สังคม

สายไหมต้องรอด พา 2 ตายาย ตรวจเส้นผม พิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย

โดย gamonthip_s

20 ต.ค. 2566

1.3K views

ความคืบหน้าหลังจากเมื่อวานนี้ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดพา 2 ตายาย คือ นายนอ อายุ 83 ปี และนางแว่น อายุ 69 ปี พร้อมลูกสาวคนโตและหลานสาว เดินทางไปเข้าพบว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี หลังจาก 2 ตายาย อ้างว่าถูกลูกสาวคนเล็ก แอบเอายากล่อมประสาทให้กินเป็นเวลานาน 3 ปี จนเกือบเสียสติ และเงินในบัญชีธนาคารกว่า 10 ล้าน รวมทั้งที่ดินกว่า 100 ไร่ มูลค่า 500 ล้านบาท ถูกโอนไปเป็นชื่อลูกสาวคนเล็กจนหมด



วันนี้ (20 ต.ค. 66) เวลา 11.30 น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ได้พา 2 ตายาย เดินทางมาที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย ด้วยการตรวจเส้นผม หลังจากที่ตานอ ระบุว่า ลูกเขยมีพฤติกรรมเสพยาบ้า จึงไม่แน่ใจว่ายาเม็ดที่ลูกสาวคนเล็กและลูกเขยเอามาให้กินจนทำให้เกือบเสียสติ จะใช่ยาบ้าหรือไม่



พันตำรวจโทเชน กาญจนาปัจจ์ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ถ้าเป็นภาวะปกติคนถูกมอมยา จะสามารถตรวจจากเลือดได้ ภายใน 1 ถึง 3 วัน นับตั้งแต่ได้รับยาเข้าร่างกาย แต่กรณีนี้ผ่านมา 6 เดือนแล้ว จึงไม่สามารถตรวจหาสารกล่อมประสาทจากเลือดได้ แต่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะสามารถตรวจได้ผ่านเส้นผม โดยตรวจได้ระยะเวลาย้อนหลังไปตามความยาวของเส้นผมว่าบุคคลนั้น ๆ ได้รับสารอะไรเข้าไปในร่างกายบ้าง ซึ่งจะต้องดูตามข้อมูลที่ซักประวัติ ว่าต้องตรวจเส้นผมในความยาวเท่าใดเพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาการโยกย้ายทรัพย์สิน ทั้งนี้ หากผลตรวจออกมาพบสารกล่อมประสาทในร่างกาย ผู้เสียหายจะต้องไปร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการเจ้าของสำนวน เพื่อให้อัยการพิจารณาเรียกผลตรวจนี้เข้าไปอยู่ในสำนวนคดี



นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า การพาคุณตาคุณยายมาตรวจ ก็เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ด้วยการทำความจริงให้ปรากฏ เพราะคุณตาได้ให้รายละเอียดว่าได้กินยากล่อมประสาท ไม่แน่ใจว่าเป็นยาเสพติดไหม ซึ่งทราบว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์สามารถตรวจย้อนหลังได้ถึง 3 ปีหากเส้นผมยาวพอ จึงอยากขอให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ช่วยเหลือด้วยความโปร่งใส เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย



ขณะที่ พันตำรวจโทหญิงอัมพิกา ลีลาพจนาพร ผู้อำนวยการกองตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ในการตรวจนั้น จะมีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ตามมาตรฐานสากล ซึ่งหากพบสารในเส้นผม ก็จะสามารถบอกชนิดของสารได้เลย เช่น หากเป็นยาบ้า ก็จะระบุออกมาว่าเป็นสารชนิดเมทแอมเฟตามีน และหากตรวจจากเส้นผม ก็จะสามารถบอกระยะเวลาที่มีสารชนิดนั้นเข้าสู่ร่างกายได้ด้วย เพราะโดยทั่วไป เส้นผมคนเราจะยาวประมาณเดือนละ 1 เซนติเมตร ทั้งนี้ หากมีข้อจำกัดเรื่องความยาวเส้นผม เช่น กรณีของคุณตาที่ผมสั้น ก็อาจจะตรวจจากเส้นขนส่วนอื่น ๆ แต่เส้นขนส่วนอื่นจะบอกระยะเวลาที่สารเข้าสู่ร่างกายไม่ได้ สำหรับระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจนั้น โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 30 วัน แต่กรณีนี้จะเร่งดำเนินการภายใน 10 วัน แต่ยังอยู่ภายใต้มาตรฐานสากล เพื่อให้ทันต่อการดำเนินคดี หากผลตรวจพบว่ามีสารจริง



ส่วนยานั้น หากยังมีอยู่ และจะส่งมาตรวจแยกก็สามารถทำได้ โดยหากสังเกตจากลักษณะของยา จะบอกได้ไม่ชัดว่าเป็นยาอะไร เพราะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ถ้าตรวจผ่านเครื่องมือ จะระบุชื่อสารได้เลย



ด้าน คุณตานอ จินดา ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดเรื่อง ลูกสาวคนเล็กไม่ได้มีการติดต่อเข้ามาพูดคุยอะไรเลย มีการพูดคุยกันล่าสุดในวันที่ศาลจังหวัดสีคิ้วมีการเรียกไปเจรจาที่ศาล แต่ลูกสาวและลูกเขยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยบอกว่าตนเป็นคนยกเงินและที่ดินให้เอง ทั้งที่ตนไม่ได้ทำ ส่วนเอกสารการโอนที่ปรากฏลายนิ้วมือ และการลงชื่อเซ็นเอกสาร ตนเองยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเซ็นเอกสารเอง เชื่อว่าลายเซ็นดังกล่าวอาจจะมีการปลอมแปลงขึ้น โดยลูกสาวคนเล็ก



ทั้งนี้ ความเป็นอยู่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่อาศัยอยู่กับลูกสาวคนเล็ก ก็เลี้ยงดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เวลาให้กินข้าวก็ทำไปบ่นไป บางครั้งก็ด่าตนเองกับภรรยา และยังให้กินยาอะไรก็ไม่รู้ แต่กินเข้าไปแล้วก็มีอาการปากแห้ง คอแห้ง ตาค้าง แล้วมีอาการชักเกร็ง นอกจากนี้ หลังตนเองออกมาอยู่กับลูกสาวคนโต แล้วจะกลับเข้าไปเอาเสื้อผ้า และข้าวของ ลูกสาวคนเล็กก็ยังไม่ให้เข้าไป อ้างว่าต้องมีหมายศาล ถึงจะสามารถเข้ามาในบ้านได้ ทั้งที่บ้านนี้เป็นที่ดินของตน



คุณตานอ ยืนยันว่า จะดำเนินคดีลูกสาวคนเล็กให้ถึงที่สุด เพราะว่ากว่าจะได้ที่ดินมาก็ต้องทำงานลำบากมาก่อนสมัยที่ยังเป็นหนุ่ม แต่ลูกสาวเอาทุกอย่างของตนเองไปหมดเลย ทำกันเกินไป เหมือนกับไม่ใช่พ่อลูกกัน ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ต้องเรียกว่าลูกทรพี



นางสาวอาภาพัชร์ พันธุ์มุง หลานสาวของผู้เสียหาย (ลูกของลูกสาวคนโต) เปิดเผยว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้มีการเป่าหูคุณตาคุณยาย และไม่รู้เรื่องแบ่งสมบัติ เพราะว่าฝ่ายบ้านตนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ หากคุณตาคุณยายท่านอยากแบ่งให้อย่างไร ก็ตามนั้น แต่ที่เข้าไปช่วย เพราะคุณตาคุณยายร้องขอความช่วยเหลือมา และก่อนที่จะพาไปดำเนินการอะไร ก็มีการสอบถามโดยละเอียด และอัดคลิปวิดีโอไว้ ซึ่งคุณตาคุณยายก็ตอบแบบเดิมทุกครั้ง



ส่วนที่ตอนแรกคุณตาคุณยายไปอาศัยอยู่กับอีกฝ่าย คงเป็นเพราะความเข้าใจผิด เพราะคุณแม่ตนเป็นคนตรง ๆ แต่คุณตาคุณยายอาจชอบคนพูดจาหวาน ๆ มากกว่า และเชื่อว่ามีการใส่ร้ายด้วย เพราะตอนที่คุณตาป่วย คุณแม่ตนพยายามจะไปเยี่ยม แต่อีกฝ่ายบอกว่า หมอไม่ให้เข้าเยี่ยม แต่ตอนหลังคุณตาก็มาต่อว่าว่าแม่ไม่ไปเยี่ยม



ทั้งนี้ แม่ตนกับอีกฝ่าย ไม่ได้มีปัญหากันตั้งแต่แรก ตนยังเข้านอกออกในบ้านหลังนั้นได้ตามปกติ แต่มามีเหตุการณ์ที่คุณแม่ไปทะเลาะกับสามีของอีกฝ่าย จนเป็นคดีความ โดยทะเลาะกันเรื่องที่ดินที่จะขายมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากสามีของอีกฝ่ายเข้ามาพูดว่า ต้องจัดสรรปันส่วนอย่างไร คุณแม่เลยโกรธว่าทำไมมายุ่งเรื่องในครอบครัว เพราะขนาดพ่อของตน เป็นลูกเขยมาก่อน 10 กว่าปี ก็ยังไม่เคยเข้ามายุ่ง

คุณอาจสนใจ

Related News