สังคม

ถอนวีซ่า ‘เดวิด’ ชะงัก! สตม.แจงต้องรอคำพิพากษา แต่หลัง 13 มี.ค. หมดสิทธิทำธุรกิจในไทย

โดย petchpawee_k

6 มี.ค. 2567

144 views

รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต เซ็นหนังสือด่วนที่สุด เพิกถอนหนังสือเดินทางนายเดวิดเตะหมอ - รองโฆษก สตม. เผยเพิกถอนวีซ่า นายเดวิด ต้องรอคำพิพากษาถึงที่สุด ส่วนวีซ่าธุรกิจที่จะหมดวันที่ 13 มี.ค. หากมาต่อ จะเป็นวีซ่าสำหรับการสู้คดี อยู่ได้ครั้งละ 90 วัน แต่ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้แล้ว 


เมื่อวานนี้ (5 มี.ค.67)  นายศรัทธา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ทำหนังสือด่วน ที่ ภก 0018.4/5032 ถึง ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต เรื่อง ขอให้พิจารณาดำเนินการเพิกถอนหนังสือเดินทางของ MR.URS BEAT FEHR   เนื้อหาในหนังสือดังกล่าว ระบุว่า


 “ตามที่ปรากฎในสื่อกรณีแพทย์หญิงธารดาว จันทร์ดำ อายุ 26 ปี แพทย์ประจำโรงพยาบาลดีบุก ถูก MR.URSFEHR อายุ 45 ปี สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 20.50 น. บริเวณชายหาดยามู ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต นั้น


จังหวัดภูเก็ตพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของ MR.URSFEHR มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขและความเรียบร้อยของประชาชน จึงขอให้พิจารณาดำเนินการเพิกถอนหนังสือเดินทางของ MR.URS BEAT FEHR โดยเร่งด่วน และรายงานผลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตทราบ”  

นายศรัทธา กล่าวว่า การประชุมฯ ในครั้งนี้เพื่อหารือกรณีนายเดวิด ก่อเหตุทำร้ายร่างกายแพทย์หญิงธารดาว โดยจากการติดตามความคืบหน้าในเรื่องของการเพิกถอนหนังสือเดินทาง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานส่ง ตม.จังหวัดภูเก็ต เพื่อขอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว หากได้รับผลการพิจารณาคดีอาญาจะส่งเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ ต่อไป


ทั้งนี้ วีซ่าของนายเดวิด จะหมดอายุในวันที่ 13 มีนาคม 2567 ส่วนกรณีทำร้ายร่างกาย, คดี พรบ.อาวุธปืน ได้สั่งการให้ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ตเร่งตรวจสอบ ส่วนกรณีปางช้างได้มอบหมายให้ทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ตดำเนินการโดยจะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในวันที่ 7 มีนาคม นี้


ขณะที่พันตำรวจเอกปริญญา กลิ่นเกษร รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 และรองโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  เปิดเผยความคืบหน้ากรณีของนายเดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่ก่อเหตุเตะแพทย์หญิงที่จังหวัดภูเก็ตว่า ขณะนี้ทราบว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้ส่งรายงานการสืบสวนมาที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ตแล้ว ซึ่งอำนาจในการเพิกถอนจะขึ้นอยู่กับผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 ที่ดูแลพื้นที่จังหวัดภูเก็ต


สำหรับขั้นตอนนั้น ทาง ตม.ภูเก็ต จะประมวลข้อมูลพยานหลักฐาน ใช้ดุลพินิจดูว่า เข้าข่ายบุคคลต้องห้ามเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่  ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ไม่มีหนังสือเดินทาง ทำงานที่ชาวต่างชาติห้ามทำ  ไม่มีเงินยังชีพ เคยต้องโทษ โดยศาลไทยหรือศาลต่างประเทศ พิพากษาจำคุก เป็นต้น ถ้าเข้าข่ายก็สามารถเพิกถอนวีซ่าได้เลย  แต่ต้องมั่นใจในพยานหลักฐาน โดยเฉพาะเรื่องพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นภัยต่อสังคม ต้องให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เป็นการใช้อำนาจทางการปกครองเกินขอบเขต


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเพิกถอนวีซ่าโดยส่วนใหญ่ ตม. จะอาศัยคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลเป็นหลัก เพราะผู้ต้องหาหมดสิทธิในการต่อสู้คดีแล้ว ซึ่งไม่ต้องใช้ดุลพินิจ


สำหรับนายเดวิด ตอนนี้ได้ถือวีซ่าประเภทธุรกิจ ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 13 มี.ค. 67 นี้ ซึ่งถ้านายเดวิดไม่ต่อวีซ่า ก็จะเป็นคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยใบอนุญาตสิ้นสุด  แต่หากมาต่อวีซ่า ทาง ตม. ก็จะไม่ต่อวีซ่าธุรกิจให้ แต่จะต่อเป็นวีซ่าสำหรับการต่อสู้คดี ซึ่งให้ชาวต่างชาติอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อต่อสู้คดีความได้ วีซ่ามีอายุ 90 วัน และสามารถต่อได้จนกว่าคดีความจะถึงที่สุด แต่จะไม่สามารถประกอบธุรกิจได้แล้ว 


และหากมีการเพิกถอนวีซ่า ขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์เป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแล้วนั้น ก็จะเป็นการขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์ตลอดชีวิต ต่อให้มีการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ก็ไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ เพราะ ตม. จะตรวจสอบจากอัตลักษณ์บุคคลและลายนิ้วมือเป็นหลัก  แต่บุคคลที่ถูกเพิกถอนวีซ่าก็ยังมีสิทธิในการขอยื่นปลดรายชื่อตนเองออกจากบัญชีแบล็คลิสต์ได้ หลังผ่านการถูกเพิกถอนวีซ่าไปแล้ว 5 ปี  แต่จะได้รับอนุญาตหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง


พันตำรวจเอกปริญญา เปิดเผยอีกว่า จากข้อมูลในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พบว่า การเพิกถอนวีซ่าของชาวต่างชาติส่วนใหญ่ เกิดจากการถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งที่พบมาก คือ ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ และคดีทำร้ายร่างกาย นอกจากนี้ ก็พบคดีเกี่ยวกับการค้าประเวณี ค้ามนุษย์  คดียาเสพติด เป็นต้น โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้มีการตั้งคณะกรรมการในการเสนอรายชื่อบุคคลต่างชาติที่เป็นภัยต่อสังคม บางคดีมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ  แต่ทาง ตม. ก็ได้ใช้ดุลพินิจประกอบการเพิกถอนวีซ่า เช่น กรณีของชาวต่างชาติที่ทำคอนเทนต์ เอาปืนพลาสติกไปจ่อหัวนักท่องเที่ยว หรือกรณีชาวอินเดียที่ไปเล่นการพนันในโรงแรม เป็นต้น


ด้านนายกองเอก อดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  กล่าวถึงกรณีการเพิกถอนวีซ่าของนายเดวิด  ว่า จากการตรวจสอบ พบว่าการเข้ามาอยู่ในประเทศไทยของนายเดวิด เป็นการถือวีซ่าผู้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย 1 ปี และจะครบกำหนดวีซ่าในวันที่ 13 มี.ค.67 นี้   โดยกรณีที่มีคดีความอยู่และที่ผ่านมามีพฤติกรรมข่มขู่ สร้างความเดือดร้อนหรือสร้างความน่าหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการพิจารณาการต่อวีซ่านั้น มีแนวทางการพิจารณา คือ ถ้าคดีความเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 13 มี.ค.นี้  ก็จะนำเข้าสู่คณะกรรมการพิจารณาเพิกถอนวีซ่าชาวต่างชาติที่มีการกระทำความผิดกฎหมาย ซึ่งจะเป็นแนวทางในการพิจารณาไม่ต่อวีซ่าให้และผลักดันกลับประเทศ 


ส่วนกรณีที่คดีความยังไม่สิ้นสุดหรือเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 13 มี.ค.67   ทาง ตม.จะต้องต่อวีซ่ากรณีผู้ถือวีซ่าอยู่ระหว่างการดำเนินคดี จนกว่าคดีความจะสิ้นสุด จากนั้นจะมีการพิจารณาไม่ต่อวีซ่าต่อไป  โดยขณะนี้ทางคณะกรรมการได้มีการประสานไปทาง ตม.แล้ว


ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ผบช.ภ.8 สั่งเพิกถอนวีซ่าแล้วนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการเพิกถอนหรือยกเลิกวีซ่าแต่อย่างใด ซึ่งต้องรอคดีความที่เกิดขึ้นจนกว่าจะเสร็จสิ้นก่อน และเมื่อคดีความสิ้นสุดลง จะนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการพิจารณาเพิกถอนวีซ่าตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง  ว่าจะพิจารณาให้ต่อวีซ่าหรือเพิกถอนหรือไม่  โดยคดีดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ  กระบวนการทางกฎหมายจะต้องถึงศาลจนกว่าจะมีคำพิพากษา วีซ่าที่อยู่ต่อจะเป็นวีซ่าผู้ต้องหาที่มีคดีความ



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/S1woraXxrg0

คุณอาจสนใจ

Related News