อาชญากรรม

แม่ร้อง ลูกสาว ม.5 ถูกรุ่นพี่ ม.6 ทักแชทคุกคาม ถีบประตูห้องน้ำในรร. หวังข่มขืน

โดย nut_p

23 ก.พ. 2567

120 views

แม่ร้อง ลูกสาว ม.5 ถูกรุ่นพี่ ม.6 ทักแชทคุกคาม ตามเข้าห้องน้ำในรร. ถีบประตูจนกลอนพังหวังข่มขืน ครูช่วยวางแผนจับได้ สุดท้ายรับสารภาพ ผ่านมาเพียง 2 วัน ก็ยังทักแชทคุกคามลูกสาวซ้ำอีก จึงรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความ หวั่นลูกสาวและนักเรียนหญิงคนอื่น ๆ จะได้รับอันตราย



เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ห้องประชุมของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรสาคร นายพรนิวัติ สนั่นเอื้อ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรสาคร-สมุทรสงคราม พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีนักเรียนเกือบถูกรุ่นพี่กระทำการข่มขืนในห้องน้ำในสถานศึกษา ของโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาชื่อดังในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร ตามที่มีการโพสต์ลงในเฟสบุ๊ค โดยในการตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้ ก็มีคณะผู้บริหาร และคณะครู ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม



สำหรับในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ว่าที่ร้อยตรีธงชัย เชื้อนิล หัวหน้าครูระดับชั้น ม.6 ได้เป็นผู้ชี้แจงว่า นักเรียนคนนี้คือ นายเอ (นามสมมติ) เป็นนักเรียนชั้น ม.6/10 จะมีพฤติกรรมที่ชอบไปอยู่กับกลุ่มที่มีนักเรียนผู้หญิง หรือ กลุ่มที่แต่งคอสเพย์ โดยนายเอ จะมีพฤติกรรมไปแตะเนื้อต้องตัวนักเรียนกลุ่มคอสเพย์ จึงทำให้ถูกห้ามไม่ให้เข้ากลุ่ม โดยนักเรียนหญิงคนแรกนี้ อยู่ห้อง ม.5/7 เมื่อเกิดเรื่องแรกขึ้นมาก็มีเพียงแค่คำพูดที่เป็นหลักฐานว่าถูกลวนลาม และมีกลุ่มเพื่อนที่ช่วยให้ปากคำเท่านั้น แต่ไม่มีหลักฐานอื่นใด โดยทางโรงเรียนก็ได้ทั้ง ตักเตือน , ทำทัณฑ์บน,ตัดแต้มคะแนนความประพฤติ และ เข้าค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ว่าด้วยระเบียบการลงโทษนักเรียนทุกอย่าง



ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 เด็กนักเรียนหญิง ม.5/12 เริ่มจากที่นักเรียนได้เข้าไปในห้องศิลปะ โดยเด็กหญิงเข้าไปในห้องศิลปะ ส่วนนายเอก็เข้าไปห้องศิลปะเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงวัตถุประสงค์ที่เข้าไป โดยนายเอแจ้งว่า เข้าไปเพื่อปริ้นท์งาน ส่วนนักเรียนหญิงแจ้งว่าเข้าไปเพื่อทำงาน โดยทั้งสองจึงเข้าไปเจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย พอครูฝึกสอนเข้าไปเจอ แล้วเห็นว่าเป็นนายเอที่ชอบปรากฏตัวในที่แปลก ๆ หลายครั้ง ก็เลยสงสัยแล้วถามว่าทำไมถึงมาอยู่ด้วยกัน จึงเตือนว่าไม่ควรที่จะอยู่ด้วยกันแบบสองต่อสอง แล้วก็แยกย้ายทั้งสองออกจากกัน



ต่อมาปรากฏว่า มีแชทปริศนาเข้าไปที่ IG น้องผู้หญิง แล้วเขียนข้อความว่า “สวัสดีครับน้องคนสวย พี่คนที่เข้าไปปริ้นท์งานกับน้องงัย น้องกลัวพี่เหรอ” ซึ่งน้องผู้หญิงก็ไม่รู้ว่าใคร เพราะไม่มีชื่อปรากฏ ทางผู้หญิงจึงถามว่า “คือใคร” ซึ่งก็มีข้อความแชทส่งมาอีกว่า น้องอยากได้กระเป๋าสตางค์คืนมั้ย ถ้าอยากได้ให้มาเจอกันตอน 5 โมงครึ่งที่หน้าห้องน้ำ ในวันจันทร์ เมื่อนักเรียนหญิง เจอข้อความนี้ก็ได้แคปหน้าจอส่งมาให้ที่ครูฝึกสอน



ทางคุณครูฝึกสอนก็มาปรึกษาผมในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าระดับ ม.6 และคุณครูฝ่ายวินัย ผมจึงบอกว่า ชายปริศนาคนนี้เราไม่รู้ว่าเป็นใคร ฉะนั้นถ้าเราอยากรู้ว่าเป็นใคร ก็ต้องให้นักเรียนผู้หญิงไปตามนัด แต่ก็ได้มีการถามความสมัครใจของนักเรียนหญิงชั้น ม.5 นี้ก่อนแล้วว่า มีความพร้อมที่จะช่วยกันเปิดโปงโฉมหน้าชายปริศนาคนนี้หรือไม่ ซึ่งนักเรียนหญิงบอกว่าพร้อมที่จะช่วยว่า ผู้ชายคนนี้คือใครเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนหญิงในโรงเรียน จึงได้มีการวางแผนฯ กัน และมีคุณครูไปอยู่ประจำจุด กระทั่งพอ 5 โมงเย็น นักเรียนชั้น ม.5 ก็ไปนั่งที่โรงอาหารคนเดียว โดยมีคุณครูฝึกสอนคอยเฝ้าซุ่มดูอยู่ แล้วก็พบว่ามีนักเรียนชายอยู่คนเดียวที่วนเวียนอยู่ คือนายเอ



ต่อจากนั้นพอสักครู่หนึ่ง นายเอก็เดินถือกระเป๋าเข้าไปนั่งกับนักเรียนหญิงคนดังกล่าว โดยไม่มีการเชื้อเชิญจากฝ่ายหญิงแต่อย่างใด ซึ่งพอนายเอเข้าไปหา ก็ทำให้นักเรียนหญิงเกิดความกลัว จึงวิ่งไปหาครูฝึกสอนที่อยู่บริเวณหน้าตึก 8 คุณครูก็พยายามปลอบนักเรียนจนกระทั่งรู้สึกดีขึ้น จึงเดินกลับไปนั่งที่เดิมรอเวลาถึง 5 โมงครึ่งตามที่นัดหมายกับชายปริศนา นักเรียนหญิงก็เดินไปเข้าห้องน้ำก่อนเวลานัดนิดนึง โดยมีนายเอเดินตาม ซึ่งนักเรียนหญิงบอกไม่ต้องมาจะไปเข้าห้องน้ำ แต่นายเอยังคงเดินตามทั้ง ๆ ที่นักเรียนหญิงห้ามไว้ ครั้นพอนักเรียนหญิงเดินเข้าห้องน้ำไป นายเอก็นอนเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าห้องน้ำ ก่อนที่นายเอจะเดินตามเข้าไปในห้องน้ำหญิงแล้วไปเตะประตูห้องน้ำ จนกลอนหลุด นักเรียนหญิงจึงวิ่งออกมาเจอกับครูฝึกสอนที่คอยตามประกบอยู่



ซึ่งพอนายเอเห็นครูก็บอกว่า ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ทำ ผมมาช่วยน้องผู้หญิง เพราะเขาร้องว่าประตูห้องน้ำติดออกไม่ได้ ผมแค่เข้ามาช่วย แล้วนายเอก็เดินหนีไป ต่อมามีการเชิญคุณแม่ของนักเรียนหญิงมาพูดคุยกับคุณพ่อของนายเอ เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งทางคุณพ่อของนายเอยอมทุกอย่างและยอมรับไปโดยปริยายว่า ลูกของตนเองเป็นคนทำ แม้นายเอจะยืนกรานว่าไม่ได้ทำ ส่วนทางคุณแม่ของนักเรียนหญิงบอกจะไปแจ้งความ เพื่อความปลอดภัยของลูกแม่ และจะเป็นหลักประกันว่าคุณพ่อจะดูแลนายเอไม่ให้มีพฤติกรรมแบบนี้ จึงจะเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน



ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปแจ้งความและรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกคิวเข้าไปนั้น ทางคุณครูก็มีการพยายามพูดจาดี ๆ เพื่อให้นายเอรับสารภาพ และจะขอให้ทางผู้ปกครองนักเรียนหญิงเปลี่ยนจากแจ้งความเป็นลงบันทึกประจำวันแทน เพื่ออนาคตของเด็ก ๆ จะได้ไม่ติดบัญชีดำ ทำให้นายเอตรองอยู่พักหนึ่ง จึงได้รับสารภาพว่า “ผมเป็นคนทำเองครับ” และผมจะเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำมิดีมิร้ายจริง เมื่อนายเอยอมรับสารภาพแล้ว จึงได้ทำการลงบันทึกประจำวันแทนการแจ้งความ



พอเที่ยงคืนคิดว่าเรื่องนี้น่าจะจบลงด้วยดี และนายเอจะกลับตัวได้แล้ว แต่เรื่องกลับไม่จบแค่นั้น เพราะต่อมาปรากฏว่า ห่างจากที่ไปลงบันทึกประจำวันเพียง 2 วันเท่านั้น ก็มีไอจีหลุม (ไอจีปลอม) เข้าไปที่นักเรียนหญิงคนเดิมอีกว่า “สะใจที่เห็นร้องไห้ น้องสวยเนอะเวลาเห็นน้องร้องไห้” เมื่อเด็กนำข้อความมาแจ้งครู จึงทำให้คุณครูเกิดความไม่พอใจ และคำพูดมีการใช้คำที่คล้ายคลึงกันกับของเดิม จึงเรียกนายเอมาสอบถาม ทีแรกก็ไม่ยอมรับ แถมยังบอกด้วยว่า ที่รับไปคราวที่แล้วเพราะต้องการให้เรื่องจบ ๆ ไป ตนเองไม่ได้ทำ ซึ่งนายเอยืนกรานว่าไม่ได้ทำอยู่นานหลายชั่วโมง จนในที่สุดก็ยอมรับว่า ทำจริงทั้งหมด



ดังนั้นคุณครูจึงมีการลงโทษนักเรียนตามมาตรการของโรงเรียน และตามที่แม่ของนักเรียนหญิงร้องขอคือ การกักบริเวณ ไม่ให้สอบร่วมกับคนอื่น มีการตรวจกระเป๋า และไม่ปล่อยเด็กเพ่นพ่านแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำก็มีครูไปคุม ตอนกินข้าวก็สั่งมาให้กินโดยอยู่ภายในสายตาคุณครูตลอดเวลา อีกทั้งยังได้มีการพิจารณาตามหลักฐานแล้ว เสนอเรื่องให้ทางคณะผู้ดำเนินการของโรงเรียนตัดสินให้นายเอออกจากโรงเรียน เนื่องจากมีพฤติกรรมจริงตามทัณฑ์บน โดยทำเรื่องเสนอ ผอ.ไปแล้ว และยังได้แจ้งให้ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายทราบด้วย



นายพรนิวัติ สนั่นเอื้อ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรสาคร-สมุทรสงคราม กล่าวว่า ตามที่ได้มีการชี้แจงนั้นทางโรงเรียนได้ดำเนินการอย่างถูกต้องสมบูรณ์ทุกอย่างในการดูแลเด็กนักเรียนทั้งสองฝ่าย และชี้แจงทำความเข้าใจไม่ได้นิ่งนอนใจเรียกผู้ปกครองมาพบและหามาตรการร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ขอให้ทุกฝ่ายกำชับกวดขันเรื่องความปลอดภัยของเด็กนักเรียนอย่างเข้มข้นและทั่วถึง





แม่ของเด็กหญิงผู้เสียหาย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการคุกคามสิทธิส่วนบุคคล และสร้างความหวาดกลัววิตกกังวลให้เกิดกับลูกสาว รวมถึงนักเรียนหญิงรายอื่น ๆ ด้วย จึงได้นำหลักฐานเป็นข้อความแชททั้งหมดมาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีกับนักเรียนชายคนดังกล่าวให้ถึงที่สุด อีกทั้งยังต้องการให้ทางผู้ปกครองของเด็กออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะมาอ้างว่าลูกเป็นสมาธิสั้น ขาดการยับยั้งชั่งใจ และทำไปโดยไม่ทันคิดไม่ได้ เพราะหากปล่อยเด็กไปแบบนี้ก็อาจจะไปก่อเหตุกับลูกคนอื่นได้อีก





คุณอาจสนใจ

Related News