เลือกตั้งและการเมือง

"ไชยา" อดเข้ากระทรวงเกษตรฯ ตรวจจุดไฟไหม้ เหตุ "ธรรมนัส" สั่งปิดกระทรวงให้พฐ.เก็บหลักฐาน

โดย gamonthip_s

4 ก.พ. 2567

391 views

เวลา 14.30 น. นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ เดินทางมาที่กระทรวง เพื่อตรวจจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ ชั้น 2 ซึ่งเป็นบริเวณห้องครัวในโซนห้องทำงานที่ปรึกษาของตน โดยทันทีที่มาถึงนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไม่ได้อนุญาตให้เข้ามายังกระทรวง โดยอ้างว่าร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ได้สั่งการไม่ให้ผู้ใดเข้าไปยังพื้นที่ เนื่องจากพิสูจน์หลักฐานยังตรวจพื้นที่ไม่เสร็จ โดยมีรายงานว่าเมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานปฎิบัติหน้าที่แล้วเสร็จ มีคำสั่งให้ปิดกระทรวงฯ โดยห้ามบุคคลภายนอก และข้าราชการในกระทรวงเข้าไปในกระทรวงโดยเด็ดขาด แม้แต่นายไชยา พรหมมา รมช.เกษตรฯ ที่เป็นเจ้าของห้องก็ไม่สามารถเข้าไปได้


ซึ่งเมื่อรัฐมนตรี ไชยา เดินทางมาถึงกระทรวง และกำลังจะเลี้ยวรถเข้ากระทรวงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกไม่ให้เข้ เพราะ "เขาสั่งมา" คณะทำงานจึงถามกลับว่าเค้าคือใคร รปภ.บอกว่าก็ เขานั้นแหละครับ ก่อนที่นายไชยาจะเผยว่าได้รับแจ้งว่า "ท่านว่าการบอกว่าทางพิสูจน์หลักฐานยังไม่อนุญาตให้เข้า" คณะทำงาน จึงแสดงความไม่พอใจ พร้อมกล่าวว่า เกิดอะไรขึ้นในกระทรวงเกษตรฯ ทำไมต้องขนาดนี้ แม้แต่รัฐมนตรีที่เป็นเจ้าของห้องยังเข้ามาดูห้องตัวเองที่เกิดเหตุไม่ได้


จากนั้นนายไชยา จึงมายืนสำรวจบริเวณนอกรั้วกระทรวง พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าตนเพิ่งกลับจากต่างจังหวัดจึงมาตรวจสอบห้องที่เกิดความเสียหาย แต่ไม่สามารถจะเข้าไปยังภายในอาคารได้ ซึ่งจากรายงานเบื้องต้นความเสียหายส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ห้องครัว ก่อนจะลามไปที่ห้องทำงาน ซึ่งไม่มีเอกสารสำคัญ ส่วนที่จะไปเชื่อมโยงกับข่าวลือว่าจะเป็นการไปทำลายหลักฐาน ย้ำว่าเผาไปก็ไร้ประโยชน์ ตนจึงไม่อยากให้ไปเชื่อมโยงว่าเผาเพื่อทำลายหลักฐาน หรือไปเชื่อมโยงเป็นประเด็นทางการเมือง ว่านายศรีสุวรรณ และนายเจ๋งดอกจิก มาพบตน แล้วพูดคลุมเครือว่ามาที่กระทรวงแล้วมาพบใคร เพราะว่าตนไม่ได้ดูแลกรมการข้าว เพราะฉะนั้นจึงไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีความจำเป็นที่สองคนนั้นต้องมาพบตน ขอให้ตัดประเด็นนั้นทิ้งไปได้เลย 



ส่วนกรณีกรมฝนหลวงนายศรีสุวรรณ และนายเจ๋งดอกจิกไม่ได้มายื่นกับตน เท่าที่ทราบคือไปยื่นกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวง โดยมีฝ่ายกฎหมายเป็นคนรับเรื่อง แต่ในส่วนของตนมีคนอื่นมายืนร้องเรียนตามระบบราชการเป็นรายลักษณ์อักษร แต่ขอปกปิดเอกสาร ซึ่งตนได้ดูรายละเอียดแล้วเป็นผู้ที่มีความรู้ เข้าใจเทคนิค และระเบียบปฏิบัติของราชการ


ทั้งนี้ขอยืนยันว่าในการแบ่งงานของกระทรวง ตนกำกับดูแลในส่วนของนโยบาย ไม่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณ ตนจึงทำหนังสือรายงานไปถึงรัฐมนตรีว่าการว่าเรื่องที่คนมายื่นให้กับรัฐมนตรีกับเรื่องที่มายื่นกับตนผ่านระบบเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมีปลัดกระทรวงเป็นหัวหน้าคณะ และหน่วยงาน ได้รายงานชี้แจงเข้ามาแล้วส่งตรงไปยังรัฐมนตรีว่าการไม่ได้ผ่านตน และยืนยันว่าที่ผ่านมาทั้งสองคนนั้นไม่เคยยื่นอะไรผ่านตน เคยเจอนายเจ๋ง ดอกจิก ข้างนอกบ้าง และรู้จักกันจากม็อบเสื้อแดง พร้อมย้ำว่าการที่นายเจ๋งดอกจิก มาที่กระทรวงไม่ได้มาพบตนแน่นอน และไม่ได้มาหาทีมงานของตนด้วย พร้อมท้าให้นำกล้องวงจรปิดมาเปิดเลยว่าไปพบใครกันแน่


และที่ไปอ้างที่สภาฯ ว่ารัฐมนตรีช่วยฝากมา ขอชี้แจงว่าไม่มีความจำเป็น เพราะตนเป็นรัฐมนตรีหากเห็น การบริหารราชการที่ไม่ถูกต้อง สามารถใช้อำนาจบริหารเข้าไปตรวจสอบได้ ดังนั้นการอ้างว่าตนให้ข้อมูลไปร้องกรรมาธิการนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เรื่องของกรมการข้าว ไม่สามารถเข้าไปสั่งการอะไรได้ ขณะตนเป็นรัฐมนตรียังสั่งการอะไรไม่ได้เลย ไม่มีอำนาจโยกย้ายข้าราชการ และไม่สามารถอนุมัติงบประมาณ


"ตั้งแต่ผมมาเป็นรัฐมนตรีที่นี่ในระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่การทำสงครามปราบปรามหมูเถื่อน บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องหมู ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ตอนนี้ นอกจากเรื่องหมูเถื่อน ยังมีเนื้อเถื่อน ตีนไก่ ที่ลักลอบเข้าประเทศ ทำให้เสียหายในระบบเศรษฐกิจ เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานที่ผมได้เห็น และกำกับดูแลปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย โดยดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษดูแลแล้ว และเป็นหน้าที่ของดีเอสไอที่จะต้องทำให้กระจ่างว่าใครเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าจะเกี่ยวข้องกับนักการเมืองก็ต้องบอกให้ชัดเจน ถ้าเกี่ยวข้องกับข้าราชการ เราก็ไม่เอาไว้อยู่แล้ว" นายไชยากล่าว


ในส่วนของกรมการข้าวนั้นไม่เกี่ยวข้องกับตนอยู่แล้ว ตัดทิ้งได้เลยแต่ในส่วนของกรมฝนหลวงนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง และหน่วยงานได้ทำหนังสือชี้แจงในประเด็นที่มีข้อสงสัยมาแล้ว แต่อำนาจในการตัดสินใจเป็นของรัฐมนตรีว่าการ



ส่วนข้อกล่าวหาที่ไปร้องเรียนกรรมาธิการเรื่องของการล็อกสเปกประเทศเดียวในการจัดซื้อเครื่องบินของกรมฝนหลวงรวมถึงเรื่องของการไปดูงานต่างประเทศ นายไชยา ระบุว่า ในรายงานมีการชี้แจงว่ามีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 5 ชุด คือ 1. กรรมการคัดเรื่องเครื่องบิน 2. คณะกรรมการร่างทีโออาร์ 3. คณะกรรมการทำทีโออาร์ 4. คณะกรรมการพิจารณาเรื่องราคาและเทคนิค และ 5. คณะกรรมการตรวจรับ ซึ่งอยู่ในกระบวนการของระบบราชการ ฝ่ายการเมืองไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้ เพราะการประกวดราคาไม่ใช่แบบเฉพาะเจาะจง เพราะฉะนั้นทุกคนสามารถเข้ามาแข่งขันราคาได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นงบประมาณเก่า ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ไม่สามารถดำเนินการได้ ยกเลิกการประกวดราคามา 3 ครั้ง เมื่อตนเข้ามาจึงสั่งการให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบโปร่งใส ซึ่งคณะกรรมการทั้งห้าคณะก็ต้องชี้แจงต่อสาธารณะให้ได้ และทั้งหมดก็รายงานไปให้รัฐมนตรีว่าการพิจารณาแล้ว ว่าจะดำเนินการอย่างไร


ส่วนวันที่นายศรีสุวรรณ และเจ๋งดอกจิก เดินทางไปยื่นหนังสือกับคณะกรรมาธิการโดยใช้คำว่าคะยั้นคะยอให้กรรมาธิการของพรรคก้าวไกลมารับหนังสือ มองเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายไชยา ระบุว่า จะมองอย่างไรก็มองได้ทั้งนั้นโดยเฉพาะการอ้างว่ารัฐมนตรีช่วยเป็นคนให้ข้อมูลมาร้องเรียนก็คงเป็นใครไม่ได้นอกจากตน ตนจะไปทำอย่างนั้นทำไมไม่ต้องไปอาศัยมือของคุณเจ๋งดอกจิกยื่นกรรมาธิการ ไร้ประโยชน์


ส่วนพร้อมให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด หรือไม่นั้น ยืนยันว่ายินดี กลัวแต่กล้องวงจรปิดเสียตอนนี้ ส่วนขณะนี้ตรวจสอบกล้องแล้วหรือไม่ นายไชยา ระบุ ไม่ทราบ ต้องไปถามกองพิสูจน์หลักฐาน


ส่วนตอนนี้เข้าห้องไม่ได้ เนื่องจากได้รับความเสียหายจากการดับเพลิง นายไชยา ระบุ ไม่เป็นไรไปนั่งเซ็นเอกสารที่ไหนก็ได้ ตนเป็นคนง่าย ๆ แต่ตอนนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นคือตู้กับข้าวเสีย ตู้เย็นพัง ผลไม้พังหมด พร้อมยืนยันว่าประเด็นการเมืองไม่มี อย่าไปเชื่อมโยงประเด็นการเมืองเพราะไม่มีความขัดแย้งในกระทรวง


เมื่อถามว่ามีเอกสารสำคัญในห้องทำงาน หรือไม่ ยืนยันว่า ห้องทำงานตนมีแต่พระไปดูได้ มีแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะว่ากระทรวงเกษตร เป็นวังเก่าเจ้าที่แรง อะไรที่ไม่ดีต้องถูกปัดเป่าออกไป แล้วตั้งแต่ที่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรรู้มาตั้งแต่ต้นว่าจะต้องเจอกับอะไร แต่ตนเป็นประเภทหมูไม่กลัวน้ำร้อน


และเมื่อถามถึงเรื่องพญานาค ถือว่าพญานาคพิโรธหรือไม่ ตนบอกว่า ไม่ใช่ เพราะกระทรวงเกษตรมีสัญลักษณ์เป็นพระพิรุณทรงนาค และในห้องของตนก็เพิ่งนำพญานาคเอามาไว้ในห้อง ดังนั้นถ้ามองเป็นความเชื่อแสดงว่าพญานาค มาขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไป ก่อนจะทิ้งท้ายว่าหากใครทำไม่ดี ก็ต้องรับกรรมไปตามยถากรรม


ทั้งนี้ตนมีหน้าที่กำกับดูแลนโยบาย และก็ให้ไปแล้ว ซึ่งหากข้าราชการถูกรังแก ก็ต้องให้ความเป็นธรรม แต่หากตรวจพบมีการกระทำความผิด ก็ต้องถูกตรวจสอบ จากประชาชนองค์กรอิสระ และสื่อมวลชน

คุณอาจสนใจ

Related News