สังคม

เปิดนาทีปะทะคารม ก่อนรถขนดินขับหนี ไม่ยอมชั่งน้ำหนัก 'วิโรจน์' จี้สอบ 'สติกเกอร์ดาวบีสีเขียว'

โดย nattachat_c

9 พ.ย. 2566

95 views

วานนี้ (8 พ.ย. 66) เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ผู้รับเหมาก่อสร้าง ได้นำรถแบคโฮมาทยอยตักดินออกจากรถบรรทุก คันที่ตกลงไปในบ่ออุโมงค์สายไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง ถ่ายดินไปยังรถบรรทุกอีกคัน เพื่อเตรียมการชั่งน้ำหนัก ว่าบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่


ปรากฎว่า เมื่อรถบรรทุกอีกคันมีดินจำนวนหนึ่ง ได้ขับรถนำดินไปเททิ้งที่ไซด์งาน แต่หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตัวแทนของการไฟฟ้านครหลวง ได้เข้ามาคุยกับผู้รับเหมาว่า ไม่เหมือนกับที่คุย และประชุมกัน


เพราะเมื่อผู้รับเหมาตักดินออกจากรถบรรทุกคันที่ประสบเหตุแล้ว จะต้องให้เจ้าหน้าที่มาชั่งน้ำหนัก ก่อนที่จะนำไปเทคืน แต่ผู้รับเหมากลับนำดินดังกล่าวไปเทคืนยังไซด์งานเดิม ทำให้ไม่มีการชั่งน้ำหนักดินดังกล่าว ว่ามีการบรรทุกหมากจำนวนเท่าไหร่


ขณะที่ ทีมงาน กทม.ได้นั่งจักรยานยนต์ตามรถบรรทุกที่ตักดินถ่ายออกมา ตามเข้าไปดูที่ไซส์งาน ก็พบว่า มีการนำดินไปเททิ้งตามเดิม และมีการล็อกประตูไม่ให้เข้าพื้นที่


เมื่อพยายามสอบถามเจ้าของรถบรรทุกว่า ทำไมถึงนำดินไปเท ไม่รอชั่งน้ำหนัก เจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล บอกไม่ขอให้สัมภาษณ์ใด ๆ


ด้านตัวแทนการไฟฟ้านครหลวง บอกว่า จากการที่เข้าไปคุยกับผู้รับเหมา ก็คุยไม่รู้เรื่อง พูดเพียงว่าให้นำทนายความมาคุยอย่างเดียว ตนเองจึงได้มีการโต้แย้งโวยวายกับเจ้าของรถบรรทุกจนปะทะคารมกัน เนื่องจากไม่เป็นไปตามที่คุยกันไว้ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจึงต้องถอยออกมา


ขณะเดียวกัน เจ้าของรถบรรทุกไม่ให้ตรวจชั่งน้ำหนักรถ เเม้ทางกรุงเทพมหานคร จะนำเครื่องชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่เข้ามา ทำให้ทาง สส.เขตบางนา-พระโขนง ‘โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ’ ได้เข้ามาเพื่อจะขอตรวจ เเละวัดน้ำหนักรถบรรทุก คนขับรถที่นำรถมาถ่ายดินเเล้วขับนำดินเข้าไปเททิ้งในไซส์งานตามเดิม


โดย สส.โตโต้ และทีมงาน ได้เดินตามเข้าไปดูภายในไซต์งาน  ระบุว่า ถือว่าเป็นการทำลายหลักฐาน จึงเรียกร้องให้ทุกหน่วยงานเอาผิดกับเจ้าของรถบรรทุก

-------------

นายฐิติวุฒิ เงินคล้าย รองผู้ว่าการ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) ลงพื้นที่ เผยว่า


จากเหตุที่เกิดขึ้น พบความเสียหายที่ปากบ่อพักสายไฟ คือคานรับน้ำหนักที่หักลงมา ส่วนแผ่นปูนไม่ได้มีความเสียหาย ยืนยันว่า การก่อสร้างเป็นไปตามแบบ และมาตรฐาน ที่ยื่นไปกับ กทม. สามารถรับน้ำหนักขั้นต่ำได้ 28 ตัน และใช้งานมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว  ประกอบกับที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบความคงทนแข็งแรงมาโดยตลอด


เมื่อถามว่า มีความเสียหายระดับไหน

นายฐิติวุฒิ ตอบว่า ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากยังไม่เห็นโครงสร้างภายใน และยังไม่มีการเคลื่อนย้ายรถบรรทุกดังกล่าวออกไป แต่หากเคลื่อนย้ายรถบรรทุกดังกล่าวออกไปได้แล้ว คาดว่า ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง ในการซ่อมแซม และคืนผิวจราจรทั้งหมด ไม่เกินเที่ยงคืนนี้ เป็นอย่างเร็ว


เมื่อถามว่า จะซ่อมแซมอย่างไร

นายฐิติวุฒิ ระบุว่า จะมีการเปลี่ยนแผ่นปูนทั้ง 4 แผ่น ใหม่ทั้งหมด และจะใช้คานตัวใหม่มารองรับ ส่วนจะเพิ่มคานรอบรับตามที่ผู้ว่าฯ พูดไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ตนเองขอไปคุยกับทีมวิศวกร และทางกรมโยธาก่อนว่า จะดำเนินการใช้คานจำนวนเท่าไหร่ หรือจะปรับโครงสร้างคานใหม่หรือไม่


ยืนยันจะคำนึงเรื่องความปลอดภัย และความมั่นคงเป็นหลัก ส่วนการดำเนินการเอาผิด ขอตรวจสอบว่า เป็นความผิดในส่วนใด และจะดำเนินการภายหลัง

-------------

วานนี้ (8 พ.ย. 66) เวลา 18.30 น. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.พรรคก้าวไกล เขตพระโขนง เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ


พร้อมกับ ทวงถามต่อ พ.ต.ท.ประกอบ อินทร์เกตุ รอง ผกก.จร.สน.พระโขนง เรื่องกรณีรถบรรทุกสิบล้อคันเกิดเหตุ มีการถ่ายเทดินออกจากท้ายรถ โดยสงสัยว่า มีการบรรทุกน้ำหนักเกิน  และอาจเป็นเครือข่ายส่วยสติกเกอร์ทางหลวง


นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนมีคำถามเรื่องตำรวจปล่อยให้มีการยุ่งกับวัตถุพยานหลักฐานได้อย่างไร ซึ่งหลักฐานตรงนี้ สามารถทำให้พิสูจน์ได้ว่า รถบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ แล้วตำรวจได้ดู ป.วิอาญา หรือเปล่า


ด้าน พ.ต.ท.ประกอบ ตอบกลับว่า ขั้นตอนในช่วงการตักดินนั้น มีคนอยู่จำนวนมาก รวมถึงสื่อมวลชน ทำให้ไม่มีใครสามารถปิดบังได้ โดยเป็นจังหวะที่กำลังชุลมุน ทางรถบรรทุกได้มีการเลี้ยวรถหลบเข้าไป และถ่ายเทดิน


ซึ่งตรงนี้ จะต้องมีการตรวจสอบต่อไป ว่านำดินไปทิ้งตรงไหนอย่างไร จึงขอทำการตรวจสอบ และรายงานผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้นต่อไป


ส่วนตนนั้น มาดูแลปัญหาการจราจร และแก้ปัญหาจุดนี้ให้เร็วที่สุด  ซึ่งขณะที่มีการตักดิน ตนไม่ได้เฝ้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจุดตรงนี้ยังไม่ทราบว่ามีอะไรผิดพลาดบ้าง เนื่องจากมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เขต ช่วยกันเฝ้าดู ทั้งการจราจร และประชาชนที่ไปมา  รวมถึงของกลาง โดยทางเขต มีการเรียกตำรวจทางหลวง ซึ่งรับผิดชอบงานตราชั่งมาเพื่อรอไว้แล้ว


นายวิโรจน์ ระบุว่า ต้องมีการดำเนินคดีทำลายวัตถุหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจละเลยได้อย่างไร ให้มีการเข้าไปยุ่งกับวัตถุหลักฐานที่สำคัญได้อย่างไร


“ถ้าเรื่องนี้ไม่มีในบันทึกการสอบสวน ก็ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าตนเองพบว่า นำดินไปเททิ้งจริง ต้องดำเนินคดีเรื่องทำลายหลักฐาน และต้องดำเนินคดีกับตำรวจที่ปล่อยประละเลย ที่ปล่อยให้มีการทำลายหลักฐานสำคัญด้วย


และต้องคำนวณทางวิศวกรรมได้ว่า ดินนำไปทิ้งกี่คันรถ และคำนวณกลับมาเป็นน้ำหนักของดินด้วย และสามารถพิสูจน์ทางวิศวกรรมว่าบรรทุกเกินหรือไม่”


จากนั้น นายวิโรจน์ ให้สัมภาษณ์ว่า สามารถขนดินออกไปได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเป็นวัตถุหลักฐานสำคัญ ที่จะพิสูจน์ว่าน้ำหนักเกินหรือไม่


เชื่อว่า ตำรวจน่าจะตรวจสอบได้ว่า รถ 10 ล้อ คันดังกล่าว ก็พอจะอนุมานได้มีการดัดแปลงรถเพื่อบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในวิสัยที่ประเมินไม่ได้ พร้อมถามกลับไปยังตำรวจว่า รู้หรือไม่ จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้


ซ้ำยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเปิดกรวยให้ด้วย ต้องโดนละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หากผู้กำกับ สน. พระโขนง รับทราบเรื่องนี้ด้วย ผู้กำกับก็ต้องโดนด้วย หาก น.5 ทราบก็ต้องโดนด้วย


หากไม่มีคำตอบ ตนคิดว่าน่าจะโดนย้ายกันเยอะ ส่วนสาเหตุครั้งนี้ บรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ ตำรวจต้องพิสูจน์

-------------

จากนั้น นายวิโรจน์ พร้อมด้วย สส.เขตบางนา-พระโขนง ‘โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ’ เดินเข้าไปภายในไซต์งานก่อสร้าง ในซอยสุขุมวิท 64/2 เพื่อตรวจสอบดูกองดิน โดยทางตัวแทนบริษัทผู้รับเหมาได้พาเข้าไปตรวจสอบ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปถ่ายภาพด้านใน


นายวิโรจน์ได้มีการสอบถามตัวแทนบริษัทผู้รับเหมา ซึ่งทางผู้รับเหมา บอกว่า ตอนพูดคุยกัน ตนเองไม่ได้เข้าร่วม ส่วนดินที่ตัดออกแล้วไปเทในไซต์งานก่อสร้างแล้วนั้น มีการชั่งน้ำหนักแล้วหรือไม่ตนเองไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่หน้างาน พอมีการนำดินเที่ยวแรกเข้ามาเทไว้ ตนเองก็ตกใจ สั่งห้ามไม่ทัน ดินที่นำไปเทไว้ด้านในไซต์งานก่อสร้าง


ตัวแทนบริษัทผู้รับเหมา ยืนยันว่า ไม่ได้ทำลายหลักฐาน สภาพอยู่เหมือนเดิม กั้นพื้นที่ และนำผ้าใบคลุมไว้เรียบร้อย หากจะนำดินไปตรวจสอบ พร้อมให้ความร่วมมือ


จากนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า ผู้รับเหมาก่อสร้างไม่เกี่ยว ปัญหาอยู่ที่บริษัทรับขนดินกับตำรวจ มีการชั่งน้ำหนักไว้หรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้รับเหมาก่อสร้างด้วย


นายวิโรจน์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นสติกเกอร์รูปดาวสีเขียวขาว  มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ B อยู่ตรงกลาง ว่า


เรื่องนี้ตำรวจต้องเป็นคนตรวจสอบ อย่าไปจำรูปลักษณ์เพราะสติกเกอร์เปลี่ยนไปทุกเดือน แต่เบื้องต้น เท่าที่ตนดูเป็นสัญลักษณ์ที่น่าสงสัยอย่างมาก ดาวเขียวคืออะไร จะบอกว่าติดเล่นไว้บังแดดหรือจรรโลงใจสังคมคงไม่เชื่อ


โดยให้ฝากไปถามที่ทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว อดีต ผบก.ทล. ดูว่า สติกเกอร์ดาวเขียวนี้ ส่งส่วยไปถึงใครบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ ทำให้มีตำรวจที่เป็นเพื่อนร่วมอาชีพของท่าน เสียชีวิตไปแล้ว 1 ท่าน


ซึ่งหลังจากนายวิโรวจ์ ได้เดินเข้าไปด้านในไซต์งานก่อสร้าง ก็พบรถบรรทุก 10 ล้อ สีขาวจอดอยู่ด้านใน คันที่บรรทุกดินไปเททิ้งในไซต์งานก่อสร้าง บริเวณกระจกหน้ารถ มีสติกเกอร์รูปดาวสีเขียวขาว มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ B อยู่ตรงกลาง ซึ่งติดอยู่ในตำแหน่งและลักษณะเดียวกันกับที่ติดอยู่ กระจกหน้ารถ 10 ล้อ คันเกิดเหตุ โดยนายวิโรจน์ ได้หยิบโทรศัพท์มาถ่ายภาพสติกเกอร์ และทะเบียนรถไว้ เพื่อเป็นหลักฐานเก็บไว้ตรวจสอบ

-------------

ในขณะเดียวกัน นายวิโจน์ ได้ทวีตเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

เวลา 17.39 น. ทวีตข้อความ

“คำถามที่ตำรวจต้องตอบคำถามก็คือ

1. ปล่อยให้มีการตักดินที่อยู่ท้ายรถบรรทุก ซึ่งเป็นพยานวัตถุสำคัญออกไปได้อย่างไร

2. ดินที่ตักออกไป มีการนำไปชั่งน้ำหนักหรือไม่

3. รถบรรทุกคันดังกล่าว มีการบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่

4. สติกเกอร์ที่ติดหน้ารถ เกี่ยวข้องกับส่วยหรือไม่”


เวลา 20.04 น. นายวิโจน์ ทวีตข้อความ

“#ดาวบีสีเขียว สติ๊กเกอร์ตัว B และสีเขียว ที่ติดอยู่หน้ารถสิบล้อคันที่ประสบเหตุ เกี่ยวกับส่วยหรือไม่ แทนสัญลักษณ์อะไร เดือนไหน กี่วัน จะอ้างว่าติดบังแดด ก็ฟังไม่ขึ้น จะอ้างว่าเป็นรหัสรถ มันก็ควรมี B1, B2, B3, ... ไม่ใช่ B โล้น ๆ เหมือนกันทุกคัน แบบนี้ ตร.ต้องมีคำตอบ”


เวลา 20.18 น. นายวิโจน์ ทวีตข้อความ

“กรณี ถนนสุขุมวิท 64/1 ยุบตัว รถบรรทุกอีก 2 คัน ที่มาช่วยขนดิน ก็มีสติกเกอร์ #ดาวบีสีเขียว ติดอยู่ที่หน้ารถ เหมือนกับรถคันที่ประสบเหตุ จนท.ตร. สน.พระโขนง ต้องสอบสวนว่า เป็นสติกเกอร์อะไร เกี่ยวกับส่วยหรือไม่”


ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบสติกเกอร์รูปดาวสีเขียวขาว มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ B ติดหน้ากระจกรถบรรทุกด้วยว่า เกี่ยวข้องกับส่วยรถบรรทุกหรือไม่


เพราะนอกจากรถบรรทุกคันที่ตกลงไปในท่อแล้ว รถบรรทุกคันอื่น ๆ จากการตรวจสอบ ก็พบสติกเกอร์ลักษณะเดียวกัน ติดอยู่ที่บริเวณกระจกหน้ารถด้วย

-------------





รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/NGpAKmQ1x8I








คุณอาจสนใจ

Related News