อาชญากรรม

คุมตัว 'มือเผานั่งยาง' ทำแผน ยังยันไม่ได้ฆ่า แค่เผาอำพรางศพ ด้าน ตร.ไม่เชื่อทำเองคนเดียว

โดย nattachat_c

26 ก.พ. 2567

45 views

ความคืบหน้า กรณีเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา มีผู้พบศพถูกเผานั่งยาง ในบ่อขยะ  ในพื้นที่บ้านหนองดู่ หมู่ 4  ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น


โดยศพถูกเผาจนเหลือแต่โครงกระดูกในท่าขดตัว และยังพบเศษเส้นผมเป็นกระจุก ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ รวมทั้งขดลวดยางรถยนต์ จนกระทั่ งตำรวจส่งศพไปพิสูจน์อัตลักษณ์ และสืบสวนสอบสวนจนทราบว่า ผู้เสียชีวิต คือ  น.ส.เบญญาภา ปาณพันธ์ประภา อายุ 47 ปี หรือเป้ ชาวจังหวัดสมุทรปราการ


ส่วนผู้ต้องหา คือ น.ส.ไพจิตร คนคิด อายุ 39 ปี หรือ ไก่ ชาวบ้านหมู่ 4  ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น โดยจับกุมได้ที่บ้านของ น.ส.ไพจิตร พร้อมเก๋งฮอนด้าแจ๊ส สีขาว ของผู้ตาย ที่ใช้เป็นพาหนะขนศพ และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

-------------

พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี เปิดเผยว่า


เจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบว่า มีผู้หญิงต่างถิ่นมาพักอยู่บ้านผู้ต้องหานานหลายปี ก่อนจะหายตัวไป จึงเข้าไปตรวจสอบที่บ้านของผู้ต้องหา จนนางสาวไพจิตร ผู้ต้องหารับสารภาพว่า นางสาวเป้มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน นาน 7 ปีแล้ว  


ก่อนเกิดเหตุ วันที่ 12 ก.พ.ที่ผานมา พากันเดินทางไปบ้านพักของนางสาวเป้ ที่จังหวัดสมุทรปราการ และนั่งกินข้าวเที่ยงกัน แต่กินไปได้สักพัก นางสาวเป้เกิดชักกระตุก สำลักข้าว แล้วหมดสติ  นางสาวไพจิตร อ้างว่า พยายามช่วยเหลือเป้แล้ว แต่เป้เสียชีวิต  ด้วยกลัวจะมีความผิด จึงเอาที่นอนปิกนิกห่อศพนำร่างเป้ขึ้นรถเก๋ง ขับมาที่บ้านพัก ในจังหวัดขอนแก่น แล้วเอาไปเผานั่งยางในบ่อขยะ ในช่วงเย็น วันที่ 13 ก.พ.  


โดยตำรวจตั้งข้อหาเบื้องต้น 

  • ลักทรัพย์หรือรับของโจร
  • ช่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย  

------------------

วานนี้ (25 ก.พ.67)  เจ้าหน้าที่คุมตัวนางสาวไพจิตร หรือไก่ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างทำแผน ไก่มีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ตอบคำถามใด ๆ ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธว่า ไม่ได้ฆ่าเป้  


หลังทำแผน ตำรวจคุมตัว นางสาวไพจิตร เข้าห้องคุมขัง ที่ สภ.แวงน้อย พบว่า ผู้ต้องหามีอาการเครียด ไม่ยอมทานอาหารที่ญาตินำมาให้ ตำรวจจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ป้องกันผู้ต้องหาทำร้ายตัวเอง

------------------

ด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ งามดี  ผกก.สืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า


นางสาวไพจิตร ยังให้การหลายประเด็นที่ไม่เคลียร์ และยังเป็นที่น่าสงสัย ตำรวจจึงต้องตรวจสอบเพิ่มเติม  เบื้องต้นทราบว่า นางสาวไพจิตร และเป้ ใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันในฐานะคนรัก มาอาศัยอยู่ที่บ้านนางสาวไพจิตร  ที่ขอนแก่น ประมาณ 7 ปี  และทำอาชีพปลูกผักขายด้วยกัน


แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นางสาวไพจิตรเปลี่ยนตัวเอง จากที่เคยรักชอบผู้หญิง กลายมาเป็นผู้หญิงเต็มตัว ไม่ได้มีจิตใจเป็นทอมอีก และมักจะบอกคนอื่นว่าตัวเองโสด ทำให้มีปัญหาชีวิตคู่ กระทั่งเป้เสียชีวิต ซึ่งจากการชันสูตรศพ พบว่า ที่แผ่นหลังของศพ มีบาดแผลคล้ายถูกของมีคมฟัน ซึ่งขัดกับคำให้การของนางสาวไพจิตร ที่บอกว่า เป้สำลักข้าวเสียชีวิต

-------------

ส่วนไทม์ไลน์การเสียชีวิตของนางสาวเบญญาภา หรือ เป้ ก็พบว่าคำให้การของนางสาวไพจิตร หรือไก่ ยังขัดแย้งกับผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์  โดยตามคำให้การของไก่ บอกว่า


วันที่ 12 ก.พ.

ไปบ้านของเป้ ที่ จ.สมุทรปราการ และนั่งกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ระหว่างนั้น เป้เกิดสำลักอาหาร ชักกระตุก และหมดสติ 


ไก่บอกว่าพยายามช่วยเหลือ ด้วยการเอาน้ำมาลูบหน้า แต่เป้เสียชีวิต จึงเกิดความกลัวว่า จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่า และกลัวความผิด  จึงห่อศพด้วยผ้าขาวม้า แล้วห่อด้วยที่นอนปิกนิกอีกชั้น แล้วเอาเชือกมัด ขนไปไว้เบาะหลังของรถ เอากล่องวางทับอีกชั้น แล้วขับกลับบ้านที่ขอนแก่นทันที  โดยถึงบ้านในเวลาประมาณ 22.00 น. จากนั้นตลอดทั้งคืน ทิ้งศพไว้ในรถ ไม่ได้นำลงจากรถ


แต่ตำรวจพบข้อมูลว่า หลังจากเป้เสียชีวิต แทนที่จะแจ้งตำรวจ แต่ไก่ หรือไพจิตร กลับขนศพกลับขอนแก่น และคืนนั้นตลอดทั้งคืน พบว่า ไก่ใช้โทรศัพท์มือถือ เซิร์จหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเผาอำพรางศพ

ว่าจะต้องใช้ยางรถยนต์กี่เส้น ใช้น้ำมันกี่ลิตร ซึ่งข้อมูลจุดนี้ ทำให้ตำรวจสงสัยว่า มีการฆ่าอำพรางศพ ไม่น่าจะเป็นการสำลักข้าวแล้วเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังพบว่า ในวันที่ 12 ก.พ. ไก่มีการเซิร์จหาข้อมูล เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินด้วย


วันที่ 13 ก.พ.  

ไก่ให้การว่า พาน้องเอ อายุ 5 ขวบ ลูกบุญธรรมที่ทั้งคู่รับเลี้ยงไว้ ไปส่งโรงเรียน โดยขณะที่ พาลูกชายนั่งรถไปโรงเรียนนั้น ก็ยังมีศพของเป้ ถูกห่อวางไว้เบาะหลังด้วย 


พอส่งลูกเสร็จแล้ว ก็ขับรถตระเวนหายางรถยนต์เก่าตามหมู่บ้าน จนไปพบยางรถ 2 เส้นในบ้านร้า จึงขนขึ้นรถ จากนั้น ขับรถไปซื้อน้ำมันเบนชิน 95 จำนวน 1 แกลลอน ราคา 100 บาท ที่ปั๊มถนนสายแวงน้อย-ชัยภูมิ  ซึ่งมีกล้องวงจรปิดของปั๊มจับภาพได้  


ด้าน พนักงานปั๊ม เล่าว่า

คนขับรถเก๋งคันนี้  ไม่ได้ลงจากรถ แต่ใช้วิธีเปิดกระจกลงเพียงเล็กน้อย แล้วยื่นแกลลอนน้ำมันออกมาให้พนักงานปั๊มเอาไปเติม และพอเติมเสร็จแล้ว ก็เปิดกระจกเพียงเล็กน้อย เพื่อยื่นมือออกมารับแกลลอนน้ำมัน ก่อนจะขับรถเลี้ยวขวาออกจากปั๊มไป คาดว่าคนขับคงกลัวกลิ่นเหม็นของศพจะโชยออกมา หรือกลัวคนจะเห็นศพ หรือความผิดปกติที่เบาะหลัง



วันที่ 13 ก.พ. เวลา 16.00 น.

ไก่ขับรถไปรับลูกที่โรงเรียน  โดยให้ลูกนั่งที่เบาะหน้า แล้วแวะร้านสะดวกซื้อ ซื้อของให้ลูกกิน แล้วขับรถไปที่บ่อขยะ จากนั้น ไก่ลากศพลงจากรถ แล้วกลิ้งลงไปที่บ่อขยะ  ราดน้ำมัน นำยางรถยนต์ 2 เส้น มาวางทับชั้นสุดท้าย พูดกับศพว่า อย่าเน่าอย่าเหม็น ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์นะ แล้วจุดไฟเผาทันที ก่อนจะขึ้นรถกลับบ้านไปใช้ชีวิตตามปกติ


โดยไก่ให้การว่า ทำทั้งหมดเพียงคนเดียว ไม่มีใครช่วยเหลือ แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะจากสภาพของบ่อขยะ น้ำหนักของศพ ลักษณะรูปร่างของไก่ ไม่น่าจะมีแรงพอที่จะเคลื่อนย้ายศพได้เองเพียงลำพัง น่าจะต้องมีคนช่วย


ตำรวจยังพบด้วยว่า ในวันที่ 15 ก.พ. นางสาวไพจิตร หรือไก่  ได้เซิร์จหาข้อมูลเรื่องโฉนดที่ดินอีกครั้ง  และในวันเดียวกัน พบว่า ไก่ได้อัดคลิปวิดีโอร้องเพลงหน้าตาระรื่น โดยระบุแคปชั่นวีดีโอว่า

“ตำแหน่งต่อไป...ถือเป็นแฟนเก่า...ยังยิ้มเบา ๆ โอเคเด้อ ขึ้นแท่นเป็นแฟนเก่า ไปหาฟ้อนฟังลำหม่องม่วน“


วันที่ 17 ก.พ.

มีพนักงานขับส่งน้ำดื่มในหมู่บ้าน ไปพบศพถูกเผานั่งยาง ซึ่งในวันนั้น ไก่ได้โพสต์ภาพ และข้อความว่า กำลังไปล้างรถกับเป้  ซึ่งตำรวจมองว่า อาจเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ


และยังพบด้วยว่า หลังเอาศพไปเผานั่งยางแล้ว ไก่เอารถเข้าอู่ล้างทำความสะอาดทันที จากนั้น ถอดเบาะหลังออก เอากาละมังใส่ถ่านหุงต้ม วางไว้ที่เบาะหลัง ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะวางไว้ดับกลิ่นเหม็นในรถ


วันที่ 18 ก.พ.

ไก่โพสต์โซเชียล ไปเที่ยวงานวัด และอัดคลิปเพลงรถแห่ ซึ่งเป็นคลิปสุดท้าย ก่อนจะถูกจับกุมในวันที่ 24 ก.พ.


พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า  

จนถึงขณะนี้ ไก่ยังยืนยันว่า ไม่ได้ลงมือฆ่าผู้ตาย ไม่ได้มีความเคียดแค้นกับผู้ตาย แต่รับสารภาพว่า เป็นคนเผาอำพรางศพจริง เพราะกลัวที่เป้สำลักข้าวเสียชีวิต และไม่กล้าแจ้งตำรวจ  


รวมทั้งยืนยันว่า ขนย้ายศพไปเผาด้วยตัวเอง ไม่มีใครช่วยเหลือ แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เพราะยังมีความขัดแย้งให้หลายประเด็น ทั้งเรื่องบาดแผลบนตัวศพ ไทม์ไลน์การเสียชีวิต พฤติกรรมของนางสาวไพจิตร ทั้งก่อนและหลังเผาศพ 


รวมทั้งประเด็นที่นางสาวไพจิตร บอกกับชาวบ้านในพื้นที่ว่า จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เจ้าหน้าที่จึงยังต้องสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมว่า นางสาวเบญญาภา หรือเป้ เสียชีวิตจากสาเหตุใดกันแน่ และมีใครร่วมก่อเหตุกับนางสาวไพจิตรหรือไม่  


ทั้งนี้ ด้านนางประยูร อายุ 63 ปี ป้าของไก่ เปิดเผยว่า

ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ ทราบว่า ไก่กับเป้ อยู่ด้วยกัน รักใคร่กันดี ไม่เคยทะเลาะกัน และช่วยกันทำมาหากิน ก่อนจะรับน้องเอ เด็กชายอายุ 5 ขวบ มาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งป้าบอกว่า ทั้งเป้และไก่ ไม่มีท่าทางผิดปกติอะไร และไก่ยังเป็นคนดีมาก รักเป้เหมือนพี่น้อง  จนกระทั่ง มาทราบเรื่องจากแม่ของไก่ ว่าไก่ถูกจับ


ทั้งนี้ แม่ของไก่ก็ไม่เชื่อว่า ไก่จะฆ่าเป้ รวมทั้งเป้ก็มีโรคประจำตัวหลายโรค เวลากินอะไรก็มักจะแน่นหน้าอก  จึงไม่เชื่อว่าไก่ที่ดูแลรักษาเป้มาอย่างดีหลายปี จะมาลงมือฆ่าเป้ได้ลงคอ

--------------
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/U7gopJD4KI8

คุณอาจสนใจ

Related News