เลือกตั้งและการเมือง

'เผ่าภูมิ' แจงแบงก์ชาติ-รัฐบาล มองต่างกัน ปมเงินดิจิทัล ชี้ประเทศต้องเดินหน้า เพราะคนส่วนใหญ่เห็นด้วย

โดย thichaphat_d

26 เม.ย. 2567

57 views

วานนี้ (25 เม.ย. 67) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเลขานุการ รมว.คลัง ชี้แจงในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ กรณีเอกสารแบงก์ชาติหลุดค้านแจกเงินหมื่น โดยระบุว่า

ทุกอย่างมันจบไปแล้ว มองคนละจุดประสงค์ คนละเป้าหมาย วิธีการ วิธีทำเลยต่างกัน แบงก์ชาติคือหนึ่งในคณะกรรมการ มีสิทธิ์ที่จะคัดค้าน แต่ประเทศต้องเดินหน้าต่อเพราะคนส่วนใหญ่เห็นด้วย ทุกคนสำคัญเท่ากัน ไม่มีใครสำคัญกว่าใคร ผู้ว่าฯแบงก์ชาติไม่ได้สำคัญกว่าเลขาธิการสภาพัฒน์ ไม่ได้สำคัญกว่ากระทรวงพาณิชย์ แหล่งเงินที่ใช้ก็ปลอดภัยที่สุด ทุกอย่างอยู่ในอำนาจของรัฐบาล

ถ้าสมมุติเราเอาความเห็นของของคนส่วนน้อยมา ก็จะทําให้ความเห็นคนส่วนใหญ่เดินไม่ได้ ทุกคนสําคัญเท่ากัน ในคณะกรรมการทุกคนเป็นหนึ่งเสียงไม่มีใครสําคัญกว่าใคร

ส่วนประเด็นที่ว่าร่างหนังสือแบงก์ชาติมาถึงก่อนเข้าคณะรัฐมนตรี แล้วไม่ได้เอามาประกอบพิจารณานั้น ทาง ครม.ได้นำมาพิจารณา และมีการลงมติตามที่มีการแถลงออกมา ซึ่งประเด็นของแบงก์ชาติ ประเด็นนี้ ได้มีการคุยกันมานานคุยกันมาเป็นประมาณ 7-8 เดือน ตั้งแต่เริ่มมีคณะกรรมการขึ้นมา

เรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องใช้เม็ดเงินจํานวนมาก ต้องใช้กลุ่มเป้าหมายจํานวนมาก โจทย์มันคนละโจทย์วัตถุวัตถุประสงค์มันคนละวัดวัตถุประสงค์เพราะฉะนั้นวิธีการทําเลยเป็นคนละวิธีการ

ซึ่งดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ใช่การแจกเงินที่หายไป มันเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทําไมเราถึงไม่แจกเป็นก้อนเล็กๆ เพราะแบบนั้นคือการแจกและหายไป ไม่สามารถกระตุกภาคการผลิตของประเทศได้ เพราะฉะนั้นอาจเราเลยมีการแจกที่เป็นก้อนใหญ่รวดเร็วกําหนดระยะเวลา กําหนดพื้นที่เพื่อให้มันชักจูงการผลิตของประเทศได้ เพราะฉะนั้นคํากล่าวอ้างที่ว่าเป็นการใช้และหายไปอาจจะไม่ถูกต้องนัก

สำหรับข้อกังวลว่า หากรัฐบาลทุ่มเงินไปเยอะแล้ว ถ้าไม่เป็นตามคาดจะเกิดปัญหาอะไรหรือไม่นั้น ก็ต้องมาดูว่าโครงการนี้ทําให้เกิดความเสี่ยงทางการคลัง แบบไหนอย่างไร แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะบอกว่ามันก็ไปตัวเพิ่มตัวหนี้สาธารณะ แต่หนี้สาธารณะก็ต้องดูหนี้สาธารณะต่อจีดีพีว่าสิ่งที่ลงไปมันก็จีดีพีเพิ่มหนี้สาธารณะมันก็จะลดลง ถึงแม้ว่ามองแบบแย่ที่สุด มองแบบที่ไม่เป็นจริงเลย มันไปเพิ่มหนี้สาธารณะอย่างเดียวแต่ไม่เพิ่มจีดีพีเป็นตัวส่วนเลย นั้นก็ไม่ทําให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีเกิน 70% ซึ่งเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังที่ถูกกำหนดไว้

ส่วนที่มีคนถามว่ากลัวติดคุกจากนโยบายนี้ไหมนั้น นายเผ่าภูมิตอบว่า เราย้ายมาใช้แหล่งเงินที่เรียกได้ว่าปลอดภัยที่สุด ทุกอย่างอยู่ในอํานาจของรัฐบาล กระบวนการงบประมาณที่ทําตัวขาดดุลงบประมาณในปี 68 รวมถึง 3 ข้อเสนอในปี 67 รวมทั้ง ม.28 ทุกอย่างมันก็เข้าเข้าช่องของกฎหมายและถ้าอะไรที่มันยังมีความเห็นที่อาจจะยังแย้งกันอยู่ก็จะมีการส่งกันไปตีความในกฤษฎีกา



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/oFcfNmOv9Tw

คุณอาจสนใจ

Related News