ยวข้อง  บิ๊กต่อ ,ทนายตั้ม

คุณอาจสนใจ

Related News