สังคม

"ศิริกัญญา" ลั่นอย่าเฆี่ยนลาให้วิ่งเร็วเหมือนม้า รัฐบาลกระตุ้นโดยไม่ดูศักยภาพของประเทศ

โดย gamonthip_s

16 พ.ย. 2566

226 views

วันนี้ 16 พ.ย.66 ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอสัมภาษณ์ นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประเด็นรัฐบาลวางแผนอย่างไร ในการกู้เงินมาแจกดิจิทัลวอลเล็ตมันคุ้มค่าหรือไม่



สรยุทธ : ถ้าทำอย่างอื่นไม่ต้องทำดิจิทัลวอลเล็ต



ศิริกัญญา : มันมี 2 ทาง ทำหรือไม่ทำ อาจจะใช้เงินในปริมาณน้อยลงหริอเปลี่ยนวิธีการที่จะทำ วัตถุประสงค์หลักคืออะไร หวังผลที่จะเกิดขึ้นอย่างไร เลยอยากได้ยินว่าวางแผนกันยังไงบ้าง จะเกิดผลอย่างไร เพราะเสียงที่คัดค้านบางส่วนบอกวิธีการนี้ไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ GDP เติบโตได้ดี เม็ดเงินทุ่มลงไปประมาณ 3% ของ GDP แต่ว่าเมื่อวานนี้คุณหมอพรหมมินทร์ก็ได้พูดว่าอาจทำให้ GDP โตประมาณ 1-1.5% เฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต ต้องถามถึงความคุ้มค่า เพราะวันนี้มาถึงทางสุดท้ายที่ต้องกู้เงินแล้ว เรายิ่งต้องคิดเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน ว่าจะคุ้มค่ากับผลรับที่จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะ ถ้าดีขนาดนั้นทำให้ GDP ฟื้นมา 5% ได้ ต้องยอมรับว่าการบริหารต้องมีข้อมูลตัวเลขมายืนยัน เราอาจจะหาทางเลือกอื่นที่ไม่จำเป็นต้องกู้ เมื่อเทียบกับการใช้งบประมาณตามปกติ ไม่ต้องไปแย่งชิงสภาพคล่องของภาคเอกชน



สุรพงษ์ : ผมมี 3 ประเด็น

ประเด็นที่ 1 ถ้าเราเอาเม็ดเงิน 5 แสนล้าน หรือประมาณ 3% ของ GDP ผมคิดว่าอัตราการเติบโตต้องมากกว่า 3% อยู่แล้ว เงินมันหมุนหลายรอบ

ประเด็นที่ 2 ถ้าเราเรียนรู้จากกรณีของ “พล.อ.ประยุทธ์” รัฐบาลที่เยียวไปเยอะมาก เช่น โครงการคนละครึ่ง สิ่งที่ออกแบบคือลงไปทีเดียวใน 6 เดือนให้ได้ เงื่อนไขกำหนด  เพื่ออุปโภค-บริโภคเท่านั้น จะต้องใช้ในพื้นที่ที่จำกัด 1 อำเภอ มันเป็นเงื่อนไขที่เงินต้องหมุน เป็นการบังคับให้เงินหมุน ไม่ใช่แบบสมัยก่อนที่เยียวยาไปเรื่อย ๆ ผมคิดว่าถ้ามันหมุนหลายรอบ เกิน 1.5% แน่ ๆ

ประเด็นที่ 3 เรื่องการคาดการณ์ของ GDP ต่อไปจะเป็นอย่างไร ผมยกตัวอย่างผมเพิ่งกลับไปอ่านคอลัมน์นึงในหนังสือ ตอนต้นปีธนาคารแห่งประเทศไทยทำนายเศรษฐกิจจะโต 3% พอปลายปีโต 5% เพราะว่ารัฐบาลพูดไม่ใช่แค่ 3% ต้องมากกว่านี้แน่ กระบวนการต่างๆที่จะทำให้เกิดในการผลักดันเศรษฐกิจเดินไปข้างหน้าได้ มันเป็นสิ่งที่หลายๆสำนักที่เคยทำนายก็จะมองแต่อดีต เหมือนขับรถไปจะมองแต่กระจกหลัง ไม่มองกระจกหน้า คนที่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไรก็จะมีแค่รัฐบาล รัฐบาลรู้ว่าจะให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไง มันจะมีหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า แน่นอนเราตั้งเป้า 5% จะไปถึงหรือไม่ ก็อยู่ที่ความพยายามของรัฐบาลใน 1 ปีข้างหน้า



ศิริกัญญา : ขอพูดเรื่องของการคาดการณ์เศรษฐกิจ ดิฉันแปลกใจมาก เวลาทำงบประมาณดิฉันจะเห็นรัฐบาลชอบคาดการณ์เกินจริง



สรยุทธ : ผมสรุปนะ ถ้าทิ้งไว้เป็นแบบนี้ไม่อยากรอให้ถึงจุดนั้น พอถึงปีหน้าวันนี้แบงค์ชาติคาดการณ์ว่าดี 4.4% ถึงปีหน้าอาจกลายเป็น 1.5% และถ้าเราไม่ทำดิจิทัลวันนี้ เราจะรอให้เจ็บแบบวันนั้นใช่ไหม ทำตั้งแต่วันนี้อาจจะกลายเป็น 5% ด้วย



สุรพงษ์ : อย่างที่คุณไหมพูดว่าส่วนใหญ่รัฐบาลคาดการณ์ดีเกินจริง ต้องบอกว่าอันนั้นเป็นช่วงหลังๆของรัฐบาลที่เราคุ้นเคย ตอนสมัยรัฐบาลไทยรักไทย คาดการณ์แย่กว่าที่เป็นจริงหลังมันเกิดขึ้นแล้ว ปรากฎว่าตัวเลขดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในแง่ของการผลักดันมาตรการต่าง ๆ ผมว่าการตั้งเป้าหมายเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราตั้ง 2.8% ผมรู้สึกไม่ท้าทาย เราอยู่ในประเทศที่เศรษฐกิจโต 1.9% มา 10 ปีแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา เขาโต 4-5% ทั้งนั้น



ศิริกัญญา : เป้าหมาย 5% มันสมเหตุสมผลไหม ต้องดูว่าประชากรเติบโตเท่าไหร่ มีทุนเท่าไหร่ ศักยภาพการเติบโตของประเทศไทยจะอยู่ที่ 3% กว่า ๆ ไม่ถึง 4% การตั้งเป้าหมาย 5% ของรัฐบาลคือการเฆี่ยนลาให้วิ่งเร็วเท่าม้า ศักยภาพเรามีเท่านี้แต่กระตุ้น ๆ โดยที่ไม่ดูพื้นฐานเลยว่าพื้นฐานเราโตได้เท่าไหร่ การแก้ปัญหาแบบนี้ไม่ใช่กระตุ้นระยะสั้นแล้วจะได้ผลเลย



สุรพงษ์ : เราไม่ได้เกิดมาเป็นลา เราเกิดมาเป็นม้า แต่ม้าป่วยไป 10 ปี เราไม่ได้บอกว่าเราเป็นลาแล้วจะเป็นลาต่อไป เราคือม้าตั้งหากที่เราจะต้องรักษาอาการป่วย แล้ววิ่งไปให้เร็วที่สุด เพราะเพื่อนบ้านเรามาจ่ออยู่ข้างหลังแล้ว สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ตอนนี้คือพยายามเพิ่มศักยภาพ

คุณอาจสนใจ

Related News