กีฬา

‘โจ้ สืบศักดิ์’ ร้อง 'ชาดา' ปราบผู้มีอิทธิพลวงการตะกร้อ ด้านอดีตทีมชาติ ยันยินดีโดนหักเงินให้ทีมงาน

โดย petchpawee_k

9 พ.ย. 2566

236 views

อดีตนักกีฬาตะกร้อทีมชาติ สืบศักดิ์ ผันสืบ ร้อง มท.2 ปราบผู้มีอิทธิพลในวงการกีฬาตะกร้อ หลังพบมีการหักเงินนักกีฬา มานานนับ 10 ปี ทั้งที่มีทุนของสมาคม ขณะที่นักกีฬาระบุ เงินได้มาผู้จัดการจะดูแลจัดแบ่งก่อนโอนให้ เต็มใจให้หักเพื่อแบ่งเงินให้เพื่อนคู่ซ้อม


พันตำรวจโทสืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักกีฬาตะกร้อชื่อดัง นำเอกสารเข้าพบนาย ชาดา ไทยเศรษฐ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือ มท.2 เพื่อให้ช่วยปราบปรามผู้มีอิทธิพลในวงการกีฬาตะกร้อ หลังจากมีน้องๆ นักกีฬาแจ้งร้องเรียน เรื่องการหักเงินนักกีฬา ซึ่งมีมาอย่างยาวนาน ที่กว่า 20 ปี


จากนั้นก็ออกมาให้สัมภาษณ์ ระบุว่า ที่มาร้องเรียนวันนี้ ไม่ได้มีเรื่องหรือปัญหากับใครในวงการตะกร้อ แต่เป็นเพราะทนไม่ไหว ที่ต้องเห็นเรื่องการหักค่าตัวนักกีฬามานานกว่า 10ปี ตั้งแต่สมัยตนเองเป็นนักกีฬาก็ถูกหัก จนมาถึงปัจจุบัน ยังมีการหักเงินนี้อยู่


อย่างล่าสุด ช่วงเอเชียน เกมส์ 2023 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ทีมชุดชาย (12 คน) และทีมเดี่ยวชาย (5 คน) ที่ได้เหรียญทองทั้งคู่ จะได้เงินรวม 34 ล้าน (คนละ 2 ล้านบาท) โดยทีมชุดหญิง และทีมเดี่ยวหญิง ที่ได้รวม 2 เหรียญทอง ก็จะได้เงินเท่ากัน


โดยโค้ช มี 3 คน จะได้เงินจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 20% คือ 5.8 ล้านบาท ตามเงินรางวัลจากนักกีฬาที่ได้รับจากการแข่งขันอยู่แล้ว


“แต่ยังมีการมาหักเงิน เปอร์เซ็นต์ จากประเภททีมเดี่ยวทั้งชายและหญิงรวม 10 ล้านบาท (ทีมละ 5 ล้านบาท) โดยอ้างว่า จะนำเงินไปให้นักกีฬาที่ไม่ได้ติดทีมมา เพราะเป็นคู่ซ้อม แต่มาดูสุดท้ายทีมชายเงินหายไป 3.3 ล้านบาท ส่วนทีมหญิง หายไป 6.75 ล้านบาท”


เงินส่วนนี้หายไปไหน ที่ผ่านมาเคยทำหนังสือ ถึงคณะกรรมการ นำเรื่องร้องเรียนถึงคณะกรรมการสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย เพื่อหวังจะได้รับการแก้ไข แต่ปรากฎว่า ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีแม้กระทั่งการหยิบเอกสารมาดู


ตนจึงมองว่า การยื่นเอกสารไปก็ไม่มีความหมาย หรือเป็นเพราะว่าในเอกสาร มีการร้องเรียนผู้ใหญ่บางคนที่สงสัยว่า มีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงหรือไม่ จึงเก็บเอกสารไว้ไม่มีการตรวจสอบใดๆ ทั้งสิ้น  


ซึ่งการที่มาร้องเรียนคุณชาดา เพราะเห็นว่า พฤติกรรมดังกล่าว เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล ซึ่งการเป็นผู้มีอิทธิพล ไม่ใช่แค่พวกนักเลง แต่การกระทำแบบนี้ก็เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลเช่นกัน หากจะต้องตรวจสอบกันจริงๆ บุคคลที่เกี่ยวข้องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้งผู้จัดการทีม และ ผู้ฝึกสอนจึงจะรู้ความจริง


ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทย จ่ายเงินให้รายบุคคลอยู่แล้ว จึงไม่ควรมาหักเงินกับนักกีฬา และเอาเงินสมาคมมาใช้ ซึ่งเป็นผู้บริหารทีม ต้องหาเงินมา ไม่ใช่มาเอาเงินนักกีฬาแล้วมาทำแบบนี้  


พันตำรวจโทสืบศักดิ์ กล่าวต่อว่า การหักเงินรางวัลนักกีฬา ไม่ใช่ทำเพียงบุคคลเดียว แต่น่าจะเป็นทำเป็นขบวนการ ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่ในวงการตะกร้อมานานกว่า 20 ปี จึงเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการนี้ โดยพฤติการณ์มักจะอ้างกับนักกีฬาว่าต้องการหักเงินส่วนนี้ไปให้กับนักกีฬาที่ชื่อหลุดจากทีมชาติ และยังพบว่าเมื่อหักเงินแล้ว ก็จะนำเงินดังกล่าวไปพักไว้ที่บุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทยด้วย ดังนั้น หากจะแก้ไขปัญหาจริงจัง ส่วนตัวคิดว่าทางสมาคมต้องสั่งพักงานบุคคลเหล่านี้ก่อน มิเช่นนั้น นักกีฬาจะไม่กล้าออกมาให้ข้อมูล


อย่างไรก็ตาม ขอให้ทางสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย พิจารณาแก้ไขการหักเงินรางวัลนักกีฬา เพราะบุคคลอื่นไม่ควรที่จะเอาเงินนักกีฬาไป และการหักถึง 50% ไม่ได้เรียกว่าน้ำใจ น่าจะเป็นอย่างอื่น ซึ่งหากทางสมาคมยังไม่มีคำตอบ ตนจะเปิดความลับที่ใหญ่กว่าเรื่องนี้ และจะทำให้วงการตะกร้อสะเทือนแน่นอน


ทั้งนี้ ตนได้ร่างหนังสือร้องเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ทราบว่าท่านรัฐมนตรีติดภารกิจไปต่างประเทศ จึงจะเข้ายื่นคำร้องต่อผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย


ทีมข่าวสอบถาม นายอนุวัฒน์ ชัยชนะ อดีตนักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทย ยืนยันว่า ยินดีและเต็มใจที่จะแบ่งให้เงินรางวัล ส่วนตัวให้กับทีมให้ผู้จัดการไปดูแล เพราะในทีมยังมีพี่น้อง คู่ซ้อม หรือ คนที่ไม่ได้รางวัล ถ้าไม่มีเงินจากพวกตนแบ่งปันให้ เขาจะเอาเงินจากไหน


“เรื่องนี้โดยส่วนตัว ผมไม่เคยติดใจ หรือคิดว่าโดนเอารัดเอาเปรียบส่วนแบ่งให้ ให้ด้วยความเต็มใจนะ เห็นพี่ เพื่อน น้อง หรือโค้ชในทีม ซ้อมด้วยกันมา ผ่านโปรแกรมฝึกซ้อมต่างๆ มา กินนอนอยู่ด้วยกัน ผมรักและเคารพทุกท่าน ให้เกียรติทุกท่าน เมื่อได้รับรางวัลมาผมก็อยากให้ทุกๆ คนได้รับ”


 และผมก็ขอแสดงจุดยืนของผมตรงนี้ 10 กว่าปีที่ผ่านมาผมก็ให้มาตลอด บางคนที่เคยได้รับส่วนแบ่ง จนตอนนี้ติดเป็นตัวหลักทีมชาติ ก็เคยเป็นผู้รับเงินส่วนแบ่งมาก่อน เมื่อเขาได้รับโอกาส ก็ได้แบ่งปันเงินให้ทีมต่อไป และเป็นการทำแบบนี้มาต่อเนื่อง และไม่เห็นว่าจะเสียหาย

ตามปกติ เมื่อได้รับเงินมาผู้จัดการ จะเป็นคนดูแลเงิน แล้วจัดสรรมาให้ ส่วนผู้จัดการจะนำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองหรือไปทำอะไร อันนี้ไม่ทราบ เพราะไว้ใจผู้จัดการที่ดูแล ก็ขอให้เป็นการตรวจสอบ ตามที่พี่โจ้ สืบศักดิ์ ไปร้องเรียน


ด้านนายธนา ไชยประสิทธิ์ นายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย ที่พึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้ออกมาชี้แจงเช่นกัน โดยกล่าวว่าเป็นเรื่องเก่าของสมาคมชุดที่แล้ว เรื่องกว่า 10 ปีแล้ว แต่ยังยืนยันว่าถ้าเป็นเรื่องของสมาคมชุดนี้จะจัดการให้แน่นอน แต่ยืนยันว่าเป็นการคุยตกลงกันแล้วโดยนักกีฬาทั้งตัวจริงและตัวสำรองรวมทั้งสตาฟฟ์โค้ชทั้งหมดด้วย


“ผมไม่รู้ว่าเขามีวัตถุประสงค์อะไร ทำไมไม่ร้องตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ทำไมเพิ่งมาร้องตอนนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วโจ้ก็เป็นกรรมการบริหารชุดใหม่ ถ้าเขาอยากเห็นอะไร อยากแก้ไขอะไร ทำไมไม่มาพูดกันในที่ประชุม ไม่รู้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังอะไรหรือเปล่า”


“ส่วนเรื่องเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ ได้คุยกับนักกีฬาแล้วเรื่องเงินรางวัล หลายคนไม่มีปัญหาอะไร เพราะเท่าที่คุยทุกคนตกลงกันแล้วว่า เป็นการแบ่งเงินให้กับคู่ซ้อม, เจ้าหน้าที่ทีม ไปจนถึงแม่บ้าน เพราะทุกคนมองว่ามาได้ด้วยแรงสนับสนุนที่ทุกฝ่ายช่วยกัน อย่าง ปุ้ย พรชัย เค้าแก้ว ที่ไม่ได้ลงทีมเดี่ยว ก็ได้รับส่วนแบ่งตรงนี้ด้วย ทำไมไม่หยิบเอามาพูดกันบ้าง จึงเกิดความสงสัยและไม่เข้าใจว่าทำไมโจ้เพิ่งออกมาร้องเรียนตอนนี้” นายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทยกล่าว


คุณอาจสนใจ