ดีเอสไอ ค้น 5 จุด พบหลักฐานต้องสงสัย บ.กำนันนก ฮั้วประมูล พัวพันคนมีสี

กรมสอบสวนคดีพิเศษ จัดชุดออกตรวจค้น 5 จุด เพื่อหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหา ฮั้วประมูลของบริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง ที่ชนะประมูลโครงการก่อสร้างทางหลวงหลายเส้นทาง และเกี่ยวพันถึงนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก จังหวัดนครปฐม หลักฐานที่ตรวจยึดได้ ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์นำไปตรวจสอบ ขณะที่ผู้อำนวยการกองคดีฮั้วประมูล ของดีเอสไอ ระบุว่าพบพิรุธหลายประการที่บ่งชี้ว่าอาจมีการฮั้วประมูล และอาจพัวพันเจ้าหน้าที่รัฐ



กรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงข่าวพร้อมกับเผยแพร่ภาพและคลิปขณะเข้าค้นหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีฮั้วประมูล จากบ้านเป้าหมายทั้งหมด 5 จุด เมื่อวานนี้



จุดแรกเป็นบ้านของหญิงคนหนึ่งในอำเภอเมืองนครปฐม ตรวจยึดโทรศัพท์ 8 เครื่อง เอกสารและสมุดบัญชีธนาคาร



จุดที่สองเป็นร้านแห่งหนึ่ง ยึดโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง พร้อมสมุดบันทึก ที่เขียนเลขบัญชีธนาคารพร้อมชื่อบัญชี



จุดที่ 3 บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง อำเภอเมืองนครปฐม ยึดเอกสารสัญญาจ้างที่มีมูลค่างานตั้งแต่ 30 ล้านบาท จำนวน 20 แฟ้ม



จุดที่ 4 บริษัทเวฬา จำกัด ตรวจยึดเอกสาร 5 รายการ



จุดที่ 5 บ้านภรรยานายหน่อง ซึ่งเป็นมือปืนที่ยิงตำรวจในบ้านกำนันนก ยึดโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง



การตรวจค้นและยึดเอกสารดังกล่าว เพื่อหาหลักฐานที่เกี่ยวข้อง กรณีบริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์จำกัด ประมูลโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สายอำเภอดอนตูม ตำบลลำลูกบัว และทางหลวงหมายเลข 375 สายตำบลลำลูกบัว บรรจบทางหลวงเลข 346 รวมถึงโครงการอื่นๆที่เกี่ยวพัน โดยมีข้อสงสัยว่าน่าจะทำผิดฐานฮั้วประมูล



ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล ดีเอสไอระบุว่าทั้ง 5 เป้าหมายเกี่ยวข้องนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก เช่น เป็นบ้านพ่อ และบ้านน้องชาย กำนันนก บ้านภรรยามือปืนและบ้านของคนที่ทำเอกสารการฮั้วประมูล หลักฐานทั้งหมดถูกส่งไปสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อตรวจพิสูจน์ความเชื่อมโยง



ขณะเดียวกันก็ระบุว่าแนวทางสืบสวนเชื่อได้ว่ามีการฮั้วประมูล เพราะมีผู้ซื้อซองประมูลจำนวนมาก แต่ยื่นประมูลเพียง 3-4 ราย และชนะประมูลด้วยราคาต่างกันไม่มาก อีกทั้งแต่ละโครงการมีราคาประมูลใกล้เคียงกัน เชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องด้วย



ผู้อำนวยการกองคดีฮั้วประมูล ดีเอสไอ ยังระบุว่าได้ตรวจสอบบริษัทที่ไปซื้อซองประมูลจำนวน 50 บริษัทในฐานะพยาน พบว่ามีพยาน 1 คน ให้การว่าถูกข่มขู่ และได้เข้าโครงการคุ้มครองพยานของดีเอสไอ



ส่วนบริษัทที่เหลือ ส่วนใหญ่เข้าให้ปากคำเรียบร้อย เหลือเพียงไม่กี่บริษัทที่ขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำ และขอส่งเอกสารในภายหลัง ซึ่งดีเอสไอมั่นใจว่าไม่กระทบต่อการดำเนินคดี