อาชญากรรม

ดูจะๆ คลิปชายต่างชาติ อ้างล้มทับหมอสาว – บานปลาย! สั่งรื้อบันไดวิลล่าหรู รุกชายหาด ส่อเพิกถอนพาสปอร์ต

โดย nattachat_c

1 มี.ค. 2567

3.6K views

ดูกันชัดๆ คลิปหลักฐาน ชายต่างชาติอ้างสะดุดล้มไปโดนคุณหมอ ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายจริงๆ ชาวเน็ตตั้งข้อสังเกต สะดุดล้มแบบใด ทำไมดูเกรี้ยวกราด ด้านคุณหมอธารดาวให้ปากคำเพิ่มเติม ยืนยันถูกทำร้าย ทั้งที่นั่งอยู่บันไดขั้นสุดท้าย ไม่ได้เดินผ่านเข้าไปในวิลลา ไม่มีเจตนาบุกรุก ลั่นต่อสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีคนไทยให้ถึงที่สุด

ขณะที่รองผู้ภูเก็ต ลงมาดูแลคดีเอง ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย พร้อมเผยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตสั่งตั้งคณะกรรมการสอบพฤติกรรมของชาวต่างชาติในพื้นที่ หากพบพฤติกรรมไม่เหมาะสมจะเพิกถอนหนังสือเดินทาง ด้านนายอำเภอถลาง เข้าตรวจสอบแนวเขตที่ดินวิลลา พบบันไดที่เกิดเหตุอยู่นอกพื้นที่ รุกล้ำที่ดินสาธารณะ สั่งรื้อภายใน 3 วัน ส่วนใบอนุญาตตั้งมูลนิธิดูแลช้างของชายต่างชาติพบว่าขออนุญาตอย่างถูกต้อง

จากกรณีแพทย์หญิงในจังหวัดภูเก็ต ร้องเรียนว่า ถูกชายชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย เพียงเพราะคุณหมอไปนั่งพักอยู่ที่บันไดวิลล่า ซึ่งต่อมาชายต่างชาติคู่กรณีชี้แจงว่า ไม่ได้ทำร้ายคุณหมอ แต่ขณะเกิดเหตุ สะดุดล้มแล้วเท้าไปโดน พร้อมบอกว่า ยินดีจะขอโทษคุณหมอด้วย


เหตการณ์นี้ทำให้มีการขยายประเด็นไปในเรื่องต่าง ๆ 

-------------

วานนี้ (29 ก.พ. 67)  เวลา 10.00 น. นายไพโรจน์ ศรีละมุล นายอำเภอถลาง พร้อมด้วย


  • เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต อำเภอถลาง
  • นายปัณยา สำเภารัตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลป่าคลอก  
  • เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง


ไปตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณวิลล่าที่เกิดเหตุ  พื้นที่ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง


จากการตรวจสอบ พบว่า เจ้าของวิลล่าดังกล่าวเคยนำชี้ขอออกโฉนด ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็น นส.3 ก.โดยแนวที่นำชี้ คือ ขั้นบันไดที่ 1  


ดังนั้น ขั้นบันไดที่ 2-3-4 อยู่นอกเขตเอกสาร นส.3 ก. จึงเป็นการรุกล้ำที่ดินสาธารณะ แนวชายหาดสาธารณะ โดยมอบหมายนายกเทศบาลตำบลป่าคลอก ไปแจ้งความดำเนินคดีฐานบุกรุกที่สาธารณะ และสั่งให้รื้อถอนภายใน 3 วัน


ขณะที่ การตรวจสอบใบอนุญาตจัดตั้งมูลนิธิที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือดูแลรักษาช้างของชาวต่างชาติคู่กรณีนั้น พบว่า มีการขออนุญาตจากนายทะเบียนถูกต้อง

-----------------

จากกรณีที่ชายชาวต่างชาติ คู่กรณีของแพทย์หญิงธารดาว ออกมาชี้แจงว่า ไม่ได้ทำร้ายเตะถีบคุณหมอ เพียงแต่จะเดินไปบอกคุณหมอให้ออกไป แต่เกิดเดินสะดุดล้ม แล้วเท้าไปโดนหลังคุณหมอโดยไม่ได้ตั้งใจ 


ทั้งยังบอกด้วยว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนเองถ่ายคลิปเอาไว้ และเป็นหลักฐานยืนยันว่า ไม่ได้ทำร้ายคุณหมอ โดยนำคลิปดังกล่าวไปมอบเป็นหลักฐานกับตำรวจ ในการชี้แจงข้อเท็จจริง และจะใช้เป็นหลักฐานยืนยัน หากถูกดำเนินคดี

-----------------

ล่าสุด ช่วงค่ำวานนี้ (29 ก.พ. 67)  มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าว โดยพบว่า ชายต่างชาติคู่กรณีของคุณหมอ เป็นคนถือโทรศัพท์ถ่ายคลิปเอง 


ในคลิปจะเห็นคุณหมอกับเพื่อนผู้หญิง นั่งพักกันตรงบันไดขั้นสุดท้ายของวิลล่า ส่วนคู่กรณีเดินถ่ายคลิปมาแต่ไกล  


โดยที่คุณหมอกับเพื่อนเหมือนจะไม่ทราบว่ามีคนเดินมาด้านหลัง จนกระทั่งชายต่างชาติเดินเข้าไปใกล้ คุณหมอคงได้ยินเสียง จึงหันกลับมามอง แต่ชายต่างชาติกลับตวาดด้วยถ้อยคำหยาบคาย ว่า “Fuck Off!!” พร้อมกับมีเสียงดังปึก! คล้ายกับเสียงเตะ ทำให้คุณหมอกับเพื่อนตกใจ ร้องขึ้นมา และรีบลุกขึ้น จากนั้นคลิปก็ตัดไป โดยคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 17 วินาที  


หลังคลิปนี้ เผยแพร่ออกมา ทำให้หลายคนที่ได้ดูคลิป พากันตั้งคำถามว่า เดินสะดุดหรือลื่นล้มอย่างไร เพราะดูแล้วก็ยังไม่เห็นว่า มีจังหวะไหนที่ชาวต่างชาติคนนี้จะลื่นล้ม 


บ้างก็ตั้งคำถามไปถึงทนายของชาวต่างชาติคนนี้ว่า เป็นเสียงลื่นที่เกรี้ยวกราดมาก
---------------
วานนี้ (29 ก.พ. 67) แพทย์หญิงธารดาว เปิดใจผ่านรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ยืนยันว่า ในช่วงเกิดเหตุ  รู้สึกถูกเตะด้วยหน้าแข้งจริงๆ  ไม่ใช่ปลายเท้า และเป็นรอยช้ำหนัก จึงเชื่อว่าไม่ใช่การสะดุดล้มอย่างที่คู่กรณีอ้าง เพราะหากล้มจริงๆ หลังจากล้มควรต้องขอโทษ ไม่ใช่ด่าต่อ


นอกจากนี้ ช่วงที่แฟนหนุ่มชาวต่างชาติของคุณหมอ มาพูดคุยกับคู่กรณีว่าทำไมทำกับผู้หญิงแบบนี้ คู่กรณียังบอกว่า นี่เป็นผู้หญิงถึงแค่เตะเบา ๆ ถ้าเป็นผู้ชายจะทำอย่างอื่นยิ่งกว่านี้ 


 และขยณะที่รอตำรวจมาถึง รปภ.ที่มาช่วยดูแลเหตุการณ์ก็ต้องคอยห้ามตลอด เพราะฝ่ายคู่กรณีพยายามจะพุ่งเข้ามาตลอดเวลา ส่วนภรรยาคนไทยก็ด่าหยาบคาย อ้างตำรวจใหญ่ แต่ตนไม่เถียง เพราะถูกท่าว่าไม่น่าจะคุยรู้เรื่อง


คุณหมอ ยืนยันว่า ไม่รู้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ส่วนบุคคล เพราะพื้นที่โดยรอบเป็นป่าไผ่ และเป็นทางสาธารณะที่ชาวบ้าน-ชาวประมงใช้เดินทางกันปกติ  อีกทั้งตอนนั้นก็มืด จึงไม่เห็นป้ายห้ามเดินผ่าน ที่ติดอยู่ตรงบันได และก็ตนนั่งอยุู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย เท้าจุ่มพื้นทราย ไม่ได้เดินขึ้นไปด้านบนวิลลา แน่นอน


เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไร ที่ชาวต่างชาติอ้างว่า สะดุดล้ม

คุณหมอบอกว่า ถ้ากล้าทำก็ต้องกล้ารับ แล้วตอนนั้น คู่กรณีก็ยอมรับกับแฟนของคุณหมอว่า เตะเบา ๆ  จึงไม่เข้าใจว่า ทำไมมาบอกว่าสะดุดล้ม ส่วนที่คู่กรณีอ้างว่ามีคลิป ก็เดี๋ยวไปดูคลิปได้ เพราะตนก็มีพยาน


คุณหมอยังพูดถึงกรณีที่คู่กรณีชาวต่างชาติ ด่าทอหยาบคาย เหยียดว่าเป็นชนพื้นเมือง ตนรู้สึกว่าเขามาอยู่ในประเทศไทย ไม่ควรพูดว่า ชนพื้นเมือง เราควรอยู่อย่างเคารพกับคนอื่น ไม่ใช่มาเหยียด และคลิปที่มาบอกว่าขอโทษ เหมือนเป็นคนละคนกับวันที่เกิดเรื่องเลย

---------------
วานนี้ (29 ก.พ. 67) เวลา 10.00 น. แพทย์หญิงธารดาว พร้อมด้วยอาจารย์เกษม จันทร์ดำ คุณพ่อ // แฟนหนุ่มชาวต่างชาติ และทนายความ เดินทางไปที่ สภ.ถลาง เพื่อให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเติม โดยมี พ.ต.อ.ภาสกร สนธิกุล รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต  มากำกับดูแลการสอบสวนข้อเท็จจริงต่าง ๆ ด้วยตัวเอง


แพทย์หญิงธารดาว ให้สัมภาษณ์ก่อนให้ปากคำกับตำรวจ ว่า

ไม่ควรมีคนไทยคนใดถูกกระทำแบบนี้ ซึ่งคุณหมอยืนยันว่า จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด 


ส่วนกรณีที่คู่กรณีจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีที่คุณพ่อของคุณหมอไปโพสต์ผ่านโซเชียล ซึ่งมีชื่อคู่กรณีในใบแจ้งความนั้น

คุณหมอ บอกว่า ทุกอย่างคือความจริง หากอีกฝ่ายจะฟ้อง ก็ดำเนินการไปตามกฎหมาย


ส่วนที่คู่กรณีอ้างว่าเป็นการลื่นล้มนั้น

ขอถามกลับว่า ถ้าลื่นล้มแล้วจะทำอย่างไร ก็ต้องขอโทษใช่หรือไม่ แต่คู่กรณีไม่ได้ขอโทษใด ๆ


คุณหมอบอกว่า หลังเกิดเหตุ มีความเครียด กังวล และกลัว เพราะคู่กรณีอ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่ รู้จักคนมีอำนาจ เป็นคนร่ำรวย แต่ตนเป็นเพียงหมอตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ก็อยากให้กฎหมาย และความยุติธรรมบังเกิดขึ้น ให้ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือให้ได้รับความยุติธรรม ที่คนไทยคนหนึ่งควรได้รับ


ส่วนคำพูดของคู่กรณี ที่พูดเหยียดนั้น

คุณหมอ มองว่า “ไม่ควรจะมีใครถูกเหยียดเช่นนั้น เขาเป็นชาวต่างชาติที่มาอยู่ในไทย มาหากินกับคนไทย ทำงานอยู่ในประเทศไทย อยู่บนแผ่นดินไทย ไม่ควรเหยียดใครว่า เป็น Local คุณควรจะนับถือเขามากกว่า เราควรอยู่กันอย่างนับถือ มากกว่าการเหยียดกัน ต่อให้จะรวยล้มฟ้า หรืออำนาจมากแค่ไหน ก็ไม่ควรเหยียดใคร ส่วนคู่กรณีถ้าเข้ามาขอโทษด้วยความจริงใจ ต้องการจะขอโทษจริง ๆ ไม่ใช่กลัวว่าจะโดนคดี ก็ยินดีที่จะรับคำขอโทษ”

-------------

ขณะที่ อาจารย์เกษม จันทร์ดำ คุณพ่อของคุณหมอ ซึ่งเป็นนักเขียนชาวใต้ นามปากกา "ธัช ธาดา"  และยังเป็นสมาชิกคนสำคัญของกลุ่ม "นาคร" อดีตกลุ่มวรรณกรรมที่เคยมีอิทธิพลต่อความคิดเป็นอย่างมาก ในช่วงปี พ.ศ.2525 – 2540  เปิดเผยว่า


ทางคุณพ่อและคุณหมอ ยืนยันว่า จะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด จะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียดหยามเรื่องเพศภาพหญิงไทย รวมทั้ง ไม่อยากให้คนไทยที่มาอยู่ภูเก็ต หรือคนภูเก็ต ต้องเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับคุณหมอ  พร้อมกับเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการดูแลคนไทยในภูเก็ต  แม้กระแสการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะบูมขึ้น แต่ไม่ควรจะละเลยคนไทย


คุณพ่อ บอกว่า สิ่งที่รับไม่ได้ คือ คำพูดที่บอกว่า “คนไทยขอโทษต่างชาติได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษคนไทย” จึงทำให้ลูกสาวรู้สึกว่า จะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด


ส่วนที่คู่กรณีออกมาบอกว่าไม่ได้เตะ แต่เป็นการสะดุดล้ม  คุณพ่อของคุณหมอก็ตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นการล้มใส่ของคนที่ตัวโตน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม น่าจะไม่ใช่แค่จุก น่าจะล้มไปทั้งตัว หากล้มใส่จริง มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปด่าลูกสาวของตน และเพื่อนที่ไปด้วยกัน 

--------------

ด้าน พ.ต.อ.ภาสกร สนธิกุล รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า  วานนี้ (29 ก.พ.67) เป็นการสอบปากคำผู้เสียหายำก่อน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้ชัดเจน หากพบว่ากระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ก็จะออกหมายเรียกเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป  


พร้อมยืนยันว่า พนักงานสอบสวนไม่มีความกังวลใดๆ เพราะทางผู้เสียหายได้นำใบชันสูตรบาดแผลจากแพทย์ รพ.ดีบุก  มาประกอบคำให้การ ซึ่งความหนักเบาของข้อหาอยู่ที่ลักษณะบาดแผล และจำนวนวันการรักษาที่แพทย์ลงความเห็นไว้


พ.ต.อ.ภาสกร  ยังเปิดเผยด้วยว่า  ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความประพฤติของต่างชาติที่เข้ามาในภูเก็ต  โดยมีตำรวจคนเข้าเมืองเป็นเลขานุการ  เพราะในช่วงที่ผ่านมาจะมีชาวต่างชาติบางคน ประพฤติตนไม่เหมาะสม  ถ้าชาวต่างชาติรายใด มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก็จะเพิกถอนหนังสือเดินทางอย่างเด็ดขาด พร้อมกับขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน

--------------

วานนี้ (29 ก.พ.67)  มติชนออนไลน์ ได้สอบถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ซึ่งทำงานอยู่ปางช้างใกล้ ๆ กับปางช้างดังกล่าว ได้ความว่า นายซารา (นามสมมุติ) เป็นเจ้าของปางช้างที่มีนิสัยชอบโวยวาย อารมณ์ร้อน มักจะมีปากเสียงกับเจ้าของปางช้างอื่นๆ เสมอ  


โดยนายซารามีภรรยาเป็นคนไทย ที่มีลูกติดทำงานเป็นตำรวจ ยศ สิบตำรวจ แต่ภรรยาชอบบอกกับคนอื่นๆว่า มีพรรคพวกเป็นคนใหญ่คนโต มีเส้นสาย และชอบร้องเรียนปางช้างคู่แข่ง ในขณะเดียวกัน จะไม่ยอมให้ใครเข้าไปใกล้พื้นที่ของตัวเอง โดยจะเข้าต่อว่าอย่างหนัก


ซึ่งที่ผ่านมานายซารา ก็มักจะมีปากเสียงกับคนอื่นๆ ในเรื่องนี้บ่อยๆ ซึ่งคนที่อยู่แถวนี้จะรู้กันดีว่านายซาราเป็นคนขี้โมโห ซึ่งวันดีคืนดี นายซารา จะเปิดหลังรถ หยิบปืนออกมาโชว์ แล้วเดินไปเดินมาอยู่แถวปาง สร้างความหวาดกลัวแก่เพื่อนบ้านข้างๆ มาก  ทั้งนี้นายซาราได้สั่งลูกน้อง หรือควาญช้างในปางของตัวเอง ห้ามนำเพื่อน หรือญาติพี่น้องเข้าไปในปางอย่างเด็ดขาด จึงไม่ค่อยมีใครเห็นสภาพในปางช้างของนายซาราว่าเป็นอย่างไร  สำหรับลูกค้าของนายซาราทั้งหมดเป็นลูกค้าชาวต่างชาติที่จองตั๋วผ่านทางออนไลน์ ไม่มีคนไทย


อย่างไรก็ตาม มีเพื่อนควาญช้างมาเล่าให้ฟังว่า ช้างในปางของนายซารานั้นเป็นช้างที่เช่ามาจาก จ.สุรินทร์ โดยทราบมาว่า นายซารา มีมูลนิธิคอยรับบริจาคเพื่อช่วยดูแลช้างไทยจากต่างประเทศ ซึ่งมักจะมีการตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงมีปัญหาเรื่องโควิดนั้น ขณะที่ปางช้างอื่น ๆ มีปัญหาการเงินซบเซากันอย่างหนัก แต่ปางของนายซารายังอู้ฟู่ หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า นอกจากปางช้างแล้ว นายซาราทำงานอย่างอื่นด้วยหรือไม่


เมื่อถามว่า ในเรื่องการดูแลช้างในปางนั้น เพื่อนควาญเคยเล่าให้ฟังหรือไม่ว่า นายซาราดูแลดีหรือไม่ อย่างไร เจ้าหน้าที่คนเดิม กล่าวว่า เพื่อนเล่าว่า นายซาราจะให้ควาญฝึกช้างหนักมาก เพราะเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงต้องการให้ช้างนิ่ง มักจะใช้ตะขอสับคอช้างแบบแรงๆเพื่อให้ช้างเชื่อฟัง ซึ่งปกติแล้ว ไม่จำเป็นต้องสับแรงขนาดนั้นก็ได้ แค่ทำให้ช้างจดจำ ซึ่งหากสับแรง หรือใช้ความรุนแรงเกินไปนอกจากไม่จำแล้ว ช้างจะดื้อและแค้นด้วย


รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับพฤติกรรมของหนุ่มชาวสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงที่ผ่านมา ที่เข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน  ตัวแทนประชาชนในหมู่บ้านยามู หมู่ที่ 7 ตำบลป่าคลอกอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต บอกว่าหนุ่มสวิตเซอร์แลนด์รายนี้ ขับรถปิกอัพป้ายแดงส่วนตัวอย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ถนนในหมู่บ้านมีขนาดเล็กและในช่วงที่ผ่านมา เกิดปัญหารถเฉี่ยวชนและมีชาวบ้านเป็นคู่กรณี  ชาวต่างชาติรายนี้เคยควักเอาอาวุธปืนในรถมาข่มขู่คู่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และบางครั้งเมื่อมีการทะเลาะวิวาทหรือมีปากเสียงกับชาวบ้าน ชาวบ้านเคยเห็นอาวุธปืนตกมาจากรถของเขา


นอกจากนี้เมื่ออยู่ที่บ้านพัก มักออกมาไล่ประชาชนที่เดินทางไปพักผ่อนบริเวณชายหาดสาธารณะที่อยู่ใกล้บ้านของตนเอง กรณีที่เกิดกับแพทย์หญิงล่าสุด ไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการให้มีประสิทธิภาพอย่างเหมาะสม กรณีตรวจสอบเชิงลึกในการประกอบอาชีพธุรกิจ เช่น ปางช้าง เพื่อไม่ให้ชาวต่างประเทศที่เข้ามาเป็นคนในชุมชน/หมู่บ้าน มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์กับสังคม ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่ในพื้นที่ บ้านยามู

----------------



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/hSdYKzItpSs

คุณอาจสนใจ

Related News