เศรษฐกิจ

ทีดีอาร์ไอ ห่วงโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ทำเงินเฟ้อ-หนี้สาธารณะพุ่ง

โดย paranee_s

9 ม.ค. 2567

25 views

นางกิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก ทีดีอาร์ไอ เผยบทวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2567 เชื่อว่า “จุดสูงสุด” ของอัตราดอกเบี้ยโลก จะอยู่ถึงแค่ช่วงต้นปี 67 นี้เท่านั้น ก่อนที่ในครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะลดลง แต่เป็นการลดในอัตราไม่มากนัก คาดว่าลดลงไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ในปลายปีนี้


ด้านเศรษฐกิจไทยปี 67 คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ แต่หากรัฐเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะโตเพิ่มขึ้นอีกครึ่งเปอร์เซ็นต์ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวมากกว่าปีที่ผ่านมา ได้แก่ รายได้จากการท่องเที่ยว ที่คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 35 ล้านคน บวกกับการส่งออก ที่ฟื้นตัว การลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศมากขึ้น และเม็ดเงินลงทุนภาครัฐ 2-3 แสนล้านบาท


อย่างไรก็ตาม ในประเด็นเงินดิจิทัล ที่ต้องกู้เงิน 5 แสนล้านบาท แม้เงินก้อนนี้จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้น แต่ผลการศึกษาทางเศรษฐศาสตร์หลายชิ้น พบว่า นโยบายในลักษณะนี้ ผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง จะไม่นำเงินที่ได้รับไปใช้จ่าย แต่จะเก็บเงินของตัวเองไว้ และไปใช้จ่ายด้วยเงินของภาครัฐแทน รวมทั้งมีเงินบางส่วนไหลออกนอกประเทศ จากกรณีการซื้อสินค้านำเข้า


ซึ่งจากประสบการณ์ของญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่เคยใช้วิธีการนี้ ต่างพบว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจะได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่ากับเงินที่ลงไป และไม่ได้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเท่าที่ควร อีกทั้งยังเป็นความเสี่ยง ที่นอกจากจะส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยแล้ว ยังทำให้หนี้สาธารณะของไทยเพิ่มมากขึ้น


นอกจากนี้ยังมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทย เนื่องจากตัวเลขของหนี้สาธารณะ เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับเรตติ้งของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ BBB+ หากถูกลดลงเป็น BBB จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดหุ้นและพันธบัตร ที่สำคัญหากจะมีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ จะต้องแบกรับกับภาระที่สูงขึ้น เพราะเรตติ้งที่ลดลงทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น

คุณอาจสนใจ

Related News