ต่างประเทศ

'สุทิน' ย้ำทัพฟ้าพร้อม 100% แต่ต้องรออิสราเอลอนุญาตเข้าพื้นที่ - เตรียมอพยพแรงงานไทยล็อตแรก ถึงไทย 12 ต.ค.นี้

โดย nattachat_c

10 ต.ค. 2566

26 views

จากกรณี เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 06.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ประมาณ 10.30 น. ในไทย) กลุ่มฮามาสได้ตัดสินใจโจมตีประเทศอิสราเอล โดยการยิงจรวดทางอากาศประมาณ 5,000 ลูก พร้อมส่งกองกำลังจากฉนวนกาซาเข้าไปยังอิสราเอล เพื่อโจมตีภาคพื้นดิน โดยเฉพาะอิสราเอลตอนใต้และตอนกลาง และได้จับกุมตัวประกันจำนวนมาก 


โดยพบว่า คนไทยในประเทศอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 12 ราย (ไม่ใช่ยอดทางการ) บาดเจ็บ 9 คน และถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน 

-------------
วานนี้ (9 ต.ค. 66) เวลา 13.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ มีการประชุมศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน (RRC) โดยมี นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ ประชุมร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล กรณีเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง


ต่อมา เวลา 15.30 น. นายจักรพงษ์ แถลงข่าวภายหลังการประชุม ระบุว่า เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานในที่ประชุม ว่า


สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ล่าสุด มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 700 ราย บาดเจ็บ 1,000 กว่าราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 100 กว่าราย


สำหรับผลกระทบของคนไทยในประเทศอิสราเอล พบว่า


  • ผู้เสียชีวิต 12 ราย (ยังไม่ได้รับการยืนยันจากสถานทูตอิสราเอล)
  • ผู้บาดเจ็บ 9 คน (เพิ่มขึ้นจากการแถลงข่าวช่วงเช้า 1 ราย)
  • ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน
  • ยอดผู้ประสงค์กลับประเทศไทย คือ 1,437 คน
  • ยอดผู้ไม่ประสงค์กลับ 23 คน /
  • นักเรียนไทยทั้งหมด 80 คน ได้รับการยืนยันจาก เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่า ปลอดภัยทุกคน

----------

การอพยพคนไทย ทุกหน่วยงานพร้อมจัดหาเที่ยวบินพาณิชย์ เพื่ออพยพคนไทยออกจากอิสราเอล


โดยกลุ่มแรกที่จะพาออกมาคือผู้บาดเจ็บ ซึ่งออกมาจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว คาดว่าจะพาคนไทยกลุ่มแรก 15 คน ออกมาจากอิสราเอลในวันที่ 11 ต.ค. และกลับถึงประเทศไทยวันที่ 12 ต.ค.


โดยจะเดินทางมาด้วยเที่ยวบินพาณิชย์ เนื่องจากทางการอิสราเอลยังไม่อนุญาตให้เครื่องบินของกองทัพ หรือเที่ยวบินพิเศษ เข้าไปในพื้นที่

----------

วานนี้ (9 ต.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความ ระบุ


“ผมขอย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการให้ความช่วยเหลือและความปลอดภัยของพี่น้องคนไทยที่อยู่ในอิสราเอล โดยผมได้รับทราบว่า ขณะนี้ มีแรงงานชาวไทยในอิสราเอลจำนวนพันกว่าคนที่แสดงความประสงค์ที่จะเดินทางกลับมายังประเทศไทย ซึ่งผมได้สั่งการให้ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพอากาศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มที่โดยเร็ว


ในการนี้การอพยพจะเริ่มดำเนินการในทันที โดยทางสถานทูตไทยได้รายงานว่าจะจัดส่งคนไทยชุดแรก 15 คน ซึ่งบางรายเป็นผู้บาดเจ็บ โดยสายการบินพาณิชย์กลับถึงประเทศไทยในวันที่ 12 ต.ค.นี้ และจะทะยอยส่งกลับเป็นชุด ๆ


โดยมีคนไทยจำนวน 76 ราย ที่ทางการอิสราเอลช่วยนำออกมาจากพื้นที่สู้รบ ตลอดจนจำนวนที่เหลือทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ ทุกฝ่ายได้ประสานความพร้อมในการส่งเครื่องบินของทัพอากาศไปรับ หรือโดยเที่ยวบินพาณิชย์ รวมทั้งการเช่าเหมาลำตามความเหมาะสมของสถานการณ์


นอกจากนี้ ได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตไทยที่เกี่ยวข้อง ให้ติดต่อกับมิตรประเทศเพื่อช่วยประสานในการปล่อยตัวคนไทยที่จับกุมอีกทางด้วยแล้ว


ทั้งหมดนี้ ทางการไทยให้ความสำคัญยิ่งกับความปลอดภัยของคนไทย ทั้งนี้ไทยเป็นมิตรและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย และปรารถนาที่จะเห็นการยุติความรุนแรงรวมทั้งสถานการณ์กลับคืนสู่ปกติโดยเร็วครับ”
------------
วานนี้ (9 ต.ค. 66) เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงข่าวรายงาน สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ว่า  


ความคืบหน้าของคนภายในพื้นที่ของอิสราเอล ทางสถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รับแจ้งจากแรงงานและนายจ้างในพื้นที่เพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ถูกจับกุม สถานะล่าสุดผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 8 คน ได้รับการช่วยเหลือ ไปดูแลที่ รพ. เรียบร้อยแล้ว  ยกเว้นรายที่บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนการจับกุมคนไทยเป็นตัวประกัน อยู่ที่ 11 คน เสียชีวิต 12 ราย


ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบ เนื่องจากต้องให้มีการดำเนินติดต่อ ครอบครัวให้รับทราบก่อน ขณะเดียวกันยอดผู้เสียชีวิตเป็นการแจ้งจากนายจ้าง ยังไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทางการอิสราเอล


ส่วนการอพยพกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ในการประชุมศูนย์ประสานงานบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน เบื้องต้นเตรียมการใช้เครื่องบินกองทัพอากาศในการดำเนินการอพยพ หากมีสถานการณ์ที่มีความพร้อม จะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว


ขณะที่ ทางกองทัพอิสราเอลได้อพยพคนไทยจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัยในหลายพื้นที่แล้วเช่นกัน โดยทางอิสราเอล แจ้งว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องอพยพ แต่หากฝ่ายไทยเห็นว่ามีความจำเป็นทางอิสราเอลก็พร้อมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งทางสถานทูตได้มีการให้คนไทย แจ้งความประสงค์ ผ่านการกรอกแบบฟอร์มตอบรับการอพยพกลับไทยแล้ว มีคนไทยต้องการอพยพ 1,099 คน อีก 22 คน ไม่ขอกลับ จากแรงงานไทย ที่ไปทำงานในอิสราเอลทั้งหมด 30,000 คน ในจำนวนนี้มีรายงานที่อยู่บริเวณฉนวนกาซา ประมาณ 5,000 คน


นอกจากนี้ ยังได้ประสานประเทศใกล้เคียง อาทิ จอร์แดน เพื่อเตรียมแผนอพยพ กรณีต้องใช้ประเทศใกล้เคียงเป็นสถานที่สแตนบาย แต่เบื้องต้นทางกองทัพอากาศยืนยัน ว่าสามารถบินตรงไปยังอิสราเอลได้


นอกจากนี้ กระทรวงฯยังได้สั่งการไปยังสถานทูตไทยในต่างประเทศ เพื่อไปติดต่อกับประเทศนั้นๆ หากเมีช่องทางในการช่วยเหลือเพิ่มเติมอย่างไร จะได้ดำเนินการร่วมกัน


ขณะที่สถานการณ์ภายในอิสราเอลโดยรวม ทางรัฐบาลอิสราเอลและกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลได้บรีฟสถานการณ์ผ่านคณะทูต ยืนยันว่า ท่าอากาศยานของอิสราเอล ยังคงเปิด ทำการตามปกติมีเที่ยวบินเข้าออกร้อยละ 50 จากก่อนเกิดเหตุ


อิสราเอลยังยืนยันว่าอิสราเอลยังคงมีความปลอดภัย ไม่แนะนำให้อพยพ แต่หากประเทศไทยจะอพยพก็สามารถขอดำเนินการได้ และสามารถขอใช้เครื่องบินพาณิชย์ ในการอพยพได้เพื่อความสะดวก


อย่างไรก็ตามในชั้นนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับจำนวนชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติเสียชีวิตและถูกจับกุมเป็นตัวประกันกี่คน ซึ่งเข้าใจได้ว่าอยู่ในห้วงภาวะสงครามที่มีการสู้รบอยู่


ทั้งนี้ฝ่ายอิสราเอลยังพยายามกระชับพื้นที่ให้ได้พื้นที่คืน พร้อมกับพยายามช่วยเหลือตัวประกันและผู้ถูกจับกลุ่มต่างๆ ต่อเนื่อง ตอนนี้พลเรือนทั้งฝั่ง ปาเลสไตน์ และฝั่งอิสราเอลได้รับผลกระทบ อย่างมาก


มีการจับตัว จากชาติต่างๆ ทั้ง อิสราเอล ฝรั่งเศส เยอรมัน จอร์เจีย และไทย รวมอย่างน้อย 100 คน ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลประกาศให้อิสราเอลอยู่ในภาวะสงครามเพื่อให้กองทัพมีอำนาจในการสั่งการ เพื่อควบคุมสถานการณ์เพราะมีการประกาศอพยพพลเรือนทุกคนที่อยู่ใกล้บริเวณฉนวนกาซารวมถึงพี่น้องคนไทย โดยจะพยายามอพยพให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง


ส่วนกรณีที่กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า ข้อมูลผู้เสียชีวิต 2 รายเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นเป็นคนจีน ไม่ใช่คนไทยนั้น ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ขอดำเนินการตรวจสอบก่อน ตอนนี้ได้แต่เบื้องต้น ได้รับการยืนยันว่าเป็นคนไทยทั้งหมด และข้อมูลเมื่อวานนี้ (9 ต.ค.) มีคนไทยเสียชีวิต 12 ราย แต่ก็เชื่อว่าในสถานการณ์แบบนี้จะมีคนจากชาติอื่น เสียชีวิตด้วยเพราะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้เจาะจงประเทศใดประเทศหนึ่ง

-----------
เมื่อเวลา 11.45 น. วานนี้ (9 ต.ค.) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมายังกองบิน 6 ฐานทัพอากาศดอนเมือง เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพลและเครื่องบินกองทัพอากาศไทยสำหรับปฏิบัติภารกิจอพยพคนไทยในประเทศอิสราเอล


โดยนายสุทินระบุว่า จากการตรวจความพร้อมของกองทัพอากาศ พบว่ากองทัพอากาศไทยมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน 100% ตั้งแต่การจัดเตรียมเครื่องบิน Airbus 340 และ C-130 จำนวน 6 ลำ รวมทั้งลูกเรือและกำลังพลด้านเครื่องบิน การแพทย์และเวชศาสตร์การบิน และความปลอดภัย รวมทั้งประสานข้อมูลและประเมินสถานการณ์ด้านต่างๆ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพไทย หน่วยข่าวกรองต่าง ๆ และสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย จึงยืนยันว่าประเทศไทยพร้อมในทุกๆ ด้านที่จะรับคนไทยกลับบ้าน และรักษาเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บได้ ซึ่งเตรียมความพร้อมบินตลอด 24 ชั่วโมง โดยญาติพี่น้องทุกคนไม่ต้องวิตกกังวล


ทั้งนี้โดยหลักการ จะต้องได้รับการอนุญาตเข้าน่านฟ้าของประเทศอิสราเอลเสียก่อน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานงาน ทันทีที่ได้รับไฟเขียวอนุญาตจากรัฐบาลอิสราเอล รัฐบาลจะสั่งการให้กองทัพอากาศบินทันที เบื้องต้นทางสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศอิสราเอล อยู่ในระหว่างพาคนไทยเข้าหลบในที่อันตรายน้อยที่สุดระหว่างรอการเข้าช่วยเหลือ


นอกจากนี้ ได้จัดเตรียมแผนสำรองสำหรับกรณีที่เครื่องบินกองทัพอากาศไทยไม่เพียงพอรับอพยพคนไทย โดยได้ประสานขอความร่วมมือกับสายการบินเอกชนเพื่อเช่าเหมาลำเครื่องบินเอกชนช่วยภารกิจอพยพคนไทยกลับบ้าน แต่เบื้องต้นจะให้กองทัพอากาศเป็นผู้ดำเนินภารกิจนี้ก่อน หากไม่เพียงพอก็จะดำเนินการตามแผนสำรองต่อไป อีกทั้งยังเตรียมแผนสำรองการจอดเครื่องบินในกรณีที่อิสราเอลปิดน่านฟ้า โดยจะใช้จุดจอดในประเทศใกล้เคียง ได้แก่ ประเทศจอร์แดน ไซปรัส และซาอุดิอาระเบีย ทั้งนี้อิสราเอลยังไม่มีการปิดน่านฟ้าและอยู่ในระหว่างการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังแสดงความมั่นใจว่าอีกว่า ภารกิจครั้งนี้จะสามารถอพยพคนไทยกลับมาได้ด้วยเครื่องบินอย่างปลอดภัย 100% สำหรับความเสี่ยงจากการถูกโจมตีภาคอากาศและภาคพื้นดินเนื่องจากยังมีการสู้รบกัน ยอมรับว่ามีแต่เราประเมินสถานการณ์อยู่แล้วโดยละเอียดร่วมกับอิสราเอล ส่วนจะต้องมีปฏิบัติการพิเศษช่วยเหบือคนไทยที่ถูกจับกุมหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่มีปฏิบัติการส่วนนี้ เนื่องกองทัพอิสราเอลเป็นผู้รับผิดชอบผลักดันช่วยเหลือตัวประกัน จะไม่มีการล่วงล้ำอธิปไตยระหว่างกัน แต่กระทรวงการต่างประเทศไทยประสานข้อมูลประเมินสถานการณ์ร่วมกันกับอิสราเอลอยู่แล้วอย่างใกล้ชิด


ส่วนความเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุความไม่สงบในประเทศไทยโดยเฉพาะสามชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายสุทินยอมรับว่า เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการ เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากประเทศไทยมีมุสลิมอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งพลเมืองจากประเทศผู้ขัดแย้ง ก็พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเหตุ กระทบกระทั่งทำร้ายกันภายในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวกรองและหน่วยงานความมั่นคงก็ยังคงเฝ้าจับตาและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด


ส่วนกรณีที่โลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลไทยว่าล่าช้า นายสุทินยืนยันว่า รัฐบาลไทยได้เตรียมความพร้อมที่จะช่วยเหลืออพยพประชาชนคนไทยในทุกๆ ด้านอย่างถึงที่สุดแล้ว เหลือเพียงแต่การรออนุมัติไฟเขียวให้เข้าพรมแดนจากประเทศอิสราเอลเท่านั้น และระบุอีกว่า จนถึง ณ ขณะนี้ยังไม่มีประเทศไหนในโลกที่สามารถส่งเครื่องบินเข้าไปช่วยพลเรือน ตนเองในประเทศอิสราเอลได้


พร้อมระบุทิ้งท้ายว่า สำหรับท่าทีของกองทัพไทยนั้น ขึ้นอยู่กับทิศทางนโยบายของรัฐบาลไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศ หากรัฐบาลมีนโยบายอย่างไร กองทัพก็พร้อมปฏิบัติตาม

-------------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/UD9tsSfcR74

คุณอาจสนใจ

Related News