รวบหัวหน้าแก๊งคอลฯ ขณะจัดปาร์ตี้วิลลาหรู พบหญิงไทยร่วม เผยโทรตุ๋นเหยื่อ 3 แสนครั้ง/เดือน

ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการจับหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตัวการใหญ่เบอร์ 1 อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เดินทางมาเปิดวิลล่าหรู จัดปาร์ตี้ฉลอง โดยจ้างพริตตี้หลายสิบคน หลังจากนำเงินที่หลอกเหยื่อหลังเกษียณอายุได้มาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย โดยมีหญิงไทยร่วมขบวนการ ด้วยการติดตั้ง Sim box ใจกลางกรุง โทรหลอกได้ 3 แสนครั้งต่อเดือน



ปฏิบัติการเดินหน้าล่า Sim Box ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ของตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. สืบทราบว่าหัวหน้าขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์จัดปาร์ตี้เลี้ยงฉลอง 3 วัน 3 คืนที่วิลล่าหรู ชายหาดชะอำ จ.เพชรบุรี พบนายเควิน สัญชาติอินโดนีเซีย เชื้อสายจีน อายุ 27 ปี และนางสาวจิรนันท์อายุ 31 ปี ปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน โดยจ้างพริตตี้ไปเอ็นเตอร์เทนนับ 10 คน ค่าใช้จ่ายร่วมกว่า 3 แสนบาท นายเควินนับเป็นระดับหัวหน้าสั่งการเบอร์ต้นๆ จึงใช้ชีวิตหรูหรา นำเงินที่ได้จากการหลอกลวงเหยื่อมาใช้จ่ายอย่างฟุ่ยเฟือยในไทย



เมื่อเป็นตัวการใหญ่ วิธีการหลอกเหยื่อ จึงมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีเป้าหมายโทรไปหลอกผู้สูงอายุวัยเกษียณ โดยหลอกว่าจะมีการคืนเงินบำเน็จ บำนาญ จากนั้นจะหลอกให้โหลดแอปฯ และหลอกให้โอนเงิน ซึ่งคนร้ายทำแบบนี้กับผู้เสียหายหลายราย เพียงไม่ถึงเดือนก็หลอกเหยื่อได้หลายสิบล้านบาท เพราะสามารถโทรได้พร้อมกันครั้งละเป็นพันครั้ง ภายใน1เดือนโทรได้ 3 แสนครั้ง



พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะประธานอนุกรรมการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือAOC จึงสั่งให้ตามล่าหาซิมบ็อก กระทั่ง พบว่า อุปกรณ์เครื่องส่งสัญญาณผ่านทางอินเตอร์เน็ต เพื่อควบคุมการสั่งการซิมการ์ด อยู่คอนโดนแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว 71



ขณะเข้าตรวจค้นพบ ซิมบ็อก 4 เครื่อง กำลังใช้งานโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตมาหลอกคนไทย โดยซิมการ์ดโทรอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่แปลงสัญญาณให้โชว์ปลายสายว่าโทรจากในประเทศไทย



นายเควิน ตัวการสำคัญสั่งการอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน คอยดูแลเรื่องคอนเทนต์การโทรศัพท์มาหลอกเหยื่อคนไทย นอกจากภรรยาที่ร่วมกระทำผิดแล้ว ยังจ้างหญิงไทยอีก 2 คนคอยดูแลซิมบ็อก



จะเห็นได้ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกรูปแบบที่หลอกคนไทย จะมีหญิงไทยร่วมทุกขั้นตอนตั้งแต่เป็นบัญชีม้า เอเย่นจัดหาบัญชีม้า เป็นคนโทรหลอก และสุดท้ายเป็นคนฟอกเงินให้กับแก๊งจีนเทา ซึ่งหากถูกจับก็จะได้รับโทษฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันสมคบฟอกเงิน และถูกยึดทรัพย์