สังคม

เชียงใหม่เดือด! เก๋งหัวร้อนแพ้เสียงแตร ขับรถไล่บี้ชนดะ ลงมาผลักสาวท้อง คู่กรณีงง ตร.ไม่เรียกเป่าแอลกอฮอล์

โดย nattachat_c

3 พ.ย. 2566

350 views

มีกรณีรถเก๋งที่ขับฝ่าไฟแดง จนเกือบเฉี่ยวชนรถคันอื่น พอถูกบีบแตรเตือนก็หัวร้อน ขับรถจี้ท้ายคันที่บีบแตร แล้วชนท้าย และยังทำร้ายผู้หญิงท้อง 8 เดือนด้วย โดยมีภาพจากกล้องหน้ารถของผู้เสียหาย จับภาพนาทีเกิดเหตุได้


ผู้เสียหาย ชื่อ นายหนุ่ม อายุ 29 ปี ขับรถกระบะโตโยต้า รีโว่ สีบรอนซ์เทา จะไปส่งภรรยาไปทำงานกะดึกในตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อเวลาประมาณตีสามของวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะกำลังขับรถมาจากถนนเชียงใหม่-พร้าว ผ่านไฟเขียวบริเวณแยกฟ้าฮ่าม ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมืองเชียงใหม่  และกำลังจะเลี้ยวขวาเข้าไปทางสะพานป่าตันเข้าสู่ตัวเมือง จู่ ๆ มีรถยนต์มิตซูบิชิแวกอน สีดำ ทะเบียน ขข 6447 เชียงใหม่ ขับฝ่าไฟแดงมาทางด้านซ้ายของทางแยก จนเกือบเฉี่ยวชน จึงกดแตรเตือนไปสองครั้ง


แต่เสียงแตรกลับทำให้คนขับรถคันดังกล่าวหัวร้อนขึ้นมาทันที โดยได้ขับจี้ท้ายมาติด ๆ พร้อมกับกดแตรไล่หลังไม่หยุด ตนเองจึงได้ชะลอความเร็วและชิดขอบทางเพื่อให้แซงถึงสองครั้ง แต่ก็ไม่ยอมแซง จึงตัดสินใจหยุดรถเพื่อให้แซง แต่กลับถูกรถคันดังกล่าวพุ่งชนท้าย ด้วยความตกใจและกลัวภรรยาที่ตั้งครรภ์ 8 เดือน ที่นั่งมาด้วยจะได้รับอันตราย จึงรีบขับหนีออกไป


เมื่อไปถึงบริเวณแยกเชิงสะพานรัตนโกสินทร์ฝั่งตะวันออก รถคันดังกล่าวก็ได้ขับมาเบียดและชนด้านท้ายขวาของรถ ตนเองขับหนีก็ยังถูกขับตามมาชนอีก 3 ครั้งจนรถเสียหาย ก่อนจะถูกปาดหน้าคล้ายกับบังคับให้จอดบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ เหตุการณ์ระทึกเหมือนกับภาพยนตร์แอ็คชั่น


จากนั้น ตนเองจึงตัดสินใจขับรถข้ามถนนไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้ามเพื่อขอความช่วยเหลือ ปรากฏว่าชายคนขับและคนที่นั่งมาด้วย 3 คน ลงจากรถมาในสภาพเมา กรูเข้ามารุมทำร้ายถึงร้านก๋วยเตี๋ยวจนทำให้ตนเองโดยต่อยและต้องปัดป้องหาทางป้องกันตัวเอง จังหวะนั้นภรรยาร้องขอกลุ่มคู่กรณีอย่าทำร้ายสามี แต่กลับถูกผลักจนเกือบล้มทั้งที่ท้องแก่


ในช่วงชุลมุน หญิงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวและลูกค้าที่อยู่ในเหตุการณ์พากันออกมาปกป้องช่วยเหลือ จนเกิดการโต้เถียงกันบานปลาย แต่ทั้งสามคนก็ยังป่วนไม่หยุด หยิบถ้วยผักปาใส่เจ้าของร้านและลูกค้าและมีท่าทีคุกคามพยายามจะเข้ามาทำร้ายและยังมีกลุ่มวัยรุ่นอีกสองคนตามมาสบทบ จังหวะนั้นลูกค้าในร้านคาดสถานการณ์บานปลายจึงได้โทรศัพท์แจ้ง 191 ให้สายตรวจมาระงับเหตุ


ต่อมาตำรวจสายตรวจ สภ.ช้างเผือก ได้เชิญตัวทั้งสองฝ่ายไปโรงพัก ตนเองจึงได้ขับรถไปที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งตนเองได้ผลที่ 5 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และ ได้สอบถามเหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อลงบันทึกประจำวัน โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง แต่ปรากฏกว่าฝ่ายคู่กรณีไม่มีใครมา แต่ยังคงอาละวาดป่วนอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวไม่เลิก ตนเองจึงได้ขอให้ตำรวจไปเชิญตัวมาเพราะต้องการให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ แต่กลับได้รับคำตอบว่ากำลังสายตรวจมีไม่พอเพราะเป็นวันหยุดและมีตำรวจลาเยอะ ผู้ก่อเหตุมีจำนวน 5 คน ตำรวจที่จะไปต้องมี 10 นาย แต่วันนี้มีไม่ถึง ส่วนเรื่องการออกไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่จุดเกิดเหตุ เป็นหน้าที่ของตำรวจจราจร ซึ่งกลางดึกไม่มีตำรวจจราจรจึงไม่สามารถไปตรวจวัดให้ได้ โดยแจ้งแค่ว่าจะนัดทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันอีกครั้งในภายหลัง


นายหนุ่ม บอกว่า รู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ห่วงที่สุดก็คือภรรยาและลูกในท้องจะได้รับอันตราย โชคดีที่มีคนมาช่วยไว้ จนถึงขณะนี้ฝ่ายคู่กรณีก็ยังไม่ติดต่อมารับผิดชอบความเสียหาย เรื่องนี้ได้แจ้งความในข้อหาขับขี่รถโดยประมาทและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย รวมทั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุดและขอให้ตำรวจให้ความเป็นธรรม เร่งรัดเรียกตัวมาสอบสวนดำเนินคดี


ล่าสุด เมื่อวานนี้ (2 พ.ย.66) พนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ได้สอบปากคำคู่กรณีทั้งสองฝ่าย รวมทั้งตำรวจสายตรวจที่ไปยังจุดเกิดเหตุในฐานะพยานด้วย  ขณะที่ พ.ต.ท.กรณ์ ศศิมณฑา รอง ผกก สอบสวน สภ ช้างเผือก เปิดเผยว่า  เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องข้อพิพากกันทางจราจร   หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.ช้างเผือกเข้าไประงับเหตุ และเชิญตัวคู่กรณีมาที่ สภ.ช้างเผือก เพื่อไกล่เกลี่ยเบื้องต้น  แต่ฝั่งผู้ก่อเหตุไม่มา ส่วนที่ผู้เสียหายบอกว่า ทางตำรวจไม่ยอมเป่าแอลกอฮอลของอีกฝ่ายนั้น  ได้เรียกตำรวจสายตรวจมาสอบถามแล้ว ให้เหตุผลว่า ในตอนนั้นกำลังพลไม่เพียงพอที่จะไประงับเหตุ จึงไม่ได้พาตัวคู่กรณีที่ก่อเหตุมาด้วย แต่ได้บันทึกภาพ บันทึกวีดีโอไว้ทุกอย่าง เพื่อยืนยันตัวของอีกฝั่งหนึ่งไว้เรียบร้อยแล้ว และได้เชิญตัวออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาภายหลัง


พ.ต.ท.กรณ์ ยังเปิดเผยอีกว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ถือว่าเป็นคนกลางที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย และได้ไประงับเหตุ ก็ได้ถูกเรียกสอบปากคำด้วยเพื่อเป็นพยาน  ส่วนกรณีกลุ่มผู้ก่อเหตุมีลักษณะเมาสุรานั้น การให้ปากคำของเจ้าหน้าที่สายตรวจก็สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานได้ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ


ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากลุ่มผู้ก่อเหตุ คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกายแต่ไม่ถึงกับเป็นอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ส่วนคนที่ขับรถ ก็จะมีข้อหาเมาแล้วขับ, ขับขี่รถโดยประมาทหวาดเสียว เพิ่มมาอีกด้วย


พร้อมกันนี้ ทางตำรวจ สภ.ช้างเผือก อยากฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนน อยากให้ใจเย็น ๆ ให้อภัยซึ่งกันและกัน ทุกคนก็อยากจะเดินทางไปถึงจุดหมายโดยปลอดภัยอยู่แล้ว เพียงแต่ในบางครั้งในบางอารมณ์ อาจจะมีการหัวร้อนใส่กันบ้าง ก็เย็น ๆ ใส่กัน และที่สำคัญก็คือ การดื่มสุราแล้วมาขับขี่ยานพาหนะ จะทำให้การตัดสินใจ การควบคุมอารมณ์ลดลง และไม่ถูกกฏหมายอยู่แล้ว และทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องภายหลัง ทำให้สังคมเดือดร้อน ก็ฝากเตือนไปยังประชาชนด้วยในเรื่องของการขับขี่ไม่ดื่มแอลกฮอล เพื่อความปลอดภัย

-------------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/bEeGcI4qMEY


คุณอาจสนใจ

Related News