เลือกตั้งและการเมือง

'ก้าวไกล' ตั้งข้อสงสัยงบกลาโหมเพิ่มขึ้น ถาม 'บิ๊กทิน' มีมือที่มองไม่เห็นหรือ - เจ้าตัวยัน ไม่ได้ซูเอี๋ย-อวยกองทัพ

โดย petchpawee_k

5 ม.ค. 2567

75 views

“ก้าวไกล” ถกงบความมั่นคง “เอกราช” ตั้งข้อสงสัยงบกลาโหมเพิ่มขึ้น ถาม “บิ๊กทิน” มีมือที่มองไม่เห็นหรือไม่ ไฉนท่าทีเปลี่ยนไป เหน็บคงมีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่เป็นหุ่นเชิด แนะต้องไม่ปล่อยให้กองทัพจัดการเอง ขอเท่าไหร่ก็ Say yes 


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วาระแรก วันที่สอง (4 ม.ค.67)   เวลา 12.25 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ว่า ตนดีใจมาก ที่ทราบว่า นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นพลเรือนคนแรกที่มาคุมทหาร จึงฝากความหวังว่า จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนกองทัพให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และหวังว่าจะเข้าใจมุมมองที่ประชาชนมีต่อกองทัพได้ 

แต่ตอนนี้ ตนเริ่มลังเล เพราะนโยบายปฏิรูปกองทัพของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่เคยให้สัญญาไว้   ภาพรวมก็เหมือนจะมองเห็นปัญหาของกองทัพ  ไม่ต่างไปจากที่พรรคก้าวไกลและประชาชนมอง จากคำแถลงของนายกรัฐมนตรีที่ให้ไว้ต่อสภา ที่ระบุว่าจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ ปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารให้เป็นแบบสร้างสรรค์ ลดกำลังพลนายทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูง ปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้างให้ทันสมัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และนำพื้นที่ของหน่วยทหารที่เกินความจำเป็นมาให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่วันนี้ เห็นการตั้งงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ทำให้ตั้งคำถามว่าจะได้เห็นกระทรวงกลาโหมรูปใหม่ กองทัพโฉมใหม่ที่ทันสมัยได้หรือไม่


นายเอกราช ชี้ว่า  ภาพรวมกระทรวงกลาโหม ขอรับการจัดสรรงบประมาณเกือบ  1.98 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8 พันล้านบาท แต่เมื่อมาดูสัดส่วนการจัดสรรงบประมาณด้านต่างๆ โดยเฉพาะงบประมาณรายจ่ายบุคลากรภาครัฐ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี


“ไหนบอกว่ารัฐบาลจะลดกำลังคนไง ปี 67 ก็เพิ่มขึ้น … นี่คือภาพสะท้อนว่ากองทัพ กระทรวงกลาโหมกำลังขยายขนาดหรือไม่ สวนทางกับแผนลดกำลังพลที่นายกฯ แถลงต่อสภาฯ โดยสิ้นเชิง  ลดตรงไหน เอาปากกามาวง บิ๊กทิน ท่านรัฐมนตรีต้องอธิบายหน่อย ว่าเหตุใดท่านจัดงบประมาณไม่สมเหตุสมผล และย้อนแย้งกับนโยบายที่นายกฯได้แถลงไว้ว่าจะลดกำลังพล” นายเอกราช กล่าว


นายเอกราช ย้ำว่า งบประมานกระทรวงกลาโหมส่วนใหญ่หมดไปกับบุคลากรภาครัฐ 55% และหากดูเฉพาะกองทัพบก  ใช้งบประมาณถึง 64% ของงบประมาณกองทัพบก  ในขณะที่งบบุคลากรที่สหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 30 % เท่านั้น  


และเมื่อดูแบบละเอียดเข้าไปงบประมาณบุคลากรยังซ่อนรูปอยู่ในงบประมาณอื่น ที่ใช้กับทหารกองประจำการ ทั้งค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าอาภรณ์เครื่องแต่งกาย ค่าใช้จ่ายในการเรียกเกณฑ์และปลดปล่อยกำลังพล เมื่อรวมค่าตอบแทนทหารกองประจำการงบประมาณจะสูงถึง 14,000 ล้านบาท


“แต่ทหารกองประจำการก็ส่งเสียงมาว่า จะจัดซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์ประกอบเลี้ยงพวกเขา ก็ซื้อของที่ดีมีคุณภาพ ไม่ใช่เอาของจับฉ่ายมาให้ ทหารกองประจำการเขาอยากไปยึดสมรภูมิ แต่กลับถูกยึดบัตรเอทีเอ็ม” นายเอกราช กล่าว


นายเอกราช ยังตั้งคำถามว่า นายสุทินทราบปัญหาหรือไม่ แล้วแบบนี้ใครจะอยากมาเป็นทหาร อยากถูกยึดบัตรเอทีเอ็ม ถูกหักหัวคิวค่าเบี้ยเลี้ยง พร้อมเสนอว่าควรชี้ให้ชัดว่า ต้องการทหารกองประจำการเท่าไหร่กันแน่ มีผู้สมัครจริงเท่าไหร่ แล้วต้องบังคับเกณฑ์อีกเท่าไหร่ ในฐานะผู้บริหารกระทรวง ถ้าไม่ตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัด จะวัดผลได้อย่างไร ประชาชนที่เขารอยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เขาจะได้รู้ว่ายกเลิกเกณฑ์ทหารกี่โมง


นายเอกราช ย้ำว่า นายสุทินต้องไม่ปล่อยให้กองทัพจัดการกันเอง เขาเสนอมาเท่าไหร่ก็ say yes อย่าให้รัฐมนตรีเป็นแค่ตรายาง อย่างทหารเกณฑ์ในช่วงโควิดที่ผ่านมา กองทัพก็สามารถลดทหารกองประจำการ ลดงบประมาณลงไปได้ แต่พอมาช่วงนี้ ยังคงใช้อัตราใกล้เคียงแบบเดิม สรุปยังเป็นนโยบายเรือธงหรือไม่ อยากให้ช่วยตอบแบบเป็นวิทยาศาสตร์ ว่าเราต้องมีทหารเท่าไหร่ และจำเป็นต้องมีนายพลเท่าไหร่


พร้อมยกตัวอย่าง การจัดหารถประจำตำแหน่งของกระทรวงกลาโหม 565 ล้านบาท ในส่วนนี้งบประมาณไม่เคยลดลงต่อเนื่อง ภายใต้ระเบียบกระทรวงกลาโหม สะท้อนว่านายพลไม่เคยลดลงเลย ย้อนแย้งกับแผนลดกำลังพล


“นายพลมีศักดิ์ มีสิทธิ์เท่าอธิบดีหรือไม่ นายพลมีประมาณ 2,000 คน ถ้าใช่ จะกลายเป็นมีอธิบดีเดินเบียดกันประมาณ 2,000 คน  ขณะที่กระทรวงอื่นเขามีกันแค่ 10 คน จนถึงวันนี้กรรมาธิการการทหารขอจำนวนกำลังพลที่ชัดเจน ก็ไม่เคยได้รับ” นายเอกราช กล่าว 


นายเอกราช ตั้งคำถามว่า นายสุทินจะลดกำลังพลหรือไม่ หรือจะไปร้องเพลงอย่างเดียว ทั้งนี้ ตนยังติดใจเรื่องงบลับของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ว่าทำไมยังเท่ากันทุกปีอัตราการเบิกจ่ายรวดเร็ว ครบถ้วน 100% สส.พรรคเพื่อไทยก็อภิปรายกันอย่างดุเดือด นายสุทินจะทำอย่างไร


“สุดท้ายถ้าท่านปรารถนาจะปฏิรูปกองทัพด้วยงบลับ สานสัมพันธ์กับทหาร เกือบ 500 ล้านบาท  ที่มีคำชี้แจงแค่บรรทัดเดียว อิ่มกันทั่วหน้าหรือไม่ มิหนำซ้ำระเบียบ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินมีการปิดปากเขียนล็อกเอาไว้ว่า ผู้ใดเปิดเผยข้อมูลจากการตรวจสอบเงินราชการลับ ผิดวินัยร้ายแรง ต้องรับโทษตามกฏหมาย และผิดจริยธรรมด้วย ผมไม่มั่นใจว่าภายใต้อำนาจทางการเมืองที่ทหารมีในขณะนี้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจะต้องเจอกับอะไรบ้าง  งบลับคือช่องทางให้ลาภอย่างลับๆของนายทหารผู้มีอำนาจหรือไม่”


นายเอกราช ยังอภิปรายถึงงบทหารพัฒนาในการใช้เพื่อพัฒนาประเทศ ที่ไปทับซ้อนกับงบหน่วยงานอื่น มองว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง  


“กลัวคนจะรู้เหรอครับว่าเราไม่จำเป็นต้องมีทหารเยอะอย่างที่เป็นอยู่ ก็เลยหางานใส่ตัว กลัวคนไม่เห็นความสำคัญ มันขี้เหงาอะไรขนาดนี้ครับ” นายเอกราช กล่าว


นายเอกราช ยังยกตัวอย่างพื้นที่ EEC ว่า โครงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นสนามบินพาณิชย์ กองทัพเรือไปกู้เงินจากต่างประเทศมาสร้าง ขอตั้งคำถามว่า กู้มาสร้างได้อย่างไร กองทัพเรือเกี่ยวข้องอะไร เพราะไม่ใช่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง แบบนี้หวังเงินทอนหรือไม่ เป็นการยัดไส้หรือไม่


“วันนี้ท่านสุทินได้เป็นรัฐบาลสมใจแล้ว มานั่งบริหารคุมกระทรวงกลาโหมเอง ไฉนวันนี้ท่านมีท่าทีเปลี่ยนไป หรือว่าท่านมีมือที่มองไม่เห็นคุมท่านอยู่ แต่ผมเชื่อว่าท่านคงมีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่เป็นหุ่นเชิดให้ใคร  ผมอยากให้ท่านแสวงหาจุดร่วมที่ชัดเจนก่อนว่า จะเอาอย่างไรกับนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน  กลาโหมที่อยู่ภายใต้พลเอกประยุทธ์ในวันนั้น สู่สุทิน คลังแสง ในวันนี้ มีอะไรที่เป็นความหวังได้บ้าง เท่าที่ดูมา ท่านสุทินลอกการบ้านพลเอกประยุทธ์มาหรือไม่ ผมไม่สามารถเห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัตินี้ได้”  นายเอกราช กล่าว 

---------------------------------------------

“สุทิน” เปิดอกยังเป็นคนเดิม ไม่ได้ซูเอี๋ย-อวยกองทัพ ลุกแจงทุกประเด็นปม “งบกลาโหม” กว่า 40 นาที ชี้แม้ยอดเพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนลดลง บอกกลาโหมไม่เหมือนกระทรวงอื่น จัดตามฐานเดิมไม่ได้ ย้ำมีความอ่อนไหว-ความเสี่ยง มองต้องใช้เวลา ยันต่อไปนี้เข้ากองทัพจะไม่ได้มีแค่สีเขียว ลั่นยกเลิกสัญญาเรือดำน้ำได้เลยพรุ่งนี้ ถ้าได้เงินคืน บอกเสียไปแล้ว 6 พันล้าน ตอกกลับ สส.ก้าวไกล ถ้าฉีกสัญญาแค่นี้ถือว่าไม่ฉลาด แจงฉายา “สุทิน ดาวน์น้อย” เหตุถูก ส.งบ หั่นเงิน หวั่นใช้ไม่ทันกรอบเวลา 


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ในวันที่สอง ช่วงเย็นมีไฮไลท์ คือ การอภิปรายชี้แจงงบของกระทรวงกลาโหม โดยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ลุกขึ้นพูดในเวลาประมาณ 17.55 น.


นายสุทิน ใช้เวลาชี้แจงกว่า 40 นาที เกี่ยวกับงบประมาณกระทรวงกลาโหม โดยระบุว่า  งบของกระทรวงกลาโหมเป็นกระทรวงที่พวกเราได้ตั้งคำถามมาตลอด รวมถึงตน เมื่อคราวเป็นฝ่ายค้านก็ได้ตั้งคำถามมาโดยตลอด


งบประมาณของกระทรวงกลาโหม  เดิมเคยคิดว่าสูง  แต่พอมาดูจริงๆแล้ว ถ้าเทียบกับทุกกระทรวงใน 20 กว่ากระทรวงของรัฐบาล  กระทรวงกลาโหมอยู่ในอันดับที่ 4  และเมื่อไปเทียบกับงบกลาง อยู่อันดับที่ 5-6 เพราะฉะนั้น ไม่ถือว่าเยอะ   ส่วนคำถามว่า ในยามวิกฤต ทำไมงบของกระทรวงกลาโหมและหน่วายงานที่เกี่ยวข้องไม่ลดลง   แต่จริงๆแล้ว มีการปรับลดงบประมาณลงไปแล้ว  


แต่วิธีการจัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมนั้น จะไม่เหมือนกระทรวงอื่น แต่เป็นไปภายใต้ข้อจำกัดและสถานการณ์ของประเทศ ภัยคุกคาม  ซึ่งการจัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมนั้น เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลง  คือ เพิ่มขึ้น 1.2%-1.3% หากเทียบกับราคาเงินเฟ้อ หรือสัดส่วนในภาพรวมของงบประมาณแผ่นดิน เหมือนกับไม่ได้ขึ้น


นายสุทิน ย้ำว่า งบกระทรวงกลาโหมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของประเทศด้วย เมื่อประเทศสงบ ไม่มีภัยคุกคาม ก็จัดในระดับหนึ่ง แต่ถ้ามีสัญญาณว่ามีภัยคุกคาม ก็จำเป็นจะต้องจัดงบประมาณเพิ่มขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือการจัดงบประมาณกองทัพต้องดูคู่แข่ง ดูประเทศที่คิดว่าเป็นภัยคุกคาม ถ้าประเทศอื่นมีการพัฒนาศักยภาพไปไกลแล้ว  เราจะเท่าเดิมไม่ได้ เราจะต้องจัดสู้เขา เพราะฉะนั้น วิธีคิดการจัดงบประมาณกองทัพกระทรวงกลาโหมในบางยุค แม้บางวิกฤต แต่เราก็ต้องเพิ่มศักยภาพเพื่อสู้กับประเทศอื่น


ส่วนเรื่องการปฏิรูปกองทัพ  เรื่องปรับลดกำลังพล  ตนได้ตั้งคณะทำงานเรื่องการปรับลดกำลังพลเป็นเรื่องแรกๆ และกระทรวงมีแผนลดลงอยู่แล้วเป็นลำดับ เมื่อตนเข้ามา ก็เติมให้ลดลงเร็วกว่าเดิม แต่การปฏิรูปทำรวดเร็วดังใจไม่ได้ ต้องคำนึงถึงขวัญกำลังพล ว่ากระทบศักยภาพกำลังรบหรือไม่  จะปรับลดปุบปับไม่ได้ ต้องใช้เวลา ส่วนอัตรานายพลที่มีอยู่ 700 กว่าคนนั้น   ในปี 2570 จะลดลง 380  คน  และเพื่อให้เร็ว จะทำโครงการเออรี่รีไทร์  ซึ่งจะไม่เพิ่มภาระทางงบประมาณ


"ส่วนที่มองว่างบประมาณด้านกำลังพลยังสูง หากจะทำให้เร็วต้องปลด แต่ทำไม่ได้ เพราะขวัญกำลังใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ปีนี้จึงไม่เห็นงบบุคลากรลดลง เพราะ 3 เดือนที่ผมมาทำอะไรไม่ได้ ปลดใครไม่ได้ แต่ผมมีแผนการปรับกำลังพล คือ ยุบหน่วยที่ไม่จำเป็น ควบรวมหน่วยที่ภารกิจใกล้เคียงกัน และ ปิดอัตราไม่บรรจุเพิ่มเมื่อบุคลากรเกษียณอายุราชการ”


นายสุทิน ชี้แจงเรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหาร  โดยจะใช้วิธีการสมัครทหารเกณฑ์ ด้วยการใช้มาตรการแรงจูงใจ เช่น เงินเดือนทหารเกณฑ์รับเต็มจำนวน, ได้เรียนต่อเนื่องหลังปลดประจำการในระบบที่ออกแบบร่วมกันในศูนย์การเรียนรู้ในค่ายทหาร, มีโอกาสรรับราชการในหน่วยงานทหารและโรงเรียนตำรวจ ในโควตา 80%  รวมถึงได้โอกาสรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเกียรติยศ อย่างไรก็ดี การรับสมัครทหารเกณฑ์จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย


ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่า  กำลังพลต้องมีเท่าไหร่ นายสุทิน ชี้แจงว่า บางอย่างเป็นความลับ หรือไม่เป็นความลับ แต่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรพูด  เรื่องกำลังพล ถ้าบอกไปให้เขารู้ทั้งประเทศก็ไม่ค่อยดี  แต่ทหารประจำการหรือทหารเกณฑ์ มีเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เหมือนกับการจัดสรรงบประมาณ ถ้าสถานการณ์มันตึงเครียด มีภัยคุกคาม สุ่มเสี่ยงว่าจะมีเกิดปัญหาสงคราม ก็เปิดรับจำนวนมาก


อีกประเด็นสำคัญ คือเรื่องเรือดำน้ำ นายสุทิน กล่าวว่า  ตนต้องขอความเป็นธรรมด้วย เพราะรัฐบาลก่อนเป็นคนทำ แต่ตนเข้ามาแก้ปัญหา  เมื่อพิจารณาแล้ว ไม่ว่าแก้อย่างไรก็โดนด่า



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/DTfdagHfpnw

คุณอาจสนใจ

Related News