สังคม

นายกฯ ปัดแบ่งแยก-ปลุกระดม ปมดิจิทัลวอลเล็ต บอกแค่อยากฟังเสียงประชาชน

โดย panisa_p

16 ต.ค. 2566

39 views

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีแดง 20 บาทตลอดสาย และได้เริ่มไปแล้วตั้งแต่ก่อนเที่ยงที่ผ่านมา ส่วนปัญหาเรื่องเงิน 1 หมื่นบาท นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่ได้พูดจาเพื่อสร้างปัญหาแบ่งแยก ปลุกระดมประชาชนให้เกลียดชังผู้ที่เห็นต่างกับโครงการนี้



นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบคำถามเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ให้ประชาชนที่เห็นด้วยออกมาส่งเสียง ยืนยันว่าไม่ได้แบ่งแยกประชาชนออกเป็นสองฝ่าย หรือเป็นการปลุกระดม แต่ต้องการรับฟังเสียงประชาชนทุกเสียง



ส่วนกรณีที่ สส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่ามีเงินนอกงบประมาณ เป็นจำนวนเงิน 4.8 ล้านล้านบาท ซึ่งสามารถนำเงินส่วนนี้มาใช้ในโครงการดิจิตอลวอลเลตได้ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องนี้ ขอให้รอการแถลงชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งจะมีการอธิบายที่มาที่ไปของงบประมาณ



ส่วนที่ฝ่ายค้านท้วงติงว่า อาจจะซ้ำรอยกับโครงการจำนำข้าวนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าพร้อมรับฟังทุกความเห็น แต่ยืนยันว่าดำเนินการทุกอย่างอย่างรัดกุม มีการตั้งคณะทำงาน คณะกรรมการ แต่ตอนนี้ขอให้รายละเอียดทั้งหมดชัดเจนก่อน ไม่อยากพูดไปก่อนให้เกิดความสับสน



ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ทดลองนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง จากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไปยังสถานีสวนจตุจักร เพื่อเริ่มใช้นโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งเริ่มตั้งแต่เวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา โดยประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วง บางซื่อ-รังสิต และบางชื่อ-ตลิ่งชัน และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง บางใหญ่-เตาปูน สามารถใช้อัตราค่าโดยสารเริ่มต้น 12 บาท และสูงสุด 20 บาทตลอดสายได้ทันที



แต่ในช่วงแรกผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสายสีแดงและสายสีม่วง ยังต้องจ่ายค่าโดยสารสายละ 20 บาท เนื่องจากระบบซอฟท์แวร์ของทั้ง รฟม. และ รฟท. ยังอยู่ระหว่างการปรับให้เชื่อมโยงข้อมูลกัน คาดว่าจะแล้วเสร็จและเก็บค่าโดยสารเชื่อมต่อระหว่าง 2 สาย ในราคา 20 บาท ได้ภายใน 1 พฤศจิกายนนี้ คาดว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้มีผู้โดยสารใช้บริการทั้ง 2 สาย เพิ่มขึ้นอีก 20% จากปัจจุบัน 100,000 คน เป็น 120,000 คนต่อวัน



ส่วนรถไฟฟ้าเส้นทางอื่น กระทรวงคมนาคมจะเร่งผลักดันกฏหมายตั๋วร่วม เข้า ครม. และสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะทำให้กระทรวงคมนาคมมีอำนาจเต็ม ในการเข้าไปเจรจากับภาคเอกชน และสามารถจัดตั้งกองทุน เพื่อนำรายได้มาจ่ายชดเชยให้เอกชนโดยไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน คาดจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปีนี้

คุณอาจสนใจ