เศรษฐกิจ

ปรับราคา 2 ครั้งใน 1 เดือน! ไข่ขึ้นอีก 6 บาท/แผง เหตุร้อนจัด ไก่ไข่น้อยลง - ผู้เลี้ยงเป็ดแบกต้นทุนไม่ไหว ต้องขายยกฝูง

โดย nattachat_c

29 เม.ย. 2567

245 views

วันที่ 27 เมษายน 2567 เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกาศแจ้งสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ปรับราคาไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกร ขึ้นราคาอีกแผงละ 6 บาท (ฟองละ 20 สตางค์) ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายนเป็นต้นไป


ส่งผลให้ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม น้ำหนัก 20.5 กก. ขึ้นไป จากปัจจุบันอยู่ที่ฟองละ 3.60 บาท เป็นฟองละ 3.80 บาท นับเป็นการปรับขึ้นรอบ 2 ของเดือนเมษายน หลังรอบแรกปรับขึ้นเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา

------------

นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เผยว่า ราคาไข่ไก่ตอนนี้ ยังอยู่ในโครงสร้างต้นทุนที่เหมาะสม


สาเหตุที่ต้องเพิ่มราคาไข่ เพราะอากาศร้อน ออกไข่ใบเล็กมากขึ้น ใข่ใบใหญ่น้อยลง แล้วต้องเปิดพัดลมให้ไก่ ซื้อน้ำให้ไก่ ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น และไข่ลดลง 5-6 %

------------

นางพเยาว์ อริกุล นายกสมาคมผู้เลี้ยงไข่ไก่รายย่อยภาคกลาง เผยว่า ต้นทุนของเกษตรกรไข่ไก่เพิ่มสูงมาก เพราะต้องซื้อน้ำให้กิน เนื่องจากไม่มีน้ำบาดาล


และอากาศที่ร้อนเกิน 28 องศา ต้องเปิดพัดลมปรับอากาศ แต่ยังหวังว่าจะทรงตัวไปถึงกลางเดือนพฤษภาคม 

------------
ผลกระทบจากอากาศร้อนจัดและภัยแล้ง ส่งผลให้ผู้ประกอบการเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งได้รับความเดือดร้อนเป็ดไม่ออกไข่ และต้องขายเป็ดแบบยกฝูง

ที่จังหวัดพิจิตร นายเส กล่อมกำเนิด อายุ 63 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งหมู่ที่ 3 ตำบลท่าขมิ้น อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง จำนวน 1 ฝูง รวม 5,200 ตัว


แต่ในปีนี้ เกิดสภาพอากาศที่แห้งแล้ง และมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเกิน 40 องศา บางวัน 41-42 องศา ทำให้อุณหภูมิร้อนจัดติดต่อกันมานานหลายวัน ส่งผลกระทบให้เป็ดไล่ทุ่งที่ตนเองเลี้ยงไว้ ไม่ออกไข่เท่าที่ควร หรือออกไข่มาก็ลูกเล็ก ไม่ได้ขนาด ตามที่ตลาดต้องการ เนื่องจากอากาศที่ร้อนจัดทำให้เป็ดไล่ทุ่งไม่ค่อยกินอาหาร


ซึ่งตนเองต้องสั่งซื้ออาหารเสริมมาเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งทุกวัน วันละ 4 กระสอบ แต่ราคาอาหารเสริม มีราคาแพงถึงกระสอบละ 530 บาท ทำให้ตนเองต้องเพิ่มต้นทุนที่สูงขึ้น


ซึ่งปัจจุบัน จะนำเป็ดไล่ทุ่งไปเลี้ยงตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อกินกุ้ง หอย ปูปลา เหมือนแต่ก่อนไม่มีแล้ว เนื่องจากแหล่งน้ำธรรมชาติก็แห้งขอดเกือบทุกที่


อีกทั้ง จะนำเป็ดไล่ทุ่งไปปล่อยเลี้ยงตามแปลงนาข้าวที่เก็บเกี่ยวไปแล้วนั้นเหมือนแต่ก่อนก็ทำไม่ได้แล้วเพราะเกษตรกรไม่ค่อยได้ทำนาปรังกัน


อีกทั้ง ปัญหาการเคลื่อนย้ายฝูงเป็ดต้องได้รับการอนุญาตจากปศุสัตว์จังหวัด /  ปศุสัตว์อำเภอก่อน แต่ปัจจัยหลักคือแหล่งน้ำไม่เพียงพอ และอากาศที่ร้อนจัด อีกทั้งราคาไข่เป็ด จำหน่ายให้พ่อค้าที่มารับซื้อ ราคาก็ไม่ดีเท่าที่ควร ตกต่ำเหลือแผงละ 75 บาท และเป็ดไม่ออกไข่ตามขนาด-จำนวน ที่ตลาดต้องการได้


จากผลกระทบดังกล่าว ตนเองจึงตัดสินใจขายเป็ดเป็น ๆ ทั้งตัว ตัวละ 124 บาท เรียกว่าขายแบบเหมาทั้งหมดทั้งฝูง เนื่องจากแบบรับภาระต้นทุนไม่ไหว


อย่างไรก็ ตามตนเองจะต้องอยู่นิ่ง ๆ ไปก่อน จะรอดูด้านราคาไข่เป็ด และสภาพอากาศให้ดีก่อน ถึงจะตัดสินใจเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งฝูงใหม่ เพื่อจำหน่ายไข่อีกรอบ

---------------

ที่จังหวัดชัยนาท อุณหภูมิที่พุ่งถึง 41 - 42 องศา ส่งผลให้ไข่ไก่ และผักต่าง ๆ ราคาสูงขึ้น


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ พบเกษตรกรผู้เลี้ยงนกกระทา หมู่ 3 ตำบลห้วยกรดพัฒนา อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ทำให้ทราบว่า ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดอยู่ขณะนี้ เช่นเดียวกัน คือ นกออกไข่ลดลง (ไข่หด) ขนาดไข่เล็กลง แต่ไม่ปรับราคา


นายอารมณ์ เสนเลี้ยง เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ (นกกระทา) เปิดเผยว่า เลี้ยงนกกระทาไว้กว่า 1,000 ตัว มีตัวนกที่เพิ่งฟักออกมาจำนวน 300 ตัว นกรุ่น 200 ตัว และที่กำลังให้ไข่ 600 ตัว


ปกติเก็บไข่ได้กว่า 500 ฟอง/วัน ช่วงอากาศร้อนจัดเก็บไข่ได้ประมาณ 250-300 ฟอง/วัน ราคาขายฟองละ 1 บาท มีรายได้ 300-400 บาท/วัน เดือนละหมื่นบาทก็สามารถอยู่ได้กับช่วงสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน (ส่วนราคาตลาดทั่วไปราคาอยู่ที่ฟองละ 1.10 -1.20บาท)


สภาพอากาศที่ร้อนจัด นอกจากปริมาณการออกไข่ของนกกระทาที่ลดลงแล้ว ยังมีขนาดที่เล็กลง และสีเปลี่ยนไปเล็กน้อย


ช่วยบ่าย ที่จังหวัดชัยนาทมีอุณหภูมิประมาณ 41 - 42 องศา ต้องใช้น้ำฉีดพ่นบนหลังคา รอบกรง และราดพื้นด้วย เพื่อลดความร้อน

---------------



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Gbsy5kA3L4s

คุณอาจสนใจ

Related News