2อดีตคนเสื้อแดง โผล่หน้าบ้านทักษิณ โวยหมดศรัทธา เสื้อแดงบางพลัด แห่กันมาให้กำลังใจ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ก.พ.2567 มีอดีตคนเสื้อแดง 2 คน เดินทางมายังบริเวณหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อมาร่วมจัดกิจกรรมร่วมกับ น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักสิทธิมนุษยชน ที่จะมารณรงค์เรียกร้องทวงคืนความเป็นธรรมให้แก่นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมทางการเมืองที่ลี้ภัยไปยังประเทศกัมพูชาและได้ถูกอุ้มหายสาบสูญในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2563 เนื่องจากในวันนี้ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา จะเดินทางเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการส่วนตัว ซึ่งอดีตมวลชนเสื้อแดงทั้งสองคน ต่างนำรูปภาพที่ได้ถ่ายคู่กับนายทักษิณ มาชูเป็นสัญลักษณ์พร้อมทั้งสวมเสื้อขาวที่ปรากฏข้อความ รณรงค์ให้นิรโทษกรรมประชาชน

โดย ป้าแหม่ม หรือ น.ส.บังอร แซ่เหลี่ยง อายุ 63 ปี ได้คล้องล็อกเก็ตที่มีรูปของนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2อดีตนายกรัฐมนตรี มาด้วยพร้อมโชว์แก่สื่อมวลชน โดยระบุว่า ตนเองเคยเป็นแนวร่วมคนเสื้อแดงกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมา ตนและคนเสื้อแดงหลายคนต่างเสียสละร่วมกันต่อสู้เพื่อนายทักษิณมามากกว่า 10 ปี จนกระทั่งหลังจากที่พรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไปจัดตั้งรัฐบาล เพียงเพื่อให้นายทักษิณกลับมายังประเทศไทย จึงทำให้ตนรู้สึกหมดศรัทธาและรับรู้ว่า พวกตนถูกหลอกใช้และกลายเป็นว่านายทักษิณไม่ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคนเสื้อแดง แต่เป็นการต่อสู้เพื่อครอบครัวของตนเอง

ป้าแหม่ม กล่าวย้ำว่า ตนยังคงให้เกียรตินายทักษิณโดยการเรียกว่าท่านนายก แต่การหักหลังประชาชนเช่นนี้ ทำให้การต่อสู้ของคนเสื้อแดงทั้งหมดที่ผ่านมาเสียเปล่า การที่ตนมาในวันนี้ ก็เพื่อมาให้กำลังใจให้แก่พี่สาวของนายวันเฉลิมและแสดงออกถึงความไม่พอใจที่นายทักษิณไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อีกทั้งตนยังมองว่า นายทักษิณสร้างภาพว่าป่วย เพราะวันที่นายทักษิณกลับมายังประเทศไทย ก็เห็นว่ายังเดินได้ตามปกติมีสุขภาพแข็งแรง แต่พอเข้าเรือนจำแล้วกลับเกิดอาการป่วยขึ้นมา เพียงเพื่อเลี่ยงที่จะได้รับโทษตามกฎหมาย ยิ่งทำให้ตนหมดศรัทธาในตัวนายทักษิณ ขนาดวันที่นายทักษิณกลับมายังประเทศไทย ตนก็ไม่ไปต้อนรับ

ต่อมาเวลา 10.17 น. มีมวลชนเสื้อแดงบางพลัด 52 ประมาณ 15 คน เดินเท้ามาให้กำลังใจนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งทางตำรวจได้กั้นรั้วให้กลุ่มคนดังกล่าวจัดกิจกรรมได้อยู่บริเวณห่างจากหน้าบ้านประมาณ 100 เมตร

โดยนายณัฐวัฒน์ เสียงเปรม หรือลุงโก้ เปิดเผยว่า ตนตั้งใจเดินทางมาให้กำลังใจให้กับนายทักษิณ รู้สึกดีใจที่ท่านได้รับการพักโทษและกลับมายังบ้านแห่งนี้อีกครั้งและรู้สึกเป็นทุกข์ที่ทราบว่านายทักษิณล้มป่วย เพราะตนไม่อยากให้ท่านเป็นอะไร มองว่าถึงเวลาที่คนในประเทศชาติควรให้อภัยกันและมาเป็นกำลังใจให้กันและกัน ไม่ใช่มาจ้องจะจับผิดโจมตีกัน จะทำให้ประเทศชาติเสียหายได้ เพราะประเทศชาติบอบช้ำมามากพอแล้ว โดยเฉพาะคนบางพวกที่ยังต้องโจมตี ซึ่งจะทำให้ความวุ่นวายของบ้านเมืองไม่จบไม่สิ้น

ส่วนประเด็นที่มีคนเสื้อแดงบางกลุ่มหมดศรัทธากับตัวนายทักษิณนั้น ลุงโก้มองว่าเป็นเพียงแค่คนบางคนเท่านั้น อยากให้ย้อนนึกถึงไปช่วงที่นายทักษิณยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตอนนั้นทุกคนอยู่ดีกินดีเศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง แต่พอหลังเกิดการรัฐประหาร ก็เห็นได้ชัดว่าทุกคนใช้ชีวิตเสมือนเป็นขอทาน ไม่มีความเจริญเกิดขึ้นในประเทศ จึงอยากให้ทุกคนมองย้อนกลับไปว่า เพราะนายกทักษิณที่ทำให้ทุกคนลืมตาอ้าปากได้

ลุงโก้ยังระบุอีกว่า ถึงแม้ว่าวันนี้นายทักษิณและพรรคเพื่อไทยจะมาข้ามขั้วจับมือกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมจัดตั้งรัฐบาล ตนมองว่าไม่เป็นไรและเข้าใจได้ เพราะนายทักษิณเองก็อายุมากแล้วและต้องการที่จะหยุดเล่นทางการเมือง เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองอีก และเข้าใจว่านายทักษิณก็อยากอยู่กับลูกหลาน คนในครอบครัวก็อยากให้นายทักษิณพอ หากเป็นความคิดของท่านตนก็รับได้

ขณะที่ตำรวจ สน.บางพลัด ได้ทำการปิดการจราจร บริเวณด้านหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้าและวางแนวให้ สื่อมวลชนปักหลักทำข่าวในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัย ก่อนที่สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา จะเดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณเป็นการส่วนตัว