สังคม

"DSI" บุกค้นแม็คโคร หลังพบรับซื้อหมูจากบริษัทนำเข้าหมูเถื่อน ด้าน “สยามแม็คโคร” ยืนยันรับซื้อถูกต้องตามกฎหมาย

โดย paranee_s

27 พ.ย. 2566

7.8K views

กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ นำหมายค้นเข้าตรวจค้น บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนพัฒนาการ หลังขยายผลพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงว่ามีการรับซื้อชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งจากบริษัทที่ถูกดำเนินคดีในการนำเข้าชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งโดยผิดกฎหมาย หรือ หมูเถื่อน



พันตำรวจตรีสุริยา กล่าวว่า การเข้ามาตรวจค้นในวันนี้ เป็นการตรวจค้นต่อเนื่องหลังจากดีเอสไอได้เข้าไปตรวจค้นการนำเข้าหมูเถื่อน ที่บริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย โดยผู้ต้องหาได้ให้การกับพนักงานสอบสวนถึงการจำหน่ายหมูเถื่อน และดีเอสไอ ยังได้เข้าไปตรวจค้นบริษัทอีก 2 บริษัท ที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายเป็นเจ้าของ



พบพยานหลักฐานเป็นเอกสารการจำหน่ายชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งให้กับบริษัทต่างๆ และจากการเข้าตรวจค้นห้องเย็นที่จังหวัดสมุทรสาคร พบว่าเอกสารที่ทางผู้ต้องหาทั้ง 2 รายใช้ในการยื่นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขออนุญาตนำเข้าสินค้าเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ



โดยดีเอสไอจะต้องพิสูจน์ว่าสินค้าที่บริษัทผู้ต้องหามีการจำหน่ายไปนั้น ไปอยู่ที่ไหนบ้าง ก่อนจะพบหลักฐานว่าได้จัดส่งสินค้าส่วนหนึ่ง เช่น เนื้อหมูและตับหมูแช่แข็ง ให้กับ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ดีเอสไอจึงได้นำหมายค้น เพื่อเข้ามาตรวจค้น พร้อมขอเอกสารที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบต่อไป



เบื้องต้นจะต้องตรวจสอบว่า การรับซื้อสินค้า ระหว่างบริษัทสยามแม็คโคร กับบริษัทของผู้ต้องหา มีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้อง หรือมีความผิดพลาดอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเอกสารการซื้อขายเบื้องต้น พบว่าเป็นการกระทำการซื้อขายโดยเปิดเผย และมีการซื้อขายกันมาอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามรูปแบบวิธีการและขั้นตอน



โดยทางบริษัทสยามแม็คโคร ได้ให้ความร่วมมือในการจะส่งมอบเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมให้ดีเอสไอ โดยคาดว่าจะได้รับภายใน 1 เดือน แต่เข้าใจว่าเอกสารบางรายการ อาจจะใช้ระยะเวลานานกว่านั้น



เมื่อถามว่า บริษัทสยามแม็คโคร ที่รับซื้อหมูจากบริษัทผู้ต้องหา จะมีความผิดหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ ดีเอสไอยืนยันว่า หากบริษัทใดรับซื้อ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีเสมือนผู้นำเข้า พันตำรวจตรีสุริยา กล่าวว่า กรณีของบริษัทสยามแม็คโคร ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้ว่ากระทำผิด เพราะจะต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง แต่ในข้อเท็จจริงของเอกสารการซื้อขาย พบเส้นเงินที่มีการโอนไปมาในการซื้อขายรวมมูลค่ากว่า 390 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อขายกันปกติอย่างเปิดเผย แต่ติดที่ตัวสินค้านั้นว่านำเข้ามาโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของทางดีเอสไอที่จะต้องไปพิสูจน์ทราบให้เกิดความชัดเจน



ด้านนางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สยามแม็คโคร ยินดีให้ความร่วมมือกับดีเอสไอในการเข้ามาตรวจสอบ โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 พ.ย. และ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ก็มีหน่วยงานภาครัฐ กรมปศุสัตว์ กรมการค้าภายใน และสาธารณสุขจังหวัด เข้ามาตรวจสอบการดำเนินการและเอกสารการรับซื้อสินค้าที่ศูนย์กระจายสินค้าแม็คโคร ที่มหาชัยและวังน้อย



โดยจากการตรวจสอบพบว่า สินค้าเนื้อหมูและตับหมูทั้งหมดมีความปลอดภัย ได้คุณภาพมาตรฐาน และมีแหล่งที่มาตรวจสอบย้อนกลับได้ทั้งหมด และในวันนี้ก็ให้ความร่วมมือกับดีเอสไอในการเข้าตรวจสอบที่สำนักงานใหญ่



นางศิริพร ยืนยันว่า สยามแม็คโคร รับซื้อเนื้อหมู และจากแหล่งผลิตในประเทศ 100% โดยมีแหล่งผลิตที่ชัดเจน และมีใบรับรองถูกต้องตามกฎหมายจากกรมปศุสัตว์ทุกล็อต ส่วนเครื่องในหมู เช่น ตับหมู ปกติก็จะรับซื้อจากเกษตรกรภายในประเทศ 99% แต่จะมีบางช่วงที่ผู้บริโภคมีความต้องการบริโภคมากกว่าที่เกษตรกรภายในประเทศจะผลิตได้ จึงต้องมีการรับซื้อจากบริษัทที่นำเข้า แต่ในการรับซื้อต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ต้องมีใบอนุญาตการนำเข้าและการอนุญาตเคลื่อนย้ายอย่างถูกต้องมายื่นให้กับสยามแม็คโคร



โดยเหตุผลที่บริษัท เลือกรับซื้อเครื่องในและตับหมูจากบริษัทที่ตกเป็นผู้ต้องหานั้น เพราะเคยเป็นคู่ค้ากันมาหลายปี นอกจากเนื้อหมู ก็เคยรับซื้อปลาและอาหารทะเลต่างๆ ด้วย โดยในช่วงที่เครื่องในหมู ประเภทตับหมู ขาดตลาด บริษัทได้เข้ามาเสนอขาย โดยมีเอกสารมาสำแดงถูกต้องตามกฎหมายทุกล็อต จึงตัดสินใจรับซื้อ จนกระทั่งเมื่อกลางปีที่แล้ว เนื้อหมูที่รับซื้อพบว่าไม่ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ประกันคุณภาพ สยามแม็คโครจึงยุติการสั่งซื้อ เช่นเดียวกับตับหมู ที่เพิ่งเลิกรับซื้อไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลเรื่องคุณภาพไม่ได้มาตรฐานเช่นกัน



ทั้งนี้ ยืนยันว่า สยามแม็คโคร มีจุดยืนชัดเจน ไม่สนับสนุนการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย และถ้ามีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า บริษัทดังกล่าวนำเข้าผิดกฎหมาย ก็จะไม่รับซื้อสินค้าจากบริษัทนี้อีกต่อไป พร้อมขอให้ดีเอสไอเร่งตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยเร็ว เพราะบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบ

คุณอาจสนใจ

Related News