'เศรษฐา' รับไม่ได้เจ้าหนี้โหด บุกพังร้านส้มตำที่ชัยนาท หลังสาวลงทะเบียนแก้หนี้ ล่าสุดจับกุมตัวได้แล้ว

นายกฯ รับไม่ได้เจ้าหนี้โหดบุกพังร้านส้มตำที่ชัยนาท บอกเป็นการท้าทายอำนาจรัฐ ก่อนแถลงมอบนโยบายนายอำเภอ-ผู้กำกับทั่วประเทศเพียง 2 วัน ลั่นบ้านเมืองมีขื่อมีแป หลังสาวลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ เจ้าหนี้ไม่พอใจบุกพังร้านส้มตำเสียหาย - ล่าสุด ตร.จับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว

หลังจากที่จังหวัดชัยนาท เปิดรับลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบ ตามมาตรการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาล แต่ปรากฎว่า มีลูกหนี้ที่ไปลงทะเบียนแล้วถูกเจ้าหนี้นอกระบบบุกมาพังร้าน ได้รับความเสียหาย

โดยกล้องวงจรปิด จับภาพชาย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดข้างร้านขายส้มตำแห่งหนึ่ง  ในพื้นที่ ม.6 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ก่อนจะเดินอ้อมเข้าไปทางหลังร้านและถอดปลั๊กกล้องวงจรปิดที่อยู่ภายในร้านออก  จากนั้นก็ลงมือทำลายข้าวของเครื่องมือที่ใช้ประกอบอาชีพทำมาหากินภายในร้าน เสียหายอย่างหนัก

นางสาวส้ม (นามสมมุติ) ผู้เสียหายเล่าว่า  ช่วงเช้าวานนี้  (6 ธ.ค.66)  มีคนโทรศัพท์มาแจ้งว่าที่ร้านขายส้มตำของตนโดนรื้อค้น  ทีแรกคิดว่ามีขโมยมางัดร้าน  แต่พอตรวจสอบดูก็ไม่มีอะไรถูกขโมยไป จึงมาเปิดกล้องวงจรปิดดู  เห็นว่าเวลา 04.30 น. มีผู้ชายคน 2 ขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน มาจอดที่ด้านข้างร้านและเดินอ้อมเข้าทางหลังร้าน ชักปลั๊กกล้องวงจรปิดออก ก่อนที่ลงมือพังร้าน เอาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ขายของ โยนทิ้งลงแม่น้ำที่อยู่ด้านหน้าร้าน 

ส่วนสาเหตุ เชื่อว่าน่าจะเกิดจากก่อนหน้านี้ตนไปกู้เงินนอกระบบต่อมาตนเองไปลงทะเบียนแก้ไขหนี้นอกระบบกับภาครัฐ  ภายหลังได้เจอกับเจ้าหนี้ ตนเองก็ได้บอกไปว่าได้ไปลงทะเบียนแก้หนี้มานะ และย้ำกับเจ้าหนี้ว่า ตนจะคืนเงินต้นให้นะ ไม่ใช่ไม่คืน แต่ขอให้ไปไกล่เกลี่ยกันที่อำเภอ  พอรุ่งเช้าก็พบว่าร้านถูกทำลาย

นางสาวส้ม ยอมรับว่า ตนเองมีเจ้าหนี้นอกระบบหลายราย แต่ทุกรายไม่มีปัญหาอะไร ยกเว้นรายเดียว ซึ่งมียอดกู้ประมาณ 30,000 บาท ปัจจุบันได้ทยอยส่งไปแล้ว เงินต้นเหลือประมาณ 20,000 กว่าบาท  หลังเกิดเหตุ ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สรรคบุรี  พร้อมกับฝากถึงผู้ก่อเหตุหรือเจ้าหนี้ว่า เงินที่ไปกู้มา  ตนเองตั้งใจที่จะคืนให้ เพราะก่อนหน้านี้ลำบากขายของไม่ค่อยดี  จึงจำเป็นต้องกู้ และอยากจะให้คุยกันดีๆ ไม่ควรมาทำลายสิ่งของแบบนี้

------------------------------------------------------

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เชิญพล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บัญชาการตำรวจภาค 3 พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภาค 1 และพล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา มาหารือการแก้ปัญหาหนี้ โดยเฉพาะกรณีเจ้าหนี้โหดบุกพังร้านส้มตำ ที่จังหวัดชัยนาท ระหว่างมาร่วมสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่เขาใหญ่จังหวัดนครราชสีมา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ที่เชิญทั้ง 3 ท่าน ก็เพื่อมารับนโยบายพอเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้รับไม่ได้ ถือว่าเป็นการท้าทายไปหน่อย ต้องจัดการให้และเรื่องนี้ต้องจัดการให้เด็ดขาด และต้องสาวให้ถึงตัวคนให้ได้ ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ผลักดันนโยบายแก้หนี้ จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ การเป็นหนี้นอกระบบแล้วถูกรังแกด้วยเรทที่ไม่เป็นธรรม จะทำให้ไม่มีขวัญและกำลังใจในการทำงาน ซึ่งอาจจะทำให้หันไปพึ่งยาเสพติดหรือกลายเป็นอาชญากรเอง เพราะหาเงินคืนไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้ได้ ซึ่งตนจะมีการแถลงข่าวด้วยตนเองในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 นี้ ซึ่งจะมีการประชุมมอบนโยบายให้กับนายอำเภอและผู้กำกับทั่วประเทศ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้สูงสุด

ส่วนเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ของเจ้าหนี้รายดังกล่าวนั้นคิดเท่าไหร่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เกินกส่าที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว ตอนแรกอ้างว่าเป็นเรื่องชู้สาว แต่มีหลักฐานจนรู้ว่าเป็นเรื่องของหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นสองวันก่อนที่รัฐบาลจะมีการประกาศเรื่องแก้หนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ ถือว่าเป็นการท้าทายเกินไป และบ้านเมืองมีขื่อมีแป


ตอนนี้รู้ตัวแล้ว และคาดว่าพรุ่งนี้จะสามารถจับกุมตัวต้นตอหรือผู้บงการได้ นอกจากนี้ยังได้มีการกำชับไปยังผู้บัญชาการตำรวจภาค 1 ให้ดำเนินการดำเนินการตามขั้นตอน และยังฝากไปบอกผู้บัญชาการภาคอื่นๆ ด้วย ว่าเรื่องนี้รัฐบาลยอมรับไม่ได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า กรณีดังกล่าวนี้เราจะต้องดับไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะถือเป็นการข่มขู่ ซึ่งรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดูแลคุ้มครองทุกคน ส่วนประชาชนที่ถูกข่มขู่สามารถแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เลย


ล่าสุด ตำรวจชุดจับกุม สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/mdQ0lp23BYc