เลือกตั้งและการเมือง

สภาเดือด! สส.เพื่อไทย ไล่ 'หมออ๋อง' ลาออก เจ้าตัวแจงไม่ได้บุกทำเนียบ - ประท้วงวุ่น เรียกก้าวไกล "ไอ้หนู"

โดย passamon_a

7 มี.ค. 2567

83 views

สภาเดือด สส.เพื่อไทย ไล่หมออ๋องลาออก ด้านหมออ๋องแจงยิบ ไปทำเนียบ ไม่ก้าวก่ายฝ่ายบริหาร ยันทำตามข้อบังคับสภา - สส.ก้าวไกล ประท้วงครูมานิตย์ หลังเรียก "ไอ้หนู"


เมื่อวันที่ 6 มี.ค.67 ก่อนจะเข้าสู่ระเบียบวาระ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ใช้สิทธิลุกขึ้นหารือต่อการทำหน้าที่ของ นายปดิพันธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราฎษร หลังเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ที่ตนเองไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนายปดิพัทธ์ ที่ถือเป็นตัวแทนประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ บุกทำเนียบรัฐบาล


ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดอำนาจหน้าที่ให้ดำเนินกิจการของสภา ให้เป็นไปตามข้อบังคับวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ แต่จากการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และไม่สมควร แม้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนและย้อนถามกลับถึงการกระทำของนายปดิพัทธ์ว่าไม่เหมาะสมตรงไหน แต่นี่คือเกียรติยศและศักดิ์ศรีของ สส. ซึ่งรัฐธรรมนูญได้แบ่งแยกอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ไม่ก้าวล่วงกัน แต่ตัวแทนประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ กลับบุกฝ่ายบริหาร เพื่อทวงถามร่างกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน



ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงนายชัยวัฒนา ที่เห็นว่านายปดิพัทธ์ใช้อำนาจล้นเกิน หรืออาจมีองค์กรอิสระอื่น ใช้อำนาจล้นเกินสภา ก็ขอให้เสนอเป็นญัตติ เพื่อให้ สส.ได้ช่วยกันพิจารณาทั้งวันก็ยินดี และตนเองก็ไม่ชอบที่จะกล่าวว่า ใครอยู่มาก่อน หรือใครอยู่มาหลัง เพราะประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ก่อนที่นายพิเชษฐ์ จะระบุว่า เมื่อนายปดิพัทธ์ ขึ้นมาทำหน้าที่แล้ว ก็จะได้มาชี้แจงประเด็นดังกล่าวต่อที่ประชุม


ด้าน นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ได้ขอลุกขึ้นหารือถึงการทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ว่า เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เพื่อติดตามร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วพอสมควร ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป 6-7 เดือน เพราะ สส.เป็นผู้เสนอกฎหมาย ดังนั้น การทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ จึงเป็นหน้าที่ที่พึงกระทำ และไม่ควรตำหนิว่า เป็นการกระทำที่ไม่ชอบโดยรัฐธรรมนูญ หรือหาก สส.ต้องการให้ศึกษาอำนาจหน้าที่การทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร องค์กรอิสระ หรือตุลาการอื่นว่า อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นเพียงองค์กรเดียวที่ประชาชนเป็นผู้เลือกตั้ง


จนทำให้ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ยอมรับว่า ตนเองชื่นชมการทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ และมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่การเสนอกฎหมาย เช่น ร่างพระราชบัญญัติไร่อ้อย และน้ำตาล ที่ตนเองเสนอได้มาในปี 2562 แต่กว่าที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จะลงนาม ก็เป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพราะเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน


ซึ่งระหว่างที่นายธีระชัย กำลังอภิปรายอยู่นั้น นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นประท้วง และให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมขณะนั้น ทำหน้าที่ประธานการประชุม เดินหน้าเข้าสู่วาระการประชุม เพื่อไม่ให้เป็นการเตะถ่วงร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน จนทำให้นายธีระชัย ไม่พอใจ และเรียกร้องให้นายปดิพัทธ์ลาออก เพื่อรักษาศักดิ์ศรี เข้าตามตรอก ออกตามประตู ให้ได้รับการต้อนรับอย่างดีในการประสานงาน เพราะการไปทำเนียบฯ ดังกล่าว เป็นการโคจรไป ไม่มีใครมาต้อนรับ


ก่อนที่นายประเสริฐพงษ์ จะลุกขึ้นประท้วงอีกครั้ง จนทำให้นายธีระชัย ไม่พอใจ แม้นายพิเชษฐ์ จะปิดไมค์โครโฟนแล้ว ก็ยังตะโกนลั่น ก่อนที่นายพิเชษฐ์ จะเรียกเจ้าหน้าที่ และสั่งให้นายธีระชัย หยุดการอภิปรายและนั่งลง เพื่อเดินหน้าเข้าสู่การประชุมตามปกติ


ขณะที่นายครูมานิตย์ สังฆ์พุ่ม สส. ลุกขึ้นหารือและตัดบท เพื่อไม่ให้ สส.พรรคก้าวไกล มองว่าเป็นการเตะถ่วง การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ขอให้เรื่องนี้นายปดิพัทธ์มาชี้แจ้งเองเมื่อขึ้นมาทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม


ทั้งนี้ นายพิเชษฐ์จึงได้แจ้งต่อที่ประชุมสภาฯว่า ในสัปดาห์หน้า ตนเองจะเรียกประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล, คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน และผู้แทนคณะรัฐมนตรี หารือร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ระหว่างที่รอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม


พร้อมยืนยันว่า การทำหน้าที่ของรองประธานสภาผู้แทนราษฎรแต่ละคน แล้วแต่ดุลยพินิจของประธาน และรัฐบาล หลัง สส.พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปราย แสดงความไม่พอใจต่อการทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์


ในเวลาต่อมา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงกรณีการเดินทางไปติดตามร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการเงินที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ทางสภาโปร่งใส ก็อยากจะเห็นความโปร่งใสของฝั่งบริหารด้วย และอยากปกป้องผลประโยชน์ของ สส. เพราะเป็นร่างกฏหมายจาก สส. ทุกพรรค จึงตัดสินใจเดินทางไปที่ทำเนียบ โดยให้เลขานุการและตำรวจไปประสานงานที่ทำเนียบก่อนในช่วงเช้า ก่อนเดินทางไปด้วยตนเองในช่วงบ่าย


ซึ่งได้รับการยืนยัน ผ่านแชทไลน์ และตำรวจรับทราบแล้วและให้ใครมาต้อนรับ แต่เมื่อไปถึงทำเนียบ ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างที่ประสานงานไว้ ทำให้เกิดภาพออกมาทุลักทุเลอย่างที่เห็น แต่ยืนยันว่าเป็นการเข้าพบตามกระบวนการที่ถูกต้อง ได้ประสานงานไว้ล่วงหน้า ไม่ได้การบุกหรือก้าวล่วง หรือก้าวล้ำเข้าไปในการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี


ขณะที่ นายครูมานิตย์ สังฆ์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวว่า ตนได้อ่านระเบียบข้อบังคับการทำหน้าที่ของรองประธานสภาแล้ว ซึ่งจะต้องทำตามคำสั่งของประธานสภา การที่นายปดิพัทธ์ เดินทางไปทำเนียบได้รับคำสั่งจากประธานสภาแล้วหรือไม่ ซึ่งหากบอกว่าได้รับคำสั่งจากประธานสภาแล้ว ตนจะถามความชัดเจนอีกครั้งจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร


ทั้งนี้ระหว่างที่นายครูมานิตย์อภิปรายอยู่นั้น สส.จากพรรคก้าวไกลพยายามที่จะลุกขึ้นประท้วง นายครูมานิตย์จึงบอกว่า "อย่าประท้วงเลย ไม่มีประโยชน์หรอกน้อง เอาความจริงมาพูด นั่งเถอะไอ้หนู"


ขณะที่ สส.ก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงขอให้ประธานเดินหน้า พิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานต่อ นายปดิพัทธ์ จึงตอบกลับทันทีว่า ผมขอใช้เวลา เพราะเมื่อเช้าผมโดนไล่ให้ไปลาออก ผมขอใช้เวลาชี้แจงไม่นาน


จากนั้น นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วิ่งเข้าห้องประชุม เพื่อขอประท้วงการทำหน้าที่ประธานของนายปดิพัทธ์ ว่า ตอนไม่สนว่าจะมีการตอบโต้อะไรกันเรื่องของรองประธาน แต่เมื่อมีคนประท้วงสิ่งที่ประธานต้องทำคือการวินิจฉัย แต่กลับไม่มีการวินิจฉัยเลย ส่วนประเด็นที่สอง นายครูมานิตย์ สส.หลายสมัย ใช้คำว่า "ไอ้หนู" กับเพื่อนสมาชิกในห้องประชุมได้อย่างไร ผมพูดจริง ๆ ว่าผมให้ความเคารพ ผมรู้จักกับครูมานิตย์มานาน แต่ท่านจะมาใช้คำว่าไอ้หนูแบบนี้มันเป็นการไม่เคารพกัน สส. ไม่ว่าจะเป็น 1 สมัย 5 สมัย หรือ 10 สมัยก็เท่ากัน จะมาใช้คำพูดหยาบคายด้อยค่าเรื่องคุณวุฒิ เป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้ประธานจะต้องวินิจฉัย ต้องบอกให้นายครูมานิตย์ถอนคำพูด นี่คือสิ่งที่ผมรอคอยและอยากเห็นจากประธานฯ


ทั้งนี้ ตลอดการอภิปราย นายรังสิมันต์มีท่าทางสีหน้าฉุนเฉียว และชี้มือไปทางนายครูมานิตย์ ทำให้ประธานตักเตือนว่าขอให้พูดกับประธานสภา และสุดท้ายนายครูมานิตย์ก็ยอมถอนคำว่าไอ้หนู ทำให้สภาเดินหน้าตามวาระต่อ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการประท้วงกันไปมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีชื่อเล่นว่าหนู ก็นั่งอยู่ในห้องประชุมสภาหลังนายครูมานิตย์ ก็ได้แต่นั่งยิ้มอยู่ด้านหลัง


อย่างไรก็ตาม นายปดิพัทธ์ได้ใช้สิทธิ์ชี้แจงอีกครั้งว่า การเดินทางไปทำเนียบไม่ได้เป็นการบุกไป และไม่ได้เป็นการกดดันให้เซ็นหรือไม่เซ็น เป็นการติดตามความคืบหน้าการให้ความเห็นของหน่วยงาน ขอให้เข้าใจตรงกัน ตนไม่มีอำนาจในการกดดัน ให้นายกฯ พิจารณาหรือไม่พิจารณา แต่ตนไปขอดูความคืบหน้าของหน่วยงาน ซึ่งเป็นความโปร่งใสในเรื่องกระบวนการตรากฎหมาย


ส่วนที่ถามว่าตนได้รับอนุญาตจากประธานสภาหรือไม่นั้น ตนได้รับมอบหมายจากประธานสภาให้ดูแลเรื่องกิจการสภา การตรากฎหมาย และการบรรจุกฏหมาย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตนทำเป็นการทำตามข้อบังคับข้อที่ 9(2) ในการดูแลและกำกับกิจการงานของสภา  ซึ่งท่านอาจจะไม่เห็นด้วยแต่ยืนยันว่า ตนทำตามข้อบังคับของสภา ด้วยเจตนาที่ต้องการให้กฎหมายของทุกคนได้รับการพิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Ya-Q_OWHaD8

คุณอาจสนใจ

Related News