สังคม

สาวถูกเต็นท์รถมือสอง หลอกขายรถค้างไฟแนนซ์ 3 ปี

โดย chalanthorn_l

27 มี.ค. 2567

552 views

สองพี่น้องคู่หนึ่งถึงกับงง ซื้อรถจากเต็นท์รถมือสองย่านบางนา ขับได้ 11 วัน ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 7 คนขับรถดักหน้า ดักหลัง ตามยึดรถ เช็คประวัติพบ รถคันดังกล่าวถูกศาลสั่งฟ้องค้างค่างวดและไม่ได้ต่อภาษีนานกว่า 3 ปี


น.ส.ณัชชารินทร์ หรือ คุณหมู อายุ 28 ปี ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อฯ ระบุว่า ตนเองทำงานเซลล์ขายรถมือ 1 ยี่ห้อหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา น้องชายอยากได้รถเพื่อนำมาขับรถส่งพัสดุ ตนเองจึงได้เข้าไปดูในเพสบุ๊คชื่อกลุ่มว่า "ผ่อนรถโดยตรงกับเต้นท์" และสนใจเต็นท์รถ เต็นท์หนึ่ง ที่ดูมีความน่าเชื่อถือเป็นบริษัทใหญ่อยู่แถวซอยลาซาล เขตบางนา กรุงเทพฯ ต่อมาตนเองและน้องชายพร้อมครอบครัวจึงพากันเดินทางไปดูรถที่เต้นท์ดังกล่าว


และใช้ชื่อพ่อเป็นคนซื้อ ส่วนตนเองเป็นคนค้ำ  โดยรถที่ตนเองไปดูเป็น รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ตอนเดียว มีหลังคาตู้ทึบ ราคา 359,000 บาท วางเงินจองไป 5,000 บาท หลังจากนั้นในวันที่ 9 มีนาคม 2567 วันออกรถ จ่ายเงินรวมไปเป็นเงินกว่า 60,000 บาท และรับรถออกมา แต่ก็พบว่ารถคันดังกล่าวขาดต่อภาษี มา 3 ปี แล้ว ตนเองจึงติดต่อทักท้วงให้เต้นท์รถดังกล่าวต่อภาษีให้ ทางเต้นท์ก็ยินดี ขอรถกลับไปเพื่อทำการต่อภาษี ซึ่งน้องชายได้นำรถไปให้ที่เต้นท์วันศุกร์ ที่ 15 มี.ค. โดยทางเต้นท์บอกว่า วันนี้ไม่ทันให้จอดรถไว้ก่อนแล้วค่อยมารับ วันจันทร์ ที่ 18 มี.ค. แต่พอถึงวันนัดไปรับรถ ทางเต้นท์ก็ยังอ้างว่า ต่อภาษีไม่ได้โดยทางเต้นท์ให้เหตุผลว่า ต่อภาษีใช้เวลาหลายวัน จึงให้เราเอารถออกมาใช้ก่อน


ซึ่งตนเองก็แปลกใจหลายเรื่อง เพราะตอนแรกที่โอนเงินจองก็เป็นชื่อของบริษัท แต่ตอนที่โอนเงินตอนหลังเป็นชื่อส่วนบุคคล แถมชื่อในใบครอบครองก็ไม่ตรงกับชื่อของเจ๊เจ้าของเต้นท์ ซึ่งเขาก็บอกว่าเจ๊เปลี่ยนชื่อ นามสกุล จึงไม่เหมือนกัน ซึ่งตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเต้นท์รถใหญ่โต คงไม่น่าจะมีอะไร ก็เลยนำรถกลับมา หลังจากไปรับรถกลับมา น้องชายตนเองได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปหาแม่ที่คอนโดแห่งหนึ่งแถวถนนลาดปลาเค้า กรุงเทพฯ  จากนั้นมีรถเก๋งสีขาวมาจอดปิดหน้ารถของน้องชาย พร้อมทั้งมีชายฉกรรณ์จำนวน 6-7 คนเดินลงมาจากรถ


บอกน้องชายตนว่า ไม่ให้ไปไหน และอ้างว่ามาจากไฟแนนซ์จะมายึดรถคันดังกล่าว น้องชายจึงได้โทรศัพท์มาหาตนเอง และให้ตนเองพูดคุยกับบุคคลที่อ้างตัวว่ามากจากไฟแนนซ์ และพยายามอธิบายว่า ตนเองซื้อมาถูกต้องและใช้รถได้เพียง 11 วัน กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวก็ยืนยันจะยึดรถให้ได้ ตนจึงออกอุบายให้ไปตกลงกันที่ สน.บางเขน และบอกน้องชาย ให้หาจังหวะขับรถหนีกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว เพราะในรถของน้องชายมีภรรยาที่กำลังท้องแก่และมีเด็กอยู่ในรถด้วย


หลังน้องชายตนหลบหนีกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวมาได้ ตนเองจึงติดต่อกลับไป เต้นท์รถ เพื่อพูดคุยกับทางเจ๊ เจ้าของเต้นท์ ทางเจ๊เจ้าของรถ ก็พูดบ่ายเบี่ยง จนสุดท้ายเขาก็ ยอมรับว่ารถคันดังกล่าวมีปัญหาฟ้องร้องอยู่จริงและไม่ได้บอกกับลูกค้า ก่อนจะยอมให้เอารถมาคืน บอกว่าเดี๋ยวจะคืนเงินให้ แต่ไม่คืนเต็มจำนวน จะต้องหักค่าใช้จ่ายที่เอารถไปใช้ ซึ่งตนเองมองว่า ไม่ยุติธรรม เพราะตนเองต้องการเงินคืนเต็มจำนวน เพราะฝ่ายตนเอง ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่ทางเจ้าของรถก็ไม่ยอม ตนเองจึงได้อัดคลิปลงใน ติ๊กต๊อก ซึ่งก็มีคนเข้ามาชมและแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก จนมีพี่ๆที่ใจดี ติดต่อมาช่วยเรื่องตรวจสอบรถเพราะคาดว่า น่าจะมีการติด จีพีเอส หรืออะไรไว้ในรถอย่างแน่นอน


หลังจากที่ตรวจสอบอยู่นาน ก็พบว่า รถถูกติดจีพีเอสจริง ติดตั้งอยู่ที่บริเวณหลังพวงมาลัย พร้อมด้วยไมค์โครโฟน ซึ่งหลังจากที่พบจึงได้เเกะออกมา พร้อมทั้งให้น้องชายเดินทางไปแจ้งความ สน.บางเขน ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบ ที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 7 คนเดินทางมาเพื่อที่จะทำการยึดรถ เพราะตนเองคาดว่า วันที่เต้นท์ขอรถกลับไป 3-4 วันนั้น อาจจะเอาไปติด จีพีเอส มา เพราะหลังจากวันที่รับรถมาวันเดียวกันก็มีกลุ่มชายฉกรรณ์ อ้างตัวเป็น ภาคสนามมายึดรถ


ขณะที่นายแซ็คน้องชายของนางสาวหมู เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์วันที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์ ขับรถมาดักหน้ารถตนเอง ว่า ตอนนั้นตนเองเดินทางไปหาแม่ที่คอนโด ย่านลาดปลาเค้า ไปกับภรรยาที่กำลังท้องแก่และลูกอีก 1 คน จู่ๆก็มีรถเก๋งขับมา จอดปิดด้านหน้ารถของตนเอง และมีชายฉกรรจ์ลงมาตอนแรก 3-4 คน ก่อนแสดงตัวว่ามาจากไฟแนนซ์ มาเพื่อยึดรถคันดังกล่าวขอดูเอกสารจากตนเอง ซึ่งตนเองก็นำเอกสารการซื้อรถมาให้ดู กลุ่มชายฉกรรจ์บอกว่าเป็นเอกสารปลอม ยืนยันที่จะยึดรถคันดังกล่าวและบังคับให้ตนเองเข้าไปนั่งรถของเขา แต่ตนเองไม่ยอมเพราะ กลัวว่าจะเกิดอันตรายกับภรรยาที่กำลังท้องและลูกอีก 1 คน


ยอมรับว่าตอนนั้นตนเองตกใจกลัวมากจึงโทรศัพท์แจ้งพี่สาวให้ช่วยเจรจา แล้วพี่สาวแนะนำให้ตนเองขับรถหนี ถึงหลุดจากชายฉกรรจ์พวกนั้นมาได้ ซึ่งตนเองก็แปลกใจ ว่าพึ่งออกรถมาขับได้ 11 วัน แต่กลับถูกบริษัทมาตามยึดรถแถมยังถูกติด GPS ติดตามอีก แล้วพอมาตรวจสอบอย่างละเอียด ก็พบอีกว่า แผ่นป้ายทะเบียนที่เต็นท์รถติดมาให้ เลขตรงกับรถจริง แต่ตัวแผ่นป้ายเป็นป้ายปลอมที่ไม่มีตราปั๊มของกรมการขนส่งทางบก นายแซ็ค บอกว่า ตอนนี้ตนเองเครียดมากตั้งใจออกรถมาวิ่งงานส่งของและเก็บเงินเตรียมคลอดลูก แต่กลายเป็นว่า ตอนนี้มา เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น


ล่าสุดทีมข่าวได้พูดคุยกับเจ๊บี (นามสมมติ) เจ้าของเต็นท์รถดังกล่าว โดยเจ๊บี อธิบายว่า ปกติการขายรถมือสองของที่เต็นท์จะให้ลูกค้าเลือกว่าจะผ่อนตรงกับทางเต็นท์หรือจะผ่อนกับไฟแนนซ์ ซึ่งรถคันดังกล่าวที่เกิดปัญหาทางลูกค้าเลือกที่จะผ่อนตรงกับทางเต็นท์ เพราะเป็นการช่วยลูกค้าที่ไม่มีเครดิตและไม่สามารถจัดไฟแนนซ์ได้ โดยรถทุกคันที่ขายออกจากเต็นท์และผ่อนตรงกับทางเต็นท์จะต้องมีการติด GPS ที่รถทุกคัน เพื่อป้องกันปัญหาลูกค้าไม่ผ่อนหรือลูกค้าเชิดรถหนี ซึ่งสำหรับลูกค้าที่ผ่อนค่างวดตรงการติด GPS ไม่น่าจะเป็นปัญหา


ส่วนรถคันดังกล่าว ยอมรับว่า มีคดีฟ้องร้องกันอยู่และอยู่ในกระบวนการไกล่เกลี่ยในชั้นศาล ซึ่งตนยอมรับว่าไม่ได้บอกกับลูกค้าโดยตรงเพราะปรึกษากับทนายความ ได้ให้แนะนำ ว่ารถคันดังกล่าวแม้ว่าจะอยู่ในกระบวนการฟ้องร้องของศาล แต่สามารถนำไปใช้หรือขายต่อได้ เพราะตามกำหนดนัดไกล่เกลี่ยกันเดือนพฤษภาคตนเองก็เตรียมจะนำเงินไปปิดยอดกับเจ้าหนี้เก่าอยู่แล้ว


ซึ่งตนเองก็ยังงงว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวว่ามาจากไฟแนนซ์จะตามไปยึดรถ ทำไมถึงต้องรีบตามไปยึดรถทั้งที่รถคันนี้ยังอยู่ในกระบวนการไกล่เกลี่ย แล้วตนเองยืนยันว่าไม่รู้จักกับกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว พร้อมขอความเป็นธรรมให้กับตนเองด้วยเพราะตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนทางเจ้าของที่ดินที่ตนเช่าอยู่ จะให้ย้ายเต็นท์รถออก


แท็กที่เกี่ยวข้อง  เต็นท์รถมือสอง ,ยึดรถ

คุณอาจสนใจ

Related News