สังคม
DSI พบเส้นทางเงิน 'อดีต รมต.' เชื่อมหักหัวคิวคนไทยไปฟินแลนด์ - 'อดีต รมต.แรงงาน' ปัดเอี่ยว พร้อมแจงหากถูกเรียก
โดย parichat_p
11 ม.ค. 2567
210 views
ดีเอสไอ "พบเส้นทางการเงิน "อดีตรมต.-ขรก.แรงงาน" เอี่ยว หักหัวคิวส่งคนไทยไปฟินแลนด์
ดีเอสไอ แจงพบมีการเรียกเก็บค่าหัวคิวแรงงานที่ไปทำงานเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศฟินแลนด์ เฉลี่ยรายละ 3,000 บาท โดยคิดแฝงกับค่าใช้จ่ายในการเดินทาง พบหลักฐานทางการเงินบางส่วนเชื่อมโยงกับอดีตรัฐมนตรี และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ด้าน 1 ในอดีตรัฐมนตรีช่วงที่ถูกกล่าวหา ยันความบริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องเรียกรับหัวคิว พร้อมเข้าสู่กระบวนการยืนยันความบริสุทธิ์
หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหนังสือ press release เมื่อวานนี้ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีมติให้กล่าวหา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และผู้บริหารระดับกระทรวงแรงงาน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณี พบหลักฐานเกี่ยวข้องขบวนการส่งแรงงานไทยเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในสาธารณรัฐฟินแลนด์ เสียหาย 36 ล้านบาท
ทีมข่าวสอบถามเรื่องนี้ไปยัง พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบายถึงจุดเริ่มต้น ก่อนที่จะมีมติให้กล่าวหา อดีตข้าราชการฝ่ายการเมือง ระดับรัฐมนตรี 2 คน และผู้บริหารระดับสูง กระทรวงแรงงาน อีก 2 คน รวมทั้งหมด 4 คน ว่า
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ สืบเนื่องมาจากกระทรวงการต่างประเทศ มีหนังสือมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในกรณีที่ทางสถานทูตเฮลซิงกิ ของฟินแลนด์ มีการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ไปเก็บผลไม้ที่ฟินแลนด์ ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้ ไม่ได้รับค่าจ้างตามที่ตกลงกับบริษัทไว้ว่ามีรายได้ตามสัญญาที่ตกลง จึงเข้าข่ายการค้ามนุษย์ เพราะถือว่าเป็นการบังคับใช้แรงงาน ก็เลยขอความช่วยเหลือมา ซึ่งในส่วนนี้ทางการของฟินแลนด์ ได้ดำเนินการในส่วนของเค้าเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะช่วยเหลือแรงงานไทย
เมื่อมีการสอบปากคำผู้ที่เดินทางกลับมาจากฟินแลนด์ ประมาณเกือบ 100 ปาก และอีกส่วนหนึ่ง เป็นกระบวนการขอความร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญาไปทางฟินแลนด์ ก็ได้ข้อเท็จจริง และเอกสารพยานหลักฐานสำคัญจากฟินแลนด์มาด้วย ทำให้ทราบข้อมูลว่า ในกระบวนการก่อนเดินทางจากประเทศไทย พบว่ามีกระบวนการที่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายปกติให้กับผู้ที่เดินทางไปจ่ายเพิ่มเติม โดยที่ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายแฝง เฉลี่ยคนละ 3,000 บาท เรียกว่าเป็นค่าดำเนินการ หรือเรียกว่า ค่าหัวคิว ซึ่งแรงงานที่เดินทางไป จะไม่ทราบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ โดยพฤติการณ์ ของทางบริษัทที่ถูกกล่าวหา จะใช้วิธีแฝงค่าหัวคิว หรือ ค่าดำเนินการ ไปกับค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น สมมติ ค่าตั๋วเครื่องบิน 37,000 บาท ก็จะบวกเพิ่มไปอีก 3,000 บาท รวมเป็น 40,000 บาท เป็นต้น
แต่เมื่อนำในเอกสารที่จากทางประเทศฟินแลนด์มาตรวจสอบ ปรากฎว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เกิดขึ้น โดยจะใช้คำภาษาอังกฤษว่า DOE MANAGEMENT หรือ ค่าดำเนินการและพอมาตรวจสอบในปี 63 ถึง 66 ซึ่งเป็นช่วงดำเนินคดี มีผู้อยู่ในข่ายต้องเสียค่าใช้จ่ายดังกล่าว รวมประมาณ 12,000 คน คิดเป็นเงินรวมประมาณ 36 ล้านบาท
เมื่อสอบถามว่า แล้วจากข้อมูลดังกล่าว ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นมาจากบริษัทที่พาแรงงานไทยไปทำงาน แต่ทำไมจึงมีมติให้กล่าวหา อดีตรัฐมนตรี และผู้บริหารระดับสูงกระทรวง ทาง พ.ต.ต. วรณัน ระบุว่า จากข้อมูลที่ได้จากทางการสืบสวนสอบสวน มีหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงว่า อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งรวมทั้งข้อมูลที่มีเรื่องเส้นทางการเงินบางส่วน ที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
พ.ต.ต.วรณัน ระบุเพิ่มเติมว่า ปกติบริษัทที่เป็นผู้แทนของกระทรวง จะต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางานอยู่แล้ว จะต้องมีการทำสัญญา มีการไปอบรมฝึกอาชีพ และจึงได้ใบรับรอง และไปทำงาน แต่จากการสอบปากคำผู้ที่เดินทางกลับมาบางรายให้ข้อมูลว่า บางคนที่ไป แต่ไม่มีเงินก็ทำสัญญาเงินกู้ โดยที่บริษัทออกให้ เพื่อไปดำเนินการเรื่องวีซ่า และค่าต่างๆ และจะเรียกเก็บจากการทำงานที่ฟินแลนด์ จึงขอย้ำว่าการทำสัญญาจ้างงานที่ถูกต้อง ต้องมีการดำเนินการโดยประสานกับกรมการจัดหางาน ไม่ใช่ไปคุยกันลับหลัง และเซ็นสัญญากันกู้เงินกัน อันนี้มีความเสี่ยงที่จะไม่ถูกต้องเยอะ
โดยหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวน และอัยการมีมติกล่าวหา เนื่องจากบุคคลที่กล่าวหาเป็น บุคคลที่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. จะต้องส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการตามกฏหมาย กรอบระยะเวลากำหนดไว้ 30 วัน
ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามอดีตรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานที่ดำรงตำแหน่งในช่วงสมัยปี 63 -66 ให้ข้อมูลว่า ตนไม่รู้ว่าดีเอสไอกล่าวหาใคร แต่ยืนยันว่าตนเองไม่เกี่ยวข้อง และหากคิดว่าเกี่ยวข้องก็กล่าวหามา พร้อมที่จะต่อสู้ในความบริสุทธิ์ และเข้าสู่กระบวนการจะได้รู้ใครผิดใครถูก และหาก ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ ก็ต้องเอาหลักฐานมาชี้แจงให้ได้ว่า ตนเองเกี่ยวข้องยังไง และการกล่าวหากันโดยยังไม่ได้เรียกใครมาสอบ จะกล่าวหากันได้อย่างไร แต่ตนเองก็รู้สึกเฉยๆ ก็ว่ากันไปตามความถูกต้อง และตนมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ทำอะไร
เมื่อสอบถามว่า หลายคนเพ่งเล็งว่าเป็นตนเอง แต่เรื่องนี้มีการส่งแรงงานไปเป็น 10 ปีแล้ว ก่อนตนมา เรื่องค้ามนุษย์มันไม่เกี่ยวกับตนอยู่แล้ว ส่วนการส่งแรงงานไปเป็นเรื่องของเอกชน แล้วจะไปค้ามนุษย์ได้อย่างไร เพราะคนไปทุกปี ปีละ 3,000-5,000 คน ถ้ามีปัญหาเขาจะไปทำไมกันทุกปีๆ
สำหรับเรื่องเรียกรับหัวคิว ยืนยันว่า ตนเองไม่รู้จักกับคนที่ไปเลยสักคน แล้วจะเรียกยังไง แล้วตนเองเป็นใคร ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนเอง และยืนยันว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนอนุมัติ แต่ฟินแลนด์เป็นคนอนุมัติ เพราะเขามีบริษัทคู่ค้าทางฟินแลนด์กันอยู่แล้ว ส่วนกระทรวงแรงงาน มีหน้าที่แค่อนุมัติตามวีซ่า เพราะวีซ่าออกให้ไปเก็บผลไม้ป่า แล้วเขาไปถูกต้อง แล้วจะจ่ายทำไม เอาตรรกะความจริงเลย
รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/mfHZqa1xfB8