อาชญากรรม

สลด 2 ผัวเมียทหารทะเลาะบนรถ ก่อนยิงดับทั้งคู่ คาดเหตุหึงหวง

โดย nattachat_c

10 ม.ค. 2567

149 views

วานนี้ (9 ม.ค. 67) เวลา 17.30 น. ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกัน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เหตุเกิด ซอยสามัคคี 58/20 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี


ที่เกิดเหตุ พบกระบะโตโยต้า 4 ประตู รุ่นรีโว่ สีเทาดำ หนัารถด้านซ้ายชนติดอยู่กับกำแพงรั้วบ้าน ภายในรถที่เบาะนั่งคนขับ พบศพ พันโทหญิง ปาลิดา จุลกสิกร อายุ 43 ปี ทำงานอยู่สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี เสียชีวิตอยู่ในชุดเครื่องแบบ มีบาดแผลถูกยิงเข้าขมับซ้าย 1 นัด ใต้หูซ้าย 1 นัด กระสุนทะลุกระจก และฝั่งข้างประตู


ส่วนที่เบาะคนนั่งคู่คนขับพบศพ น.ต.สุรเดช บรรเทา อายุ 57 ปี ทำงานอยู่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี ที่เดียวกัน สวมเสื้อยืดคอปกสีเหลือง กางเกงขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกยิงเข้าขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด


ภายในรถยนต์ พบปืนออโต้เมติกกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. อยู่บริเวณเกียร์รถยนต์ มีกระสุนบรรจุคาอยู่ในรังเพลิง 1 นัด และในแม็กกาซีนจำนวน 4 นัด โดยมีการใช้ก่อเหตุจำนวน 2 นัด รวมทั้งหมด 7 นัด


ใกล้เคียง พบกระเป๋าสะพายสีดำภายในกระเป๋าพบลูกปืนขนาด 9 มม.ใส่อยู่ในแม็กกาซีนจำนวน 5 นัด อีก 1 แม็กกาซีน พร้อมกระสุนปืนที่อยู่ในกระเป๋าสีดำดังกล่าวมากกว่า 10 นัด


ส่วนบริเวณกำแพงบ้าน พันโทหญิงปาลิตา พบรอยกระสาุนปืน 1 นัด บริเวณกำแพงหน้าบ้าน


จากการตรวจสอบพบว่า ทั้งสองผู้เสียชีวิต เป็นสามีภรรยากัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส


ทั้งนี้ มีภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพกระบะคันเกิดเหตุได้ ขณะขับเข้ามาในซอยสามัคคี 58 เมื่อเวลา 16.58 น. ผ่านร้านขายของชำหน้าปากซอยย่อย 20 ก่อนที่ผู้เสียชีวิตทั้งคู่ จะเลี้ยวเข้าไปที่บ้านภายในซอย 20

-------------

ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสองยังอยู่ภายในรถ ประตูหน้ารถทั้งสองข้างถูกเปิดทิ้งไว้ ตัวรถปีนขึ้นฟุตบาท และมีเลือดไหลออกจากรถ


จากการสอบถาม คุณแม่ของพันโทหญิงปาลิดา (ฝ่ายหญิงที่เสียชีวิต) ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า


ก่อนเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ทั้งลูกสาว และลูกเขย ได้โทรศัพท์มาบอกตนเองว่า จะรีบมาหาที่บ้าน เนื่องจากมีเรื่องทะเลาะกัน สามีตนเองจึงบอกทั้งสองคนไปว่า ค่อย ๆ คุยกัน หลังจากกลับมาบ้านแล้ว


จากนั้น ตนเองจึงได้ออกมารอรับลูกสาวบริเวณหน้าบ้าน เพื่อเปิดประตูรั้วให้ลูกสาวถอยรถเข้าบ้าน ซึ่งขณะนั้น นาวาอากาศตรีสุรเดช (ลูกเขย) ได้นั่งอยู่บริเวณเบาะข้างของลูกสาว ส่วนลูกสาวเป็นผู้ขับรถ


แต่ระหว่างที่ลูกสาวของตนเองกำลังถอยกระบะเข้าบ้าน ตนเองได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด มาจากรถของลูกสาว ก่อนที่กระบะจะพุ่งออกไปยังหน้าบ้าน และพุ่งขึ้นฟุตบาทฝั่งตรงข้ามบ้านของเพื่อนบ้าน


จากนั้น ตนเองจึงได้ยินเสียงปืนตามมาอีก 1 นัด ตอนนั้น ตัวเองตกใจมาก และได้รีบวิ่งไปดูร่างของลูกสาว กอดร่างเอาไว้ แต่ก็พบว่า ลูกสาวเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนสามีของลูกสาวยังหายใจรวยรินอยู่ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา


คุณแม่บอกด้วยว่า ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี ไม่มีบุตร มักมีปากเสียงทะเลาะกัน


ส่วนสาเหตุการก่อเหตุในครั้งนี้ คาดว่าฝ่ายชายอาจหึงหวงฝ่ายหญิง ที่มีอายุห่างกันหลายปี และฝ่ายหญิงเป็นคนที่มีหน้าตาดี ตกลงปัญหารักไม่ได้ เลยก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง

-------------

ด้าน นายจักรกฤษณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 83 ปี พ่อของพันโทหญิงปาลิดา (ผู้เสียชีวิต) เดินทางมาที่บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาที่อยู่อาศัยกับลูกสาว  และลูกเขย โดยคุณพ่อได้เปิดเผยกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ว่า


ตนเองอาศัยอยู่คนละบ้านกับลูกสาว ที่ผ่านมาพอจะทราบว่า ลูกสาวคบหากับชายคนนี้ เป็นสามีภรรยากันมานานประมาณ 4 - 5 ปี แล้ว  


นิสัยของลูกเขย เป็นคนหึงหวงลูกสาว ส่วนเรื่องทะเลาะกัน ตนไม่ทราบ เพราะอยู่คนละบ้าน แต่ได้ข่าวว่าทะเลาะกันบ้าง ไม่รู้ว่ามีการทำร้ายร่างกายกันหรือไม่


ก่อนหน้านี้ ทางฝ่ายชายน่าจะมีครอบครัว แล้วเลิกกันมาอยู่กับลูกสาวของตน ส่วนจะจดทะเบียนหรือเปล่า ตนไม่ทราบ


คิดไว้แล้วว่าวันหนึ่ง ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งตนมีลางสังหรณ์ว่า ลูกสาวจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่เรื่องมันเกิดเร็วเกินไป ตนไม่กล้าเตือนลูกสาว เลี้ยงได้แต่ตัว ส่วนหัวใจเลี้ยงไม่ได้ เคยบอกภรรยาว่า ให้เตือนลูกสาวระวังตัวไว้ ความคิดของคนมันเปลี่ยนทุกนาที อาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบ หรือคิดมานานแล้ว ตนไม่ทราบ


มีช่วงหนึ่ง คุณพ่อพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ยังไม่ได้เจอลูกสาวเลย คาดว่าวันนี้ (10 ม.ค. 67) คงได้เจอ และก็ยังนึกไม่ออกว่า จะบอกอะไรลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย  เพราะทุกอย่างมันรวดเร็วมาก


เมื่อถามคุณพ่อว่า เหตุที่เกิดขึ้นมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

คุณพ่อ ตอบว่า ไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต เชื่อว่าการเสียชีวิตของลูกสาว เป็นฝีมือลูกเขยแน่นอน แต่เรื่องมันเป็นไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้


“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้อยู่ด้วยกับเขา มันพูดยาก ลูกสาวไม่เคยบอกอะไร คุยส่งไลน์ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา เขาส่งข้อความมาสวัสดีปีใหม่ พ่อส่งใบเสร็จชำระเงินไปให้ ลูกสาวก็ตอบว่าขอบคุณค่ะ”


เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นคุณพ่อบอกกับนักข่าวว่า “เคยได้ยินไหมรักต้องฆ่าเหมือนกับหนัง”


ทั้งนี้ ทีมข่าวสังเกตพบว่า ตลอดระยะเวลาช่วงที่เจ้าหน้าที่กำลังห่อศพ และนำร่างของลูกสาวขึ้นรถของมูลนิธิกตัญญู คุณพ่อก็คอยยืนมองตลอดเวลา

-------------

ทีมข่าว ได้สอบถาม รปภ.ของหมู่บ้าน ให้ข้อมูลว่า


ขณะเกิดเหตุนั้นพบรถของพันโทหญิงขับมาด้วยความเร็ว เหมือนกับโกรธใครมาหรืออารมณ์ไม่ดี ซึ่งตามปกติในหมู่บ้านจะมีลูกระนาดเพื่อให้รถชะลอความเร็ว แต่รถกระบะของพันโทหญิงนั้นขับโดยไม่เบรค และเลี้ยวโค้งเข้าไปอย่างรวดเร็ว


จากนั้นไม่นานก็มีลูกบ้านที่อยู่ใกล้เคียงวิ่งมาบอก รปภ. ว่ามีการยิงกันในรถยนต์ รปภ. จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและบอกกับกรรมการหมู่บ้าน // สำหรับพันโทหญิงนั้นเป็นคนอัธยาศัยดีที่ผ่านมามักจะเอาขนมและเครื่องดื่มมาฝาก รปภเป็นประจำ


ขณะที่นายต้น (นามสมมติ) (คนสวมแว่น) ญาติฝ่ายชาย กล่าวว่า ตนกับผู้ตายฝ่ายชายเป็นญาติกัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้เจอกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ที่ตนเคยรเจอเขาก็เป็นคนอารมณ์ดีตลอด


เบื้องต้นทางครอบครัวยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดมาจากเรื่องอะไร แต่ทางครอบครัวที่จังหวัดอุตรดิถต์ ทราบข่าวแล้ว กำลังเดินทางมา ซึ่งคงต้องปรึกษากันอีกครั้งว่าจะรับศพกลับไปทำพิธีทางศาสนาที่จ.อุตรดิตถ์ต่อไป


ทางด้านพ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตรวจสอบเบื้องต้นทั้งคู่เป็นทหารทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และมีรอยถูกยิงที่ศรีษะทั้งคู่ และรถกระบะขับมาเกยพื้นถนน สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าเป็นสามีภรรยากันบ้านอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ทราบว่าสาเหตุคือทั้งคู่ทะเลาะกันมาก่อน


คาดว่าฝ่ายชายเป็นผู้ยิงฝ่ายหญิงก่อน และยิงตัวเองตายตามไป ซึ่งทั้งสองนั่งรถมาคันเดียวกัน ซึ่งปืนที่คุณแม่ฝ่ายหญิงเห็นพบว่าอยู่ในมือของผู้ชาย และทั้งคู่คบหาดูใจกันมานานกว่า 5 ปี ไม่ได้จดทะเบีบนสมรส


และพบว่าฝ่ายชายเคยมีครอบครัวมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่ทราบว่าหย่าร้างหรือไม่ ซึ่งแม่ฝ่ายหญิงบอกว่า ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อย


เมื่อช่วงกลางวันเป็นช่วงเวลาใกล้เลิกงาน ทั้งคู่ได้โทรมาหาแม่ว่าทะเลาะกัน ทางแม่จึงรีบกลับมาบ้านเพื่อมาดูและจะเข้ามาห้ามปราม เพราะคาดว่าจะทะเลาะกันหนักมาก เมื่อทั้งคู่ถึงบ้านยังไม่ได้ลงจากรถ และยังไม่ได้เข้าบ้านก็เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งสาเหตุมาจากความหึงหวง ฝ่ายหญิงเป็นทหารบก ฝ่ายชายเป็นทหารอากาศ


สำหรับร่างของทั้งสองคนนั้นเจ้าหน้าที่นำไปตรวจชันสูตรที่สถาบันวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต และจะส่งมอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลในเช้าวันนี้ (10 ม.ค. 67)


ขณะที่ ครอบครัวของฝ่ายชายเตรียมที่จะนำร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดที่จังหวัดอุตรดิตถ์

---------------


คุณอาจสนใจ

Related News